ในอีกหลายพันปีข้างหน้า มนุษย์และสัตว์จะมีหน้าตาเปลี่ยนไปแค่ไหน

บนโลกของเรามีระบบนิเวศที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่ประกอบด้วยพืชและสัตว์จำนวนนับล้านๆ ชนิด และมันก็เกิดวิวัฒนการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา สัตว์หน้าตาเดิมๆ ก็เปลี่ยนไปเพื่อทำการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปเช่นกัน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่นักวิทยาศาสตร์ยังคงค้นพบสัตว์สายพันธุ์ใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา

วันนี้เพชรมายาจึงขอพามาชมการคาดคะเนไปถึงสัตว์ประหลาดสายพันธุ์ใหม่ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตในอีกไม่กี่พันกี่หมื่นปีต่อจากนี้ ลองมาดูกันว่าสัตว์เหล่านี้จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร และจะแปลกประหลาดสักแค่ไหนไปชมกัน

1. ไนท์ สตอลเกอร์ (Night Stalker)

ไนท์ สตอลเกอร์ (Night Stalker) หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ Manambulus perhorridus คือค้างคาวหน้ายักษ์ที่มีขาอันใหญ่โตที่วิวัฒนาการมาจากปีกที่พวกมันเคยมี ขาที่ใช้ยึดเกาะต้นไม้จะกลายมาเป็นแขนและมือที่ใช้ยึดจับได้อย่างมีประสิทธิภาพ และด้วยความที่มันเป็นค้างคาว จึงสามารถใช้วิธีการล่าเหยื่อด้วยเสียงสะท้อน (Echolocation) หูและจมูกที่แบนจะถูกพัฒนาจนบดบังดวงตาที่ไม่ได้ใช้งานอีกต่อไป

2. เนครอปเทริกซ์ (Necropteryx)

นี่คือนกแร้งในอนาคตที่วิวัฒนาการให้ตัวใหญ่ขึ้น ปีกของพวกมันจะมองไม่เห็นอีกต่อไป แต่จะใช้การเดินด้วยขาอันแข็งแกร่งที่สามารถเดินทางได้ถึงวันละหลายสิบกิโลเมตร ตัวเมียจะสูงประมาณ 150 ซม. ส่วนตัวผู้จะสูงถึง 170 ซม. และมีติ่งขนาดใหญ่ยื่นออกมาบนจงอยปาก พวกมันมีกรามที่แข็งแกร่ง และออกหาเศษซากกระดูกของสัตว์ที่ตายแล้วเพื่อเป็นอาหาร ส่วนตัวเมียจะสามารถวางไข่ในซากสัตว์ประมาณ 2-3 ฟอง ตัวลูกๆ ที่เติบโตขึ้นมาจะต้องต่อสู้แก่งแย่งกันเพื่อเป็นจ่าฝูงต่อไป

3. พาราเชริว (Parashrew)

พาราเชริว (Parashrew) หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ Pennatacaudus Volitarius เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็กที่อาศัยอยู่ตามพื้นที่ๆ เป็นภูเขา จุดเด่นของพวกมันคือหางที่ดูเหมือนกับหอก และสามารถกางเป็นเหมือนร่มเพื่อใช้ย้ายถิ่นฐานออกจากรังของพ่อแม่พวกมัน ส่วนหางที่เป็นร่มนี้เป็นผลมาจากการวิวัฒนาการของสัตว์ในยุคนี้ที่ใช้หางเป็นอวัยวะสร้างความสมดุลในขณะที่ออกไปจับแมลงในอากาศ ส่วนถิ่นที่อยู่ของพวกมันก็คือตามภูเขาในแถบอเมริกาเหนือ

4. ลีปปิง เดวิล (Leaping Devil)

หรือมีชื่อเรียกว่า Spitting Featherfoot คือนักล่าตัวจิ๋วที่วิวัฒนาการมาจากตัวมาร์มอต (สัตว์คล้ายกระรอกตัวใหญ่) ขาหน้าของมันจะมีขนาดเล็ก แต่ขาหลังจะมีขนาดยาวและผอมซึ่งมีไว้เพื่อให้มันกระโดดได้ไกล ไตของมันมีประสิทธิภาพสูงในการรีไซเคิลน้ำเสียจากสัตว์ และนั่นทำให้ฉี่ของมันมีความเข้มข้นกว่าสัตว์จำพวกหนูถึง 2 เท่า นอกจากนั้นมันยังไม่ต้องดื่มน้ำ แต่ใช้การรับความชื้นทั้งหมดที่พวกมีนต้องการจากพืชแทน มันสามารถกินพืชที่เป็นพิษต่อสัตว์อื่นๆ ได้ และยังสามารถพ่นน้ำลายที่เป็นพิษเพื่อโจมตีสัตว์อื่นอีกด้วย

5. เดธลีเนอร์ (Deathleaner)

ค้างคาวที่ล่าสัตว์เป็นอาหารตัวนี้ มีความกว้างปีกถึง 1.3 เมตร โดยจะอาศัยอยู่ในทะเลทรายแถบอเมริกาเหนือ วิธีการล่าเหยื่อของมันจะออกมาเฉพาะตอนกลางวัน (เป็นเวลาที่ลมอุ่นเหนือทะเลทรายช่วยให้มันบินได้ไกลขึ้น) บินวนกันเป็นฝูง เมื่อตัวใดตัวหนึ่งเหยื่อ พวกมันจะส่งสัญญาณไปยังตัวอื่นๆ ให้ลงมารุมกินโต๊ะสัตว์ผู้โชคร้ายตัวนั้น

6. แพมเธรต (Pamthret)

แพมเธรต (Pamthret) หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ Vulpemusetla Acer คือสัตว์กินเนื้อขนาดใหญ่ที่มีความยาวไม่เกิน 2 เมตร แต่นั่นก็ทำให้มันเป็นสัตว์กินเนื้อที่ใหญ่ที่สุดในแถบยุโรปและเอเชีย ความแข็งแรงของร่างกายจะช่วยให้พวกมันล่าเหยื่อได้ง่าย แพมเธรตจะอยู่รวมกันเป็นครอบครัวเล็กๆ และจะออกล่าเหยื่อเป็นคู่เสมอ

7. เทราไบต์ (Terabyte)

เทราไบต์ จะเป็นแมลงสายพันธุ์ใหม่ที่มีชีวิตอยู่ในโลกอนาคตอีก 200 ล้านปีต่อจากนี้ พวกมันจะกินสาหร่ายเป็นอาหาร และที่อยู่อาศัยของพวกมันก็คือมหาทวีปโนโวพันเจีย ที่เป็นการรวมกันจากทวีปอื่นๆ บนโลกมาจนเหลือเป็นทวีปเดียว หัวที่มีขนาดใหญ่โตจะผลิตสารเคมีและพ่นออกทางจมูกเพื่อขับไล่ศัตรูของพวกมัน ปลวกเองก็ใช้วิธีการต่อสู้เช่นนี้ แต่ในอีก 200 ปีข้างหน้า อาวุธเคมีของเจ้าเทราไบต์จะถูกพัฒนาให้มีความซับซ้อนยิ่งขึ้นไปอีก

8. วัคก้า (Wakka)

วัคก้า (Wakka) หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ Anabracchium Struthioforme คือสิ่งมีชีวิตที่มีรูปร่างคล้ายสัตว์จำพวกนกกระจอกเทศ นกอีมู โดยมีขาหลังที่ยาวและไม่มีขาหน้า หางยาวและลำคอยาวมาก ถิ่นที่อยู่ของพวกมันคือทุ่งหญ้าในแถบอเมริกาใต้และจะใช้คอยืดยาวของพวกมันแทะเล็มกินหญ้าเป็นอาหาร นอกจากนั้นประโยชน์ของคอยาวของพวกมันจะช่วยรักษาสมดุลกับร่างกาย และช่วยให้มองเห็นสิ่งต่างๆ รอบตัวได้อย่างชัดเจนอีกด้วย

9. รีดสติลต์ (Reedstilt)

รีดสติลต์ (Reedstilt) หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ Harundopes virgatus คือสัตว์ประหลาดคล้ายไดโนเสาร์ที่อาศัยอยู่แถบริมแม่น้ำเพื่อหาปลาเป็นอาหาร โดยมันจะอาศัยอยู่ซีกโลกทางเหนือ ในขณะที่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่นๆ จะมีกระดูกคอ 7 ชิ้น แต่เจ้ารีดสติลต์จะมีมากถึง 15 ชิ้น

10. นีโอซิดาริส (Neocidaris)

หรือมีชื่อเต็มคือ นีโอซิดาริส ชวาร์เซเนกเกอรี (Neocidaris Schwarzenheggeri) ที่อ้างอิงตามชื่อของ อาร์โนลด์ ชวาร์เซเนกเกอร์ เนื่องจากความแข็งแกร่งใหญ่โตของมัน ดูเผินๆ อาจคิดว่ามันเป็นแมงมุม แต่จริงๆ แล้วมันอยู่ในวงศ์เดียวกับ ดาวทะเลและเม่นทะเล แต่ขนาดของมันเห็นแล้วต้องช็อค ด้วยความสูง 50 ซม. และเส้นผ่าศูนย์กลางกว่า 1 เมตร นี่จะเป็นวิวัฒนาการของดาวทะเลในอนาคตที่ทำให้มนุษย์เห็นแล้วหลอนแน่นอน

แล้วมนุษย์ในอนาคตอีกประมาณ 1,000 ถึง 1 ล้านปีล่ะ จะมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร ?

นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าในอนาคตมนุษย์จะสูญเสียผมไปจนหมด เนื่องจากมนุษย์มีแนวโน้มที่จะหัวล้านมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ศีรษะจะใหญ่โตมากขึ้นมาจากพัฒนาการของสมองที่ดีขึ้น ร่างกายของมนุษย์จะผอมและสูงขึ้น นิ้วเท้าจะลดลงไป 1-2 นิ้วเนื่องจากไม่มีประโยชน์ที่จะใช้ทรงตัวอีกต่อไป

อีกสิ่งหนึ่งที่อาจจะเกิดขึ้นกับมนุษย์ในอนาคตก็คือการให้กำเนิดมนุษย์ด้วยวิธีที่แปลกใหม่ การสร้างเนื้อเยื่อแบบ 3 มิติและพันธุวิศวกรรมได้ถือกำเนิดขึ้นแล้วตอนนี้ นั่นหมายความว่ามนุษย์ในอนาคต จะไม่มีสะดืออีก

จริงๆ แล้วมีทฤษฎีมากมายที่พยายามอธิบายรูปลักษณ์ของมนุษย์เราในอนาคตซึ่งก็แตกต่างกันไปตามการวิเคราะห์ของแต่ละคน แล้วคุณล่ะคิดว่ามนุษย์เราจะเป็นอย่างไรในอนาคตกันแน่ ?

ที่มา : speculativeevolution | เรียบเรียงโดย เพชมายา

สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ