4 คำเตือนสุดท้ายของฮอว์กิง เราอาจต้องย้ายออกจากโลกใน 200 ปีข้างหน้า

ถือเป็นข่าวอันน่าเศร้าของที่โลกของเราได้สูญเสียบุคคลอันทรงคุณค่าที่สุดของยุคอย่าง สตีเฟน ฮอว์กิง ไปในวันนี้ ด้วยอายุ 76 ปี ซึ่งในช่วงหลายเดือนก่อน ฮอว์กิงได้ออกมาเตือนมนุษยชาติว่า พวกเราอาจต้องย้ายออกจากโลกในอีก 200 ปีต่อจากนี้ ถ้าหากต้องการดำรงไว้ซึ่งเผ่าพันธุ์มนุษย์

ศาสตราจารย์ฮอว์กิงเชื่อว่า ชีวิตบนโลกมากมายจะถูกกวาดล้างไปอย่างรวดเร็วโดยหายนะบางอย่าง เช่น อาจเป็นเพราะอุกกาบาตชนโลก, การเติบโตของระบบ AI, ปัญหาประชากรล้นโลก และสภาวะโลกร้อน ซึ่งความหวังเดียวที่จะทำให้มนุษย์อยู่รอดได้นั่นก็คือ การบังคับให้คนรุ่นลูกรุ่นหลานไปเริ่มชีวิตใหม่ในอวกาศ

1. สภาะโลกร้อน

นี่คือหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ฮอว์กิงกลัวมากที่สุด ฮอว์กิงกล่าวว่า “ทรัพยากรบนโลกเรากำลังถูกใช้หมดไป จนเกิดสัญญาณเตือนที่บ่งบอกได้ว่าเรากำลังนำโลกไปสู่หายนะ การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิ การลดลงของน้ำแข็งขั้วโลก การตัดไม้ทำลายป่า และการสูญพันธุ์ของสัตว์หลายชนิด เราไม่อาจมองข้ามปัญหาเหล่านี้ได้”

ศาสตราจารย์ฮอว์กิงกล่าวว่า เมื่อถึงจุดหนึ่ง โลกของเราจะมีอุณหภูมิสูงถึง 460 องศาเซลเซียสเหมือนกับดาวสศุกร์ ถ้าเรายังไม่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแบบนี้ นอกจากนั้นฮอว์กิงยังเชื่อว่า การที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ตัดสินใจที่จะถอนตัวออกจาก “ความตกลงปารีส” (Paris Climate Agreement) ในความพยายามในการลดภาวะโลกร้อน ถือว่าเป็นการทำให้โลกเราถึงจุดจบแล้ว

2. อุกกาบาตชนโลก

ถ้าสภาวะโลกร้อนยังไม่ได้ทำให้มนุษยชาติสูญพันธุ์ ฮอว์กิงยังเชื่อว่าโอกาสที่โลกของเราจะถูกชนด้วยอุกกาบาตก็เป็นไปได้สูงเช่นกัน

“มันไม่ใช่นิยายวิทยาศาสตร์ มันได้รับการรับรองโดยกฏของฟิสิกส์และความเป็นไปได้ โลกของเราเสี่ยงต่อการถูกทำลาย” ฮอว์กิงกล่าว

การออกเดินทางสู่อวกาศจะเปลี่ยนอนาคตของมนุษย์เราโดยสมบูรณ์ นอกจากนี้มันยังเป็นตัวกำหนดว่าเราจะยังมีอนาคตอยู่อีกหรือไม่

ก่อนหน้านี้ ฮอว์กิงได้ทำงานร่วมกับมหาเศรษฐีชาวรัสเซียอย่าง ยูริ มิลเนอร์ ในโครงการ Breakthrough Starshot โดยการส่งยานอวกาศขนาดจิ๋วที่เรียกว่า Nanocraft ที่มีความเร็วขนาด 1/4 ของแสง ไปยังระบบดาวอัลฟา เซ็นทัวรี ที่ไกลออกไปราว 4 ปีแสง และคาดว่าจะมีโอกาสที่มีสิ่งชีวิตอยู่ที่นั่นมากที่สุด ซึ่งต่อจากนี้ต้องรอดูกันต่อไปว่าหลังจากการเสียชีวิตของฮอว์กิงแล้ว โครงการนี้จะยังเดินหน้าต่อไปได้ไกลแค่ไหน

3. ระบบ AI ที่อาจมาแทนมนุษย์

ศาสตราจารย์ฮอว์กิงอ้างว่า ระบบ AI จะมาถึงระดับที่เป็น “สิ่งมีชีวิตรูปแบบใหม่ที่จะทำทุกอย่างได้ดีกว่ามนุษย์”

เรื่องนี้เป็นปัญหาที่นักวิทยาศาสตร์หลายคนเป็นห่วงเช่นกัน ระบบ AI อาจจะเข้ามาแทนที่มนุษย์ได้อย่างเบ็ดเสร็จ และสิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคม เมื่อนายจ้างไม่ต้องการใช้ “มนุษย์ทำงาน” แต่กลับใช้ AI ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพที่ดีกว่า ไม่เรียกร้องเงินเดือน ไม่มีค่าสวัสดิการ ไม่ต้องมีปัญหาระหว่างทำงาน ตำแหน่งงานที่สามารถใช้ AI แทนได้ก็จะหดหายลงไป เหลือเพียงแค่ตำแหน่งที่สำคัญๆ โลกนี้จะถูกยึดครองด้วย AI ถึงแม้อาจไม่เหมือนเรื่อง Terminator แต่มันก็อาจเลวร้ายได้ไม่แพ้กัน มนุษย์จึงต้องปรับตัวเพื่อเรียนรู้ที่จะอยู่กับ AI ให้ได้

4. ปัญหาประชากรล้นโลก

“สำหรับผมแล้ว นี่คือปัญหาที่น่าเป็นห่วงที่สุดตอนนี้ มากกว่าช่วงเวลาใดๆ ในประวัติศาสตร์ พวกเราต้องทำงานร่วมกัน” ฮอว์กิงกล่าว

ต้องยอมรับว่าปัญหาประชากรล้นโลกเป็นสาเหตุให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมอื่นๆ ตามมามากมาย การขยายตัวของเผ่าพันธุ์มนุษย์เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่พื้นที่อาศัยบนโลกเราใบนี้ยังมีอยู่เท่าเดิม ยิ่งมีมนุษย์มากขึ้น มลภาวะทางสิ่งแวดล้อมก็มากขึ้นตามไปด้วย

“มนุษย์เราไม่อาจอยู่รอดได้เกินกว่า 1,000 ปี บนโลกที่เปราะบางนี้ โดยไม่หลบหนีไปดาวดวงอื่น ภายใน 200 ปีต่อจากนี้ เราอาจต้องเดินทางไปอยู่บนอวกาศแล้ว”

และนี่ก็เป็นคำเตือนที่ สตีเฟน ฮอว์กิง นักวิทยาศาสตร์ผู้เป็นตำนานของโลกใบนี้ได้เคยพูดเอาไว้ คุณอาจไมม่ต้องใส่ใจกับคำพูดเหล่านี้และใช้ชีวิตในการทำลายโลกใบนี้ต่อไป หรือคุณจะหันมาเห็นความสำคัญของสภาวะโลกร้อนมากขึ้น และพยายามไม่สร้างปัญหาสิ่งแวดล้อมเพื่อที่จะรักษาโลกของเรา ดวงดาวที่สวยงามที่สุดในจักรวาล ให้คงอยู่ต่อไปเพื่อให้ลูกหลานเราได้มีโอกาสอยู่ชื่นชมตราบนานเท่านาน

สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ

ที่มา : dailymail | เรียบเรียงโดย เพชรมายา