เรื่องจริงของผู้หญิงที่รอดชีวิตจากโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ของโลกถึง 3 ครั้ง

โศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก และคงไม่มีใครอยากเอาตัวเข้าไปเสี่ยงกับเหตุการณ์เลวร้ายเหล่านี้ แต่ไม่รู้ว่าทำไมโชคชะตาถึงชอบเล่นตลกกับผู้หญิงคนนี้ ที่ได้เข้าไปอยู่ในโศกนาฏกรรมระดับโลกครั้งแล้วครั้งเล่า

นี่คือ ไวโอเลต เจสซอป ลูกสาวของชาวนาชาวไอริชที่อพยพมาอยู่ในอาร์เจนตินา เธอเกิดในปี 1887 เป็นพี่สาวคนโตสุดในบรรดาพี่น้อง 6 คน

ตั้งแต่ยังเล็ก ไวโอเลตต้องต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดจากโรคร้ายมากมาย และเธอก็เฉียดตายมาแล้วหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นโรคหวัดที่ทำลายระบบภูมิคุ้มกันของเธอ ตามด้วยโรคปอดบวม รวมไปถึงวัณโรคที่เกือบทำลายปอดของเธอ

ในฐานะที่เธอเป็นชาวคาทอลิก ไวโอเลตได้สวดมนต์ทุกคืนเพื่อให้สุขภาพของเธอแข็งแรง และดูเหมือนพระเจ้าจะเห็นใจเธอ ที่ช่วยให้เธอรอดชีวิตมาได้จนโต

หลังจากใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่บนเตียงผู้ป่วยในวัยเด็ก ไวโอเลตเติบโตมาพร้อมกับมีเป้าหมายที่อยากเห็นโลกให้กว้างขึ้น แต่การที่เธอจะออกไปผจญภัยในโลกกว้างจำเป็นต้องใช้เงินมหาศาล ด้วยฐานะที่ยากจนจึงทำเธอจึงตัดสินใจทำงานเป็นพนักงานต้อนรับบนเรือเดินสมุทรแทน

ในความเป็นจริงแล้ว ไวโอเลตเป็นหญิงสาวที่หน้าตาดีเกินกว่าที่จะทำงานเป็นพนักงานต้องรับบนเรือที่ส่วนมากจะอายุมากกว่าเธอแทบทั้งสิ้น เธอต้องทำตัวเองให้ดูแก่มากขึ้นในระหว่างการสัมภาษณ์ จนสุดท้ายเธอก็ได้งานนี้ตามที่ฝันไว้

การเดินทางครั้งแรกของเธอก็คือการเป็นพนักงานต้อนรับของบริษัท Royal Mail Line ซึ่งต่อมาเป็นเรือที่ครอบครัวของเธอย้ายไปยังอังกฤษหลังพ่อของเธอเสียชีวิต เรื่องนี้ไม่ได้ทำให้ความฝันของเธอเปลี่ยนไป แถมเธอยังได้งานที่ดีขึ้นที่บริษัท White Star Line อีกด้วย

White Star Line เป็นบริษัทที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการสปอยล์ผู้โดยสารด้วยทัศนคติแย่ๆ และไวโอเลตต้องทำงานมากถึง 17 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อทำให้ผู้โดยสารพึงพอใจ แต่หลังจากมีการเปลี่ยนถ่ายลูกเรือ เธอได้ถูกย้ายมาประจำที่เรือ RMS Olympic แทน และนี่เป็นจุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับเธอครั้งแรก

เมื่อวันที่ 20 กันยายน ค.ศ. 1911 เรือ RMS Olympic ที่กำลังเดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกเป็นครั้งที่ 5 ได้ชนเข้ากับเรือรบอังกฤษ HMS Hawke ผู้โดยสารทุกคนต่างตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น น้ำเริ่มท่วมเข้ามาบนเรือ ใบพัดเรือเกิดการบิดงอ ทุกคนต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน แต่โชคดีที่เรือยังไม่จมลงและเธอก็รอดชีวิตมาได้

ไวโอเลตยังคงทำงานต่อไปบนเรือ RMS Olympic หลังมันถูกซ่อมจนเสร็จ เธอรักในอาชีพนี้และยังคงทำงานต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเพื่อนของเธอมาบอกถึงความท้าทายใหม่ที่น่าตื่นเต้นกว่า

เรือลำใหม่ที่ถูกเรียกว่าเป็นน้องสาวของ RMS Olympic ถูกสร้างขึ้นมาให้เป็นเรือที่ใหญ่โตมโหฬารที่สุดในโลก โดยสามารถบรรทุกผู้โดยสารได้มากถึง 2,224 คน จากอังกฤษไปยังนครนิวยอร์ก นี่คือเรือที่ได้รับการยกย่องว่าทันสมัยที่สุด และแน่นอนว่าไวโอเลตได้รับงานบนเรือลำใหม่นี้

ใช่แล้ว เรือลำใหม่นี้คือ RMS Titanic เรือที่ถูกตั้งฉายาว่า “เรือที่ไม่มีวันจม” แต่มันมีโอกาสเดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ก่อนที่จะชนเข้ากับภูเขาน้ำแข็งเมื่อวันที่ 14 เมษายน ค.ศ. 1912 เป็นโศกนาฏกรรมครั้งที่ 2 ที่เธอต้องเผชิญอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว

ด้วยความที่เธอพูดได้หลายภาษาและควบคุมสถานการณ์ได้ดี เธอจึงถูกสั่งให้ขึ้นไปอยู่บนดาดฟ้าเรือเพื่อสื่อสารกับผู้โดยสารที่ไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ เธออยู่บนเรือจนกระทั่งถูกสั่งให้หนีขึ้นไปบนเรือชูชีพลำหนึ่ง

และก่อนที่เรือชูชีพของเธอจะลงไปที่ทะเลน้ำแข็งอันหนาวเหน็บ เจ้าหน้าที่คนหนึ่งได้ส่งเด็กทารกมาให้เธอซึ่งไม่รู้ว่าเป็นลูกของใคร เธอกอดเด็กน้อยเอาไว้แน่นท่ามกลางสถานการณ์ที่วุ่นวาย (ใครที่เคยชมภาพยนตร์ Titanic อาจไม่รู้ว่า ไวโอเลตเองถูกอ้างอิงไปสร้างเป็นตัวละครที่ชื่อ ลูซี่ ที่เป็นพนักงานต้อนรับบนเรืออีกด้วย)

คืนนั้นเอง มีผู้เสียชีวิตมากถึง 1,503 คน เรือได้จมหายไปใต้มหาสมุทร โชคดีที่เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือมาถึง ไวโอเลตพร้อมกับเด็กทารกและคนอื่นๆ บนเรือก็ถูกช่วยขึ้นไปบนเรือ RMS Carpathia และรอดชีวิตมาได้สำเร็จ

ถึงแม้เธอจะกลับไปทำงานได้เหมือนเดิม แต่ดูเหมือนเธอต้องการจะหยุดคำสาปที่ติดตัวเธอเอาไว้โดยการตัดสินใจย้ายไปทำงานให้กับสภากาชาดอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1916 โดยได้ขึ้นไปรับหน้าที่เป็นนางพยาบาลบนเรือ HMHS Britannic เรือสำราญที่ถูกเปลี่ยนเอาไว้ใช้สำหรับขนส่งทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากเมดิเตอร์เรเนียนไปยังอังกฤษในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1

และในปีเดียวกันนั้นเอง เรือ HMHS Britannic ที่เธอโดยสารไปก็ดันแล่นเข้าไปโดนทุ่นระเบิดของเยอรมันที่หลงเหลือจากการเก็บกู้ จนส่งผลให้จมลงสู่ก้นมหาสมุทรในระยะเวลา 55 นาที หลังการเดินทางเพียง 6 ครั้ง

โชคดีที่ครั้งนี้ เรือ HMHS Britannic มีเรือชูชีพที่เพียงพอต่อผู้โดยสารทุกคน แต่ความซวยอยู่ตรงที่เธอต้องกระโดดลงไปในเรือชูชีพที่อยู่ไกลเกินไม่ถึง จนทำให้ศีรษะของเธอกระแทกกับลำเรือจนเกือบเสียชีวิต และครั้งนี้มีผู้โดยสารบนเรือเสียชีวิตเพียง 30 คนเท่านั้น

ความจริงแล้วไวโอเลตเองไม่รู้ตัวว่ากระโหลกของตัวเองร้าว จนกระทั่งผ่านไปหลายปี เธอทนกับอาการปวดหัวมาอย่างยาวนาน

หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 จบลง ไวโอเลตยังคงกลับมาทำงานเป็นพนักงานต้อนรับอีกครั้ง โดยเธอไปอยู่กับบริษัท Red Star Line และกลับมายัง Royal Mail Line อีกครั้ง เธอทำงานต่อไปอีก 42 ปี โดยที่ไม่เคยได้พบกับโศกนาฏกรรมอันเลวร้ายอีกเลย

หลังจากผ่านไปหลายสิบปี ไวโอเลตได้รับโทรศัพท์ปริศนาสายหนึ่ง ลองทายดูว่าใครกันแน่ที่โทรมาหาเธอ ? … นั่นคือเด็กทารกในอ้อมกอดของเธอที่ตอนนี้โตเป็นผู้ใหญ่แล้วนั่นเอง และหลังจากความโชคดีที่เธอรอดชีวิตมาได้ถึง 3 ครั้ง จึงทำให้เธอได้รับฉายาว่า “Miss Unsinkable” หรือ “นางสาวที่ไม่มีวันจม” และสุดท้ายในบั้นปลายชีวิต เธอประสบกับภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน และจบชีวิตลงด้วยวัย 83 ปี

สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ

ที่มา : boredomtherapy | เรียบเรียงโดย เพชรมายา