นักวิทย์อ้าง มนุษย์เราอาจเป็นอมตะได้ในอีก 17 ปีข้างหน้านี้

หลายคนอาจยังไม่ทราบว่า หลายบริษัทยักษ์ใหญ่ โดยเฉพาะบริษัท Google กำลังใช้เงินลงทุนหลายล้านเหรียญเพื่องานวิจัยชีวิตอมตะ นั่นคือสิ่งที่ผู้มีอำนาจหลายคนปรารถนา เพราะไม่ว่าคุณจะร่ำรวยล้นฟ้าแค่ไหน แต่ก็ไม่สามารถหนีความตายได้พ้น “ชีวิตอมตะ” จึงเป็นสิ่งที่ผู้คนต่างหลงใหลมานานหลายพันปี และผู้คนเต่างมองหายาอายุวัฒนะหรือวิธีการบางอย่างเพื่อยืดอายุขัยของตนเองมาหลายศตวรรษ แล้วมันมีความเป็นไปได้จริงหรือเกี่ยวกับชีวิตที่เป็นนิรันดร์ ?

#1. งานวิจัยยังคงดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง

จากการวิจัยเรื่องการยืดอายุขัยมนุษย์มาอย่างยาวนาน วิทยาศาสตร์การแพทย์สมัยใหม่อาจนำเราไปใกล้ความเป็นจริงมากขึ้นแล้วตอนนี้

ตัวอย่างงานวิจัยของกลุ่มนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ศึกษาวิธีที่จะปิด “สวิตช์พันธุกรรม” (Genetic Switch) ที่เป็นสาเหตุของความแก่ชรา แต่นั่นยังไม่ใช่การทดลองกับมนุษย์ เพราะเป็นเพียงแค่พวกหนอนเท่านั้น ถึงแม้ว่าจะยังห่างไกลจากความเป็นจริงที่จะก้าวจากหนอนมาสู่มนุษย์ แต่ก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่สำคัญสำหรับก้าวต่อไปไม่น้อย

นอกจากนั้นยังมีการวิจัยที่สามารถชุบชีวิตหนูแก่ด้วยการถ่ายเลือดจากหนูเด็กเข้าไป นักวิจัยคิดว่านี่อาจมีความเป็นไปได้ที่จะใช้ได้ผลกับมนุษย์

#2. เงินทุนจากทั่วโลก

จะมีอะไรที่คนรวยล้นฟ้าหาซื้อไม่ได้อีก ? แน่นอนว่ามันคือสุขภาพที่ดีและชีวิตอันเป็นนิรันตร์ที่มหาเศรษฐีทุกคนต้องการ นั่นจึงเป็นเหตผลที่บรรดามหาเศรษฐีมากมายรวมถึงเซเลปคนดัง จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินทุนหนุนหลังโครงการเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็น

– แลร์รี เอลลิสัน : หนึ่งในห้าของบุคคลที่รวยที่สุดในโลก เจ้าของบริษัทซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดอย่าง Oracle

– เซอร์จีย์ บริน : ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Google และบริษัท Calico ถูกก่อตั้งขึ้นโดยมีเป้าหมายในการทำให้ผู้คนมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น

– ออเบรย์ เดอ เกรย์ : นักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยผู้ก่อตั้งโครงการด้านการแพทย์มากมายเกี่ยวกับการฟื้นชีวิตใหม่ให้กับมนุษย์

นี่คือตัวอย่างของบุคคลที่มีชื่อเสียงที่ยอมรับว่า พวกเขากลัวการแก่ชราและการตาย และนั่นทำให้พวกเขาใช้เงินลงทุนมหาศาลในการหนีจากความตาย ที่เคยเชื่อกันว่าเป็นสิ่งที่ “หนีไม่พ้น”

#3. สิ่งที่ก่อให้ความแก่ชราในระดับเซลล์ 7 ประการ

ออเบรย์ เดอ เกรย์ นักวิทยาศาสตร์เจ้าของหนังสือ Ending Aging ในปี 2007 กำลังทำงานเกี่ยวกับการหยุดยั้งความตายของมนุษย์จากยีนของพวกเราเอง ปัจจุบันเขาเป็นหัวหน้าโครงการ SENS ที่มีเป้าหมายรับมือกับ “สิ่งที่ก่อให้เกิดความแก่ชราในระดับเซลล์ 7 ประการ” ตัวอย่างเช่น โปรตีนที่ไม่ถูกช่อยโดยเซลล์ของเรา โปรตีนที่สะสมอยู่นอกเซลล์ เซลล์ที่ไม่สามารถฟื้นฟูได้ด้วยตัวเอง และอื่นๆ ซึ่งเขาคิดว่าจะสามารถรับมือกับสิ่งเหล่านี้ได้ทั้งหมด

#4. วิทยาศาสตร์สมัยใหม่ เกี่ยวกับ 5 วิธีที่จะก้าวสู่การเป็นอมตะ

การเป็นอมตะ คำที่เราสามารถพบได้ทั้งในภาพยนตร์แนววิทยาศาสตร์ นิยายแนววิทยาศาสตร์ บทความต่างๆ รวมไปถึงการ์ตูนที่เราได้ชมกัน เราคงไม่แปลกใจว่าทำไม ฟรีซเซอร์ ในเรื่องดราก้อนบอล ถึงต้องการขอพรให้ตัวเองเป็นอมตะ

“ผมเห็นความเป็นอมตะที่ใกล้เข้ามาจากแผนกชีววิทยา” โวฟกัง ฟิงค์ ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยแอริโซนา ได้กล่าวเอาไว้ “การป้องกันเซลที่ตายหรือเสื่อมสภาพ เราจะเก็บรักษามันไว้ด้วยวิธีไครโอเจนิค ที่สามารถยืดอายุขัยของเซลล์เหล่านั้นได้” ถ้าอธิบายเรื่องโครโอเจนิคแบบง่ายๆ ก็คือ การแช่แข็งเพื่อเก็บรักษาสภาพไว้นั่นเอง

และนี่คือ 5 วิธีที่นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าจะสามารถก้าวไปสู่การเป็นอมตะได้

1) ปลดปล่อยพลังของยีน: นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า พวกเขาอาจพบยีนบางตัวที่เป็น “ยีนอมตะ” และจะสามารถปลูกถ่ายมันได้

2) โคลนนิ่ง: บางส่วนของร่างกายเพื่อทดแทนของเก่า หรือแม้แต่มนุษย์ทั้งคน การโคลนนิ่งถูกเชื่อว่า มันเป็นสาขาที่แยกออกมาจากการศึกษาเรื่องการเป็นอมตะ และมันก็เป็นหนึ่งในโครงการที่ก้าวหน้าไปมากที่สุด

3) ไครโอเจนิค: นี่ไม่ใช่อะไรที่แปลกใหม่ เพราะในอุตสาหกรรมอาหารก็ถูกใช้กันอย่างแพร่หลาย ส่วนการแช่แข็งให้มนุษย์ยังอยู่ในขั้นตอนศึกษา ต่อไปเราอาจทำให้ผู้ป่วยโรคบางโรคอยู่ในสภาพหลับไหล จนกว่าจะหายารักษาได้

4) สมองไซเบอร์: ถึงแม้ร่างกายของคุณจะเน่าเปื่อยผุพัง แต่สมองของคุณจะถูกอัปโหลดไปสู่ฮาร์ดไดรฟ์ที่ไม่มีวันหมดอายุ โครงการนี้มีชื่อว่า Russia-2045 ที่อ้างว่า จะสามารถทำสิ่งนี้ได้ภายใน 17 ปีต่อจากนี้

5) การซ่อมแซมเซลล์: ด้วยความสามารถของนาโนเทคโนโลยี จึงมีความเป็นไปได้ที่การรักษาโรคต่อไปในอนาคตจะถูกทำผ่าน “นาโนโรบอท” พวกมันสามารถทำได้แม้กระทั่งเปลี่ยนเซลล์ที่ตายแล้วด้วยเซลล์ใหม่ พร้อมทั้งรักษาโรคร้ายแรงให้หายขาดได้

#5. ชีวิตอมตะผ่านการทำสมาธิ

เรื่องราวนี้ถูกอ้างอิงมาจากชีวประวัติของ ดาชิ-ดาร์โช อิติกิลอฟ พระชาวรัสเซียที่เกิดในปี 1852 ก่อนที่ท่านจะลาโลกนี้ไปได้ทำการสั่งเสียลูกศิษย์เอาไว้ 2 เรื่อง คือ ฝังท่านในท่าที่ละสังขาร และให้ขุดท่านขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่ท่านจากไปแล้ว หลังจากนั้นไม่นาน พระอิติกิลอฟก็มรณภาพในท่านั่งสมาธิ ลูกศิษย์จึงฝังท่านในท่านั่งขัดสมาธิทั้งแบบนั้น

จนกระทั่งในปี 1955 บรรดาลูกศิษย์ได้ทำการขุดร่างท่านขึ้นมา และก็ต้องพบกับความประหลาดใจไม่น้อย เพราะร่างกายของท่านยังนั่งขัดสมาธิคงอยู่ในสภาพเดิมไม่เน่าเปื่อย และถึงแม้จะมีการฝังและขุดร่างท่านขึ้นมาใหม่อีก 2 ครั้ง ในปี 1973 และปี 2002 ร่างของท่านก็ยังคงสภาพเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

ถึงแม้การทำสมาธิจะไม่ได้ช่วยให้ชีวิตคุณเป็นอมตะ แต่ประโยชน์ของการทำสมาธิก็มีทั้งช่วยให้ร่างกายปลดปล่อย “เอ็นโดรฟิน” ฮอร์โมนแห่งความสุข ซึ่งจะช่วยให้คุณลดความเครียด นอนหลับได้ดีขึ้น ช่วยลดอาการเจ็บปวด และลดความดันโลหิต ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้จะช่วยให้ชีวิตของคุณยืนยาวได้

#6. บุคคลที่มีอายุ 100 ปี

ตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมา มีผู้ชายและผู้หญิงหลายคนที่มีอายุยืนยาวกว่า 100 ปี ตัวอย่างเช่น

– ฌอง คัลมองต์ (1875-1997) อายุ 122 ปี 164 วัน

ชิเกชิโยะ อิซุมิ (1865-1986) อายุ 120 ปี 237 วัน

ซาราห์ เดอเรเมอร์ (1880-1999) อายุ 119 ปี 97 วัน

ลูซี่ (เทอร์เรล) ฮันนาห์ (1875-1993) อายุ 117 ปี 248 วัน

มารี หลุยส์ เฟโบรนี (1880-1998) อายุ 117 ปี 230 วัน

และเชื่อหรือไม่ว่า ยังมีผู้เฒ่าอายุมากกว่า 100 ปี ที่ยังมีชีวิตอยู่บนโลกนี้มากมาย บางคนกินมังสวิรัติ บางคนกินเนื้อและดื่มไวน์เป็นว่าเล่น บางคนเป็นสิงห์อมควัน บางคนก็ติดช็อกโกแลต และมีอีกหลายคนที่ไม่ชอบออกกำลังกาย พวกเขาเหล่านี้ใช้ชีวิตแตกต่างกันมากมาย แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทุกคนเหมือนกันนั่นก็คือ พวกเขามีความสุขและใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย และนั่นอาจเป็นสิ่งที่คุณต้องเป็นให้ได้ หากอยากมีชีวิตอยู่ยืนยาว เพราะเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่า เมื่อไหร่ที่วิทยาศาสตร์จะสามารถเอาชนะความตายของมนุษย์ได้ และถึงได้ มันก็คงมีราคาแพงมากทีเดียว

สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ

ที่มา : brightside | เรียบเรียงโดย เพชรมายา