ความงามกับผู้หญิงเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับมนุษย์เรามานับพัน ๆ ปี แต่หลักฐานที่เราเห็นได้อย่างชัดเจนมากที่สุดก็คือภายใน 100 ปีที่ผ่านมา กับเทรนด์ความงามที่เราพบได้ตามหน้านิตยสารและสื่อโทรทัศน์ และเทรนด์ความงามเหล่านี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน
เมื่อเร็ว ๆ นี้ Transform Hospital Group ได้ทำการสำรวจวิวัฒนาการความงามของผู้หญิงในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา ผ่านเหตุการณ์ที่สำคัญ คนดัง และโซเชียลมีเดีย ที่มีต่อเทรนด์ความงามที่ได้รับความนิยมในขณะนั้น พวกเขาจับมือกับศิลปิน Jan Koudela เพื่อทำให้เราได้เห็นภาพชัดเจนขึ้นว่า เทรนด์ความงามในแต่ละทศวรรษเป็นอย่างไร และนี่คือคำตอบ
ทศวรรษ 1920
นี่คือช่วงเวลาที่ผู้หญิงรู้จักการแต่งหน้าเพิ่มมากขึ้น การทาปากเป็นเทรนด์อย่างมากในยุคนี้และผู้หญิงก็มักจะจัดแต่งริมฝีปากให้ดูเล็กลงกว่าริมฝีปากเดิมตามธรรมชาติ สีแดงเป็นสีที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ส่วนขนตาสีเข้มก็เป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมเช่นกัน
นอกจากนั้นผู้หญิงยังใช้รองพื้นทั้งแบบน้ำและแบบผงหลายชนิดเพื่อทำให้ผิวดูขาวแต่ไม่ซีด บลัชออนเป็นที่นิยมมากและมักถูกใช้เพื่อทำให้ใบหน้าดูกลม ครีมต่าง ๆ ถูกพัฒนาขึ้นมาในเชิงพาณิชย์มากยิ่งขึ้น รวมถึง Pond’s Vanishing Cream ที่โฆษณาว่าทำให้ผิวมีประกายแวววาวเหมือนไข่มุก
ทศวรรษ 1930
วงการฮอลลีวูดกำลังมีอิทธิพลของผู้หญิงอย่างมากในยุคนี้ รองพื้นแพนเค้กที่ถูกใช้โดยนักแสดงหญิงเริ่มวางจำหน่ายในปี 1937 และพวกเธอก็มีอิทธิพลอย่างมากต่อการเขียนคิ้วให้บางเป็นเส้นเรียวเล็ก
นวัตกรรมที่น่าสนใจอย่างหนึ่งเกิดขึ้นในช่วงนี้ นั่นก็คือการใช้กระแสไฟฟ้ากับคลื่นไมโครเวฟในการปรนนิบัติผิวหน้า มีการคิดค้นเครื่องจักรแปลก ๆ มากมาย รวมถึงเครื่อง Violet Ray ที่ถูกโฆษณาว่าจะช่วยบรรเทาระบบประสาท
ทศวรรษ 1940
ถือเป็นช่วงที่วัตถุดิบในการจัดทำเครื่องสำอางขาดตลาด จึงมีการหาสิ่งทดแทนมาใช้ เช่น ไม้ก๊อกใช้ทำมาสคารา และน้ำบีตรูตสำหรับทำเป็นลิปสติก
ผลกระทบของการขาดแคลนเครื่องสำอางในช่วงนี้ทำให้ผู้หญิงมีใบหน้าที่เป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น ลิปสติกเป็นสิ่งเดียวที่ยังทำให้พวกเธอรู้สึกว่ายังคงรักษาความเป็นหญิงเอาไว้ได้ ส่วนคิ้วและบรัชออนก็ยังมีการใช้อยู่แบบเบา ๆ ไม่เข้มมาก
ทศวรรษ 1950
ยุคนี้ มาริลิน มอนโร ถูกกล่าวหาว่าทำศัลยกรรมจมูก และทำให้การศัลยกรรมเริ่มถูกพูดถึงมากยิ่งขึ้น แม้ว่ามันจะแพงมากสำหรับคนส่วนใหญ่
ในยุคนี้เราจะได้เห็นการแต่งหน้าในแบบพาสเทล สีเขียว น้ำเงิน เหลือ และชมพู เป็นที่นิยมอย่างมากในขณะนั้น อายไลเนอร์เนื้อนุ่มถูกจับคู่กับการใช้มาสคารา ในขณะที่การเขียนคิ้วก็มีทรงโค้ง รองพื้นผิวขาวที่เป็นเนื้อครีมหรือของเหลวเป็นที่นิยมมากในยุคนี้
ทศวรรษ 1960
เป็นยุคที่การผลัดเซลล์ผิวหน้าด้วยสารเคมีเป็นที่นิยม แต่ยังไม่สามารถใช้ได้กับคนส่วนใหญ่ เนื่องจากมีราคาสูงและมีแต่คนรวยและคนมีชื่อเสียงเท่านั้นที่มีโอกาสได้ทำ
การใช้สกินแคร์หลายขั้นตอนทั้ง มอยส์เจอร์ไรเซอร์, โทนเนอร์ และ คลีนเซอร์ เริ่มต้นครั้งแรกในยุคนี้ โดยมีแบรนด์อย่าง Clinique ถือกำเนิดขึ้น การทาอายไลเนอร์หนา และขนตาปลอมก็ถูกเปิดตัวและได้รับความนิยมไปทั่วโลก นอกจากนั้นผู้หญิงยังเริ่มใช้คอนซีลเลอร์สำหรับปิดรอยสิวและรอยใต้ตาด้วย
ทศวรรษ 1970
ยุคนี้ผลิตภัณฑ์เริ่มหันมาสนใจ “ส่วนผสมจากธรรมชาติ” มากขึ้น โดยมักถูกรวมเข้าไปในเครื่องสำอางเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก
การผลัดเซลล์ผิวหน้าด้วยสารเคมีเริ่มกลายเป็นกระแสหลักมากขึ้นเพื่อให้ได้ผิวที่สดชื่นและเรียบเนียน มีการบรอนเซอร์ในการแต่งหน้าอย่างมากรวมถึงการใช้ผงไข่มุกเพื่อให้ผิวดูสุขภาพดีโดยเน้นไปที่โหนกแก้ม นอกจากนั้นชิมเมอร์และครีมอายแชโดว์ รวมถึงลิปกลอสแบบใสก็ได้รับความนิยมอย่างสูงเช่นกัน
ทศวรรษ 1980
ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่อต้านริ้วรอยเกิดขึ้นครั้งแรกในปลายยุค 80 โดยมีคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบที่น่าทึ่ง การดึงหน้าเริ่มได้รับความนิยมเพื่อทำให้รูปลักษณ์ดูอ่อนเยาว์มากขึ้น
การแต่งหน้ายุค 80 ถือเป็นช่วงเวลาแห่งสีสันจัดเต็ม อายแชร์โดว์สีฟ้า ม่วง ชมพู ถูกพบได้ทั่วไป ยิ่งแต่งหน้าสว่างเท่าไหร่ก็ยิ่งดูดีในยุคนี้ ส่วนมาสคาราและลิปสติกสีสันต่าง ๆ ก็ได้รับความนิยมอย่างไม่น่าเชื่อ เช่น แดง ชมพู และส้ม
นอกจากนั้นเทรนด์คิ้วหนาก็เริ่มได้รับความนิยมในยุคนี้แล้ว
ทศวรรษ 1990
ศัลยกรรมจมูกได้รับความนิยมอย่างสูงในยุค 90 มีคนดังมากมายที่ต้องการมีรูปทรงจมูกที่โด่งและแคบ
ในยุคนี้ยังมีการนำ AHA’s (Alpha Hydroxyl Acids) มาใช้เป็นส่วนผสมที่ส่งผลต่อให้ผิวอ่อนเยาว์ บทบาทของวิตามิน A, C, E และกลุ่ม B ก็มีเพิ่มขึ้นเพื่อมีหน้าที่ในการลดริ้วรอย
การแต่งหน้าในยุคนี้ไม่จัดจ้านเหมือนยุค 80 เพราะเน้นผิวหน้าสวยใสไร้ที่ติ ลิปสติกสีน้ำตาล ม่วง และเบอร์กันดีเริ่มมาแรง มักจะถูกจับคู่กับลิปไลเนอร์สีเข้ม ส่วนคิ้วก็ยังมีสีเข้ม คมชัด แต่จะบางมาก
ทศวรรษ 2000
ผลิตภัณฑ์มอยส์เจอไรเซอร์กรดไฮราลูโรนิกถูกนำมาใช้ และผู้ผลิตเริ่มใช้สารต้านอนุมูลอิสระ ครีมกันแดด และเทคโนโลยีปรับผิว Skin Energising ถูกนำมาใช้เพื่อต่อต้านริ้วรอย และปกป้องผิวจากรังสียูวี
การแต่งหน้าที่โดดเด่นในยุคนี้คืออายแชร์โดว์สีฟ้าสดใส จับคู่กับฟรอสต์ลิปและลิปกรอส คิ้วบางและโค้งได้รูปกำลังเป็นที่นิยมอย่างสูงในยุคนี้
ทศวรรษ 2010
นี่คือยุคการแต่งหน้าแบบจัดเต็ม รองพื้นแน่น มาพร้อมการกันคิ้วให้ได้รูป คอนทัวร์และไฮไลต์ต้องมาให้สุด
การไฮไลต์ให้โหนกแก้มสว่างชัดทำให้ใบหน้าของสาวในยุคนี้โดดเด่นมากขึ้น นอกจากจากการแต่งหน้ายังมีการใช้ฟิลเลอร์เพื่อให้ใบหน้าดูเอิบอิ่มในหลาย ๆ ส่วนอีกด้วย
ทศวรรษ 2020
อนาคตต่อจากนี้ โฟกัสจะเปลี่ยนจากการแต่งหน้าไปสู่ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและดูแลผิวหน้าแทน ทรีตเมนต์ต่าง ๆ จะถูกพูดถึงมากยิ่งขึ้น พร้อมกับนวัตกรรมต่าง ๆ ที่จะทำให้ผิวหน้าดูกระจ่างใส จนอาจเกิดแนวคิดที่ว่า “ถ้าผิวหน้าของคุณไร้ที่ติ ก็ไม่จำเป็นต้องแต่งหน้าอีกต่อไป”
ที่มา : transforminglives | เรียบเรียงโดย เพชรมายา
สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ