14 ความจริงที่น่าทึ่งเกี่ยวกับเนเธอร์แลนด์ ที่หลายคนไม่เคยรู้มาก่อน

ถ้าพูดถึงประเทศที่น่าสนใจในยุโรป หลายคนอาจพูดถึงอังกฤษ อิตาลี เยอรมนี สเปน หรือฝรั่งเศส แต่หนึ่งในประเทศที่น่าสนใจและมีเอกลักษณ์มากที่สุดในยุโรปนั่นคือเนเธอร์แลนด์ ที่ไม่ได้มีสิ่งน่าสนใจเพียงแค่ทุ่งดอกทิวลิปและกังหันลมเท่านั้น

วันนี้เพชรมายาจะขอพาทุกท่านไปเรียนรู้ความจริงที่น่าสนใจเกี่ยวกับเนเธอร์แลนด์มากขึ้น และคุณจะพบว่าประเทศนี้มีความน่าสนใจมากแค่ไหน

1. อย่าเรียกเนเธอร์แลนด์ว่าฮอลแลนด์

ผู้คนมักสับสนว่าเราควรเรียกประเทศนี้ว่า “เนเธอร์แลนด์” หรือ “ฮอลแลนด์” ในความเป็นจริงแล้ว เนเธอร์แลนด์ประกอบด้วย 12 จังหวัด แต่ฮอลแลนด์คือพื้นที่ที่ประกอบด้วย 2 จังหวัดคือ “ฮอลแลนด์เหนือ” และ “ฮอลแลนด์ใต้” เท่านั้น

ในอดีต ฮอลแลนด์เป็นพื้นที่ที่มีส่วนสำคัญต่อเศรษฐกิจและความมั่งคั่งของอาณาจักรดัตช์มากที่สุด มันจึงกลายเป็นชื่อที่ถูกเรียกเพื่อบ่งชี้ทั้งประเทศ แม้มันจะไม่ถูกต้องก็ตาม

จนกระทั่งมกราคม 2020 รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ได้ยกเลิกชื่อเล่น “ฮอลแลนด์” ที่อ้างถึงประเทศเนเธอร์แลนด์อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นความพยายามในการเปลี่ยนภาพลักษณ์ความเป็นสากล

2. เนเธอร์แลนด์มีประชากรหนาแน่นที่สุดในยุโรป

จากข้อมูลของสหประชาชาติ ประชากรทั้งหมดของเนเธอร์แลนด์คือ 17,140,098 ในเดือนสิงหาคม 2020 ในขณะที่พื้นที่ทั้งหมดของประเทศคือ 33,720 ตารางกิโลเมตร นั่นทำให้เนเธอร์แลนด์มีความหนาแน่นของประชากร 508 คนต่อตารางกิโลเมตร ส่งผลให้เนเธอร์แลนด์มีประชากรหนาแน่นที่สุดในยุโรป

3. เนเธอร์แลนด์เป็นประเทศที่อยู่ต่ำที่สุดในยุโรป

คุณอาจไม่รู้ว่าคำว่า เนเธอร์แลนด์ (Netherlands) มาจากคำว่า Nether ที่แปลว่า ข้างใต้ และ Lands ที่แปลว่า แผ่นดิน ดังนั้นความหมายของประเทศเนเธอร์แลนด์จึงหมายถึงดินแดนที่อยู่ข้างใต้

ความเป็นจริงก็คือ พื้นที่มากกว่า 1 ใน 4 หรือประมาณ 26% ของเนเธอร์แลนด์ อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล ยิ่งไปกว่านั้น ประชากรประมาณ 60% ปัจจุบันอาศัยอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล 5 เมตร รวมถึงสนามบินอัมสเตอร์ดัมสคิปโฮลก็ด้วย

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ชาวดัตช์เชี่ยวชาญด้านการใช้กังหันลมสูบน้ำ จนได้ชื่อว่าเป็นดินแดนกังหันลมเนื่องจากที่นี่มีกังหันลมมากกว่า 1,000 แห่ง โดยมีกังหันลม 19 แห่งในหมู่บ้าน Kinderdijk ที่ได้รับรองว่าเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก

4. ชาวดัตช์เคลื่อนไหวร่างกายมากที่สุดในยุโรป

ตามรายงานของ Euro Barometer ระบุว่า ประมาณ 56% ของชาวดัตช์เล่นกีฬาทุกสัปดาห์ เทียบกับค่าเฉลี่ยของชาวยุโรปที่ 40% สาเหตุส่วนใหญ่มาจากโครงสร้างพื้นฐานในประเทศที่ยอดเยี่ยม ซึ่งทำให้ผู้คนสามารถเดินหรือปั่นจักรยานเพื่อไปทำงานหรือหาความบันเทิงได้อย่างรวดเร็ว

เนเธอร์แลนด์มีเส้นทางปั่นจักรยานถึง 20,000 กิโลเมตร ทำให้การปั่นจักรยานในเนเธอร์แลนด์เป็นกิจกรรมที่ทุกคนขาดไม่ได้ โดยเนเธอร์แลนด์มีจักรยานมากกว่า 22 ล้านคัน โดยที่ประชากรในประเทศมี 17 ล้านคนเท่านั้น

5. ชาวดัตช์เป็นคนคิดค้นตลาดหุ้นแห่งแรกในโลก

ตลาดหุ้นแห่งแรกของโลกถูกคิดค้นโดยสมาชิกสภานิติบัญญัติและนักธุรกิจชาวดัตช์ในปี 1602 โดยเป็นวิธีการระดุมทุนให้กับบริษัท Dutch East India และการเดินทางเพื่อการค้าจากเนเธอร์แลนด์ จากนั้นตลาดหลักทรัพย์อัมสเตอร์ดัมถูกสร้างขึ้นในปีเดียวกัน

6. ชาวดัตช์มีความสามารถด้านภาษาอังกฤษสูงที่สุดในโลก

ตามดัชนีความสามารถทางภาษาอังกฤษระบุว่า ชาวดัตช์มีความสามารถด้านภาษาอังกฤษสูงที่สุด (ไม่รวมประเทศเจ้าของภาษา) โดยเอาชนะเดนมาร์กและสวีเดนไปได้อย่างหวุดหวิด โดยชาวดัตช์ 90-93% สามารถพูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองได้

แต่ถ้านั่นยังไม่น่าประทับใจพอ ชาวดัตช์ประมาณ 94% สามารถพูดได้อย่างน้อย 2 ภาษา ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศอื่นในยุโรปที่ 54%

7. ประชากร 1 ใน 5 ของเนเธอร์แลนด์เป็นชาวต่างชาติ

มีผู้คนมากกว่า 3 ล้านคนในประเทศเนเธอร์แลนด์ที่ไม่ได้มีพื้นเพเป็นชาวดัตช์แท้ ๆ นอกจากนี้มากกว่าครึ่งยังไม่ใช่ชาวตะวันตก ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่อพยพมาจากตุรกี ซูรินาม โมร็อกโก แอนทิลลิส และอารูบา

การผสมผสานหลากหลายวัฒนธรรมนี้สัมผัสได้โดยเฉพาะในอัมสเตอร์ดัมและรอตเตอร์ดัม ซึ่งเกือบ 1 ใน 3 ของประชากรไม่ใช่ชาวตะวันตก ซึ่งข้อดีของคุณก็คือจะได้พบอาหารพื้นเมืองแสนอร่อยมากมายในเมืองใหญ่ ๆ ของเนเธอร์แลนด์

8. ชาวดัตช์มีความสูงเฉลี่ยมากที่สุดในโลก

ชาวดัตช์มีความสูงเฉลี่ยสูงที่สุดในโลกคือ 175.62 เซนติเมตร โดยชาวดัตช์ผู้ชายจะมีความสูงเฉลี่ย 182.53 เซนติเมตร และผู้หญิงมีความสูงเฉลี่ย 168.72 เซนติเมตร

นักวิจัยบางคนเชื่อว่า ปัจจัยแวดล้อมต่าง ๆ ส่งผลให้ชาวดัตช์มีความสูงเช่น ระบบประกันสุขภาพและความอุดมสมบูรณ์ของอาหารการกิน

9. ดอกทิวลิปไม่ได้มีถิ่นกำเนิดในเนเธอร์แลนด์

ถึงแม้ว่าดอกทิวลิปจะเป็นสัญลักษณ์ของประเทศเนเธอร์แลนด์ แต่ต้นกำเนิดของมันไม่ได้อยู่ที่นี่ จริง ๆ แล้วดอกทิวลิปหลากสีถูกนำเข้ามาจากตุรกีตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 และมันก็มีบทบาทสำคัญในวัฒนธรรมดัตช์นับตั้งแต่นั้นมา

ปัจจุบัน เนเธอร์แลนด์คือผู้ส่งออกดอกไม้ตระกูลหัว (Bulb) ที่ใหญ่ที่สุดของโลก เกือบ 80% ของดอกไม้ถูกส่งออกมาจากเนเธอร์แลนด์ และส่วนใหญ่เป็นดอกทิวลิป โดยในแต่ละปี ดอกทิวลิปประมาณ 2 พันล้านดอกจะถูกส่งออกจากเนเธอร์แลนด์ไปทั่วโลก

10. ที่มาของสีส้มที่เป็นสีประจำชาติ

ถึงแม้ว่าธงชาติเนเธอร์แลนด์จะไม่มีสีส้ม แต่สีประจำชาติของชาวดัตช์เป็นสีส้ม นั่นเป็นเพราะระบอบกษัตริย์ของเนเธอร์แลนด์เริ่มต้นมาจากราชวงศ์ออเรนจ์ (House of Orange) ที่นำโดยเจ้าชายวิลเลียมแห่งออเรนจ์ ผู้ต่อสู้เพื่อเอกราชของชาวดัตช์

และเพื่อเป็นเกียรติแก่ประเทศในวัน Koningsdag หรือวันของกษัตริย์ ชาวดัตช์จะแต่งกายด้วยชุดสีส้มและเฉลิมฉลองให้กับประเทศของตนด้วยงานเลี้ยงกลางแจ้ง การปิกนิก และขบวนพาเหรด

11. ชาวดัตช์เป็นคนเปลี่ยนแคร์รอตให้เป็นสีส้ม

รู้หรือไม่ว่าแคร์รอตในอดีตไม่ได้มีสีส้ม ย้อนกลับไปหลายร้อยปีก่อน แคร์รอตเกือบทั้งหมดมีสีเหลือง ขาว หรือม่วง อย่างไรก็ตามในศตวรรษที่ 17 พวกมันก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีส้ม

สาเหตุที่แท้จริงก็คือ บรรดาเกษตรกรชาวดัตช์ได้ใช้วิธีปรับปรุงสายพันธุ์ให้แคร์รอตกลายเป็นสีส้มเพื่อนำไปถวายให้กับเจ้าชายวิลเลียมแห่งออเรนจ์ จากการเป็นผู้นำการต่อสู้เพื่อเอกราชของชาวดัตช์ และในที่สุดแคร์รอตสายพันธุ์ดั้งเดิมก็ได้รับความนิยมน้อยลง

12. ทารก 1 ใน 8 ของเนเธอร์แลนด์เกิดที่บ้าน ไม่ใช่โรงพยาบาล

เป็นเรื่องน่าแปลกสำหรับประเทศที่พัฒนาแล้ว หากย้อนกลับไปในช่วงทศวรรษ 1990 ผู้หญิงชาวดัตช์จากเลือกคลอดบุตรที่บ้านถึง 35% แต่จากข้อมูลในปี 2017 ระบุว่า ยังมีผู้หญิงที่คลอดบุตรที่บ้านมากถึง 13% ซึ่งก็ถือว่ามีอัตราที่สูงที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้วประเทศอื่น

13. เทปคาสเซต, ซีดี, ดีวีดี และบลูเรย์ ถูกคิดขึ้นในเนเธอร์แลนด์

เทคโนโลยีทั้งหมดที่กล่าวมาถูกคิดค้นโดย Phillips ยักษ์ใหญ่ด้านอิเล็กทรอนิกส์ของเนเธอร์แลนด์ พวกเขาเริ่มต้นคิดค้นเทปคาสเซตในปี 1963 ต่อจากนั้นเกือบ 20 ปีต่อมา ได้ร่วมมือกับ Sony เพื่อแทนที่เทปด้วยซีดี

และเมื่อถึงเวลาต้องเปลี่ยนจากยุคเทป VHS ในปี 1997 Phillips ได้คิดค้นดีวีดีขึ้น และพัฒนาต่อมาเป็นบลูเรย์ ซึ่งทาง Phillips ยังได้คิดค้นเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านอีกมากมายด้วย

14. เนเธอร์แลนด์วางแผนแบนรถยนต์ใช้น้ำมันในภายในปี 2030

ตามข้อตกลงด้านสภาพอากาศระดับชาติของรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ พวกเขาตั้งเป้าที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 49% ภายในปี 2030 ดังนั้นสิ่งที่เป็นเป้าหมายหลักก็คือการแบนรถยนต์ใช้น้ำมันทั้งหมดโดยเริ่มจากกรุงอัมสเตอร์ดัม

และผลจากการปรับภาษีรถยนต์พลังงานไฟฟ้าทำให้ประชาชนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ยอดขายรถยนต์ Tesla ได้เพิ่มขึ้นอย่างมากในเนเธอร์แลนด์จาก 8,600 คันในปี 2018 เป็น 18,500 คันในปี 2019 และเราอาจได้เห็นเนเธอร์แลนด์เป็นประเทศปลอดรถใช้น้ำมันแห่งแรกของโลกก็ว่าได้

ที่มา : expatica | เรียบเรียงโดย เพชรมายา