5 ผู้คนที่เผยประสบการณ์จากร้านที่ได้ดาวมิชลิน ที่คนธรรมดาอาจไม่เข้าใจ

หลายปีที่ผ่านมา คุณอาจเคยได้ยินเรื่องร้านอาหารที่ได้รับรางวัลมิชลินสตาร์ (Michelin Star) ซึ่งถือเป็นรางวัลอันทรงเกียรติแห่งวงการอาหาร ร้านอาหารที่ได้รับดาวจากมิชลินสตาร์นับได้ว่าเป็นสุดยอดร้านอาหารอันดับต้นในประเทศหรือระดับโลกก็ว่าได้ และมันยากมากที่คนทั่วไปจะจับจองที่นั่งในร้านได้ทัน รวมไปถึงราคาที่สูงเกินไปสำหรับคนปกติ วันนี้เรานำเรื่องของผู้คนที่มีโอกาสได้สัมผัสถึงรสชาติอาหารในร้านมิชลินสตาร์และมาบอกเล่าความรู้สึกของพวกเขาให้ได้ฟังกัน นอกจากหน้าตาอาหารที่สวยงามแล้ว พวกเขารู้สึกเช่นไร

1. “ผมคือคนปกติที่ได้ไปยังร้านมิชลินสตาร์”

นี่คือเรื่องราวของคนที่ได้ไปร้านอาหารมิชลินสตาร์ที่มีราคาคอร์สอาหารค่ำประมาณ 32,000 สำหรับสองคน ซึ่งเขาไม่ได้เป็นนักชิม จึงไม่อาจบอกได้มากกว่าคำว่า มันไม่ได้รสชาติเหมือนกับเบอร์เกอร์ละกัน

จานที่ 1 ทางฝั่งซ้ายมอสบนหิน และพวกเขาบอกว่ามันอร่อย (ส่วนไหนคือกินได้ครับพี่) ทางขวาหัวไชเท้าเคลือบคาราเมลใส่ในพายทาร์ต

ทางฝั่งซ้ายคือหน่อไม้ฝรั่งขาว ทางฝั่งขวาคือกระเทียม สาหร่ายและชีส!

จานซ้ายคือ หน่อไม้ฝรั่ง ส่วนจานขวาคือแซนด์วิชกะหล่ำปลี!

ทางซ้ายคือ กุ้งลอบสเตอร์เสิร์ฟพร้อมหัวหอมและกลีบดอกกุหลาบ ทางขวาคือโดนัท น่าจะใช่นะ

ทางขวาก้ามปูยักษ์คิงแครบบนก้อนหิน ทางขวาคือปลาดองเสิร์ฟพร้อมกลีบดอกกุหลาบ

มอสเรนเดียร์คลุมบนช็อคโกแลต ซึ่งผู้เขียนรายนี้บอกว่าชื่นชอบมอสมาก (ก็พึ่งรู้เหมือนกันว่ากินได้)

2. “ฉันได้เดินทางไปที่อิตาลี และได้เต็มอิ่มกับมื้อแสนวิเศษในร้านมิชลิน 3 ดาวเมื่อปี 2002”

ร้านอาหารแห่งนี้มีเชฟที่หนุ่มที่สุดที่ได้คว้าดาวจากมิชลินมาได้ 3 ดวง โดยในขณะนั้นเขาอายุเพียง 28 ปีเท่านั้น มื้ออาหารประกอบไปด้วยอาหาร 12 คอร์สด้วยกัน แม้มันจะอร่อยแต่ฉันก็ไม่อาจบอกได้ว่าที่กินไปคืออะไรกันแน่

คอร์สแรก ฉันไม่อาจบอกได้ว่ามันคืออะไรแต่มันก็อร่อยมาก จานที่สองเป็นอะไรที่เข้าใจได้ เพราะมันคือโรลเนื้อวัวดิบและคาเวียร์

ทางซ้ายคือหอยกับชีสบูราต้า ทางขวาคือหอยเชลล์เสิร์ฟพร้อมแอปเปิ้ล อาเกรดโตและเมอแรงค์เซเลอรี่เขียว

ทางซ้ายคือลินกวินี่โฮลวีทกับถั่วเม็ดสนและฝักทอง เสิร์ฟพร้อมน้ำซุปในแก้วไวน์ โดยคุณต้องดื่มน้ำซุปหลังจากกินคอร์สนี้หมดแล้ว ทางขวาคือพาสต้าที่ใส่หอยทากและปลาหมึก

ทางซ้ายคือลอบสเตอร์เสิร์ฟพร้อมไข่หอยเม่นและเนื้อปู ทางขวาคืออัลลามิลานเนสเนื้อแกะ

ทางซ้ายคือสตูว์นกพิราบในซอสบัลซามิก ฉันไม่เคยกินนกพิราบมาก่อน บางทีอาจจะเป็นตัวที่ฉันเคยให้อาหารที่จตุรัสก็เป็นได้ ทางขวาคือของหวาน ไอศกรีมทำมือเสิร์ฟพร้อมซอร์เบท์มะนาว แอปริคอตพูเรและคุกกี้ขิง

จานสุดท้ายคือทีรามิสุ ที่เสิร์ฟในภาชนะคล้ายไปป์ยาสูบ เพื่อทำให้คุณได้สัมผัสรสชาติของหวานที่แตกต่างจากที่อื่น

3. “ฉันทานมื้อกลางวันที่ร้านอาหารมิชลิน 3 ดาวกลางกรุงปารีส สิ่งที่ดีที่สุดคือไข่”

คอร์สแรกทางซ้ายคือทาทาร์บีทรูทเสิร์ฟพร้อมมัสตาร์ดผัก ทางขวาคือหมูย่างเสิร์ฟพร้อมหัวผักกาดและน้ำผึ้ง

ทางซ้ายคือผักโขมกับรูบาร์บและมูสแครอท ทางขวาคือสลัดผักที่ประกอบด้วยพราลีนและพิสตาชิโอ การตกแต่งช่างอัศจรรย์นัก!

ทางซ้ายคือไข่แบบเย็นและร้อนผสมกัน เสิร์ฟพร้อมต้นหอมจีนและน้ำเชื่อมเมเปิ้ล ไม่น่าเชื่อว่ามันจะเยี่ยมขนาดนี้ ทางขวาคือปาเตหมูเสิร์ฟพร้อมเพสโต

ทางซ้ายคือซูชิบีทรูท ทางขวาเป็นมูสสามแบบที่ทำจากบีทรูท แครอทและหน่อไม้ฝรั่ง

ถึงคราวของหวานแล้ว ทางซ้ายคือโปรฟิเทอร์โรลเสิร์ฟพร้อมซินนามอนและน้ำผึ้ง ทางขวาคือเค้กนโปเลียนช็อคโกแลต

4. “มื้อค่ำราคา 9,200 บาทที่ร้านอาหารฝรั่งเศส”

เราไปได้ที่ร้านอาหารแห่งนี้เพื่อฉลองวันครอบรอบของเราและมีเมนูที่ทำมาเป็นพิเศษเพื่อการนี้โดยเฉพาะ

จานแรกคือคานาเป แป้งนุ่มมากโดยมีครีมตรงกลางและพึ่งออกจากเตา เมื่อเอาถาดเงินออกและวางอาหารลงไปบนจานก็จะกลายเป็นแซลมอนทาทาร์คานาเปพร้อมกับครีมเปรี้ยว ทางขวาคือคาเวียร์รอยัลออสเซ็ตตร้า เสิร์ฟพร้อมแคร็กเกอร์หอยนางรม เซเลอรี่และคัสตาร์ดหอยลาย

จานต่อไปคือเนื้อปลาจาระเม็ดผัดที่คล้ายกับนำไปทอด เสิร์ฟพร้อมบรีออช แยมมะเขือเทศ ยอดผักชีและโฮลเกรนมัสตาร์ด ภาพล่างคือสลัดผักที่มีแตงกวาอาร์เมเนีย พริกไทย หัวไชเท้า โหระพาม่วงและน้ำมันมะกอก

ทางซ้ายคือพุดดิ้งเนื้อปูยักษ์อลาสก้าเสิร์ฟพร้อมแผ่นมันฝรั่งทอด ราดด้วยน้ำซุปข้นที่ทำจากเห็ดมัทซึทาเกะ ต้นอ่อนทานตะวันและกุ้งล็อบสเตอร์ ทางขวาคือชีสมาสคาโปนกับไข่ดาวน้ำ คะน้าใบหยิก ซอสพีทผสมเหล้า เสิร์ฟพร้อมเห็ดทรัฟเฟิลดำฤดูหนาวออสเตรเลีย หน้าตาอาจจะดูไม่น่ากิน แต่มันอร่อยมาก

ทางซ้าย ซี่โครงลูกวัวอบสมุนไพร เสิร์ฟพร้อมเบคอนรมควันด้วยไม้แอปเปิ้ล ผักโขมแก่ ข้าวโพดเบรนท์วูดและหัวผักกาด ราดด้วยซอสเบียเนส ซี่โครงลูกวัวถูกห่อด้วยเบคอนและผักโขมถูกม้วยเป็นลูกบอล ทางขวาคือ เป็ดปักกิ่งปรุงรสด้วยพีช หอมใหญ่ วอลนัทอังกฤษ ผักสลัดน้ำและซอสไวน์หอมแดง มันอร่อยมากจนฉันเกือบจะเลียจานเลยทีเดียว

ทางซ้ายมีชื่อว่า “Ossau Iraty”มันคือเฟนเนลแห้งกับมะกอกอิตาลี อัลมอนด์และเคเปอร์พูเร เฟนเนลกรอบมากและคุณสามารถหักเป็นชิ้นเพื่อกินได้ ทางขวาคือ เนื้อวัวดรายเอจ 100 วันย่างบนถ่านเสิร์ฟพร้อมบีทรูทย่าง เห็ดพิซีนีโอเรกอน อลูกูลาและซอสเชอร์รี่เปรี้ยวกับไขกระดูก นี่เป็นครั้งแรกที่ได้กินเนื้อแบบนี้และมันไม่มีอะไรจะเทียบได้เลย

ทางซ้ายคือ ไอศกรีมฝรั่งและเค้กแครอท ฉันไม่ชอบมันเพราะฉันไม่ชอบฝรั่ง และไม่อยากกินจานนี้ ทางขวาคือมูสฮัคเคิลเบอร์รี่ราดบนพุดดิ้งข้าวที่มีรังผึ้งและหยดน้ำผึ้งจนทั่ว เป็นของหวานผลไม้สุดโปรดของฉันเลย

ทางซ้ายคือ ช็อคโกแลตมาร์ชเมลโล่ที่มีโกโก้ มะนาวและบิสกิตช็อคโกแลต แม้มันจะรูปร่างเหมือนปอดแต่ฉันก็กินมัน ทางขวาคือมูสช็อคโกแลตที่มีคาราเมลเค็มและแยมเบอร์รี่ตรงกลาง

จานสุดท้ายคือมาการอง ทรัฟเฟิล โดนัทชินนาม่อน มูสช็อคโกแลต(มีบางคนคิดว่าเป็นเครื่องดื่มด้วย จนเผลอยกดื่ม) และถั่วแมคคาเดเมียชุบน้ำตาล ฉันอยากเอาทั้งหมดนี้กลับบ้านไปด้วย

5. อาหาร การทดลองทางวิทยาศาสตร์ และร้านมิชาลินสตาร์ 3 ดาว

นี่คือประสบการณ์มื้ออาหารที่อร่อยและสร้างสรรค์ที่สุดในชีวิตฉัน

ในจานคือคาเวียร์ออสเซ็ตตร้า เคเปอร์มะนาวและเจลหอมแดง โฟมบีออชย่างและพุดดิ้งไข่แดง

คุณอาจจะส่งสัยว่าไหนละอาหาร นี่มันกิ่งไม้ชัด ๆ คุณคิดไม่ผิดหรอกเพราะมันคือรากข้าวโอ๊ตและรากแครอทดำแห้งที่ทาซอสถั่วเหลือง พริกและกระเทียม รสชาติของมันเหมือนกับเนื้อวัวอบแห้ง

จานทางซ้านคือกระเบนแอตแลนติกตุ๋นกับเนยน้ำตาล มะนาวและก้านสมุนไพร ทางขวาคือมะเขือเทศพิเศษจากเมล็ดที่ถูกส่งผ่านจากรุ่นสู่รุ่น ชีสนมแพะและพูเรพิสทาชิโอกับชะเอมเทศ

ภาพแรกคือหนึ่งในจานโปรดของฉัน นี่คือข้าวโพดย่างที่มีพุดดิ้งข้าวโพดและปลายข้าวโพดขาว เสิร์ฟพร้อมชีสมันเชโกและตกแต่งด้วยน้ำสลัดเชอร์รี่

อีกหนึ่งจานโปรดในมื้อค่ำของเราคือจานด้านบน นี่คือกุ้งล็อบสเตอร์ตุ๋นเนย บิสกิตล็อบสเตอร์แซฟฟรอน แกงเหลือง ข้าวพองป่า แตงกวา เจลชาเอิร์ลเกรย์ เกรปฟรุต ดอกกะหล่ำ มะพร้าวและเฟนเนลทอด ภาพล่างคือแปะฮะ เงาะและน้ำมะนาวและขิงกลั่น

ภาพด้านบนคือ มันฝรั่งร้อนผสมเย็น ซุปมันฝรั่งเย็นเสิร์ฟพร้อมเห็ดทรัฟเฟิลดำและเนย จานต่อไปเป็นการปรุงอาหารด้านนอก นี่คือหมูสามชั้น หัวผักกาดย่างและสาหร่ายคอมบุ

ทั้งสองจานถูกเสริ์ฟในเวลาเดียวกัน ทางซ้ายคือติ่มซำ และทางขวาคือเป็ด ฟัวกราส์และเห็ด

ทางซ้ายคือ บลูเบอร์รี่กับสิ่งที่คล้ายกับหมากฝรั่ง เมอแรงค์และซอเรล ทางขวาคือลูกโป่งที่ทำจากเจลแอปเปิ้ลเขียวที่มีก๊าซฮีเลี่ยมด้านใน เมื่อสูดดมเข้าไปจะทำให้เสียงเปลี่ยน

ภาพแรกเป็นส่วนผสมของคอร์สสุดท้ายที่นำไปสู่ภาพด้านล่าง อาหารจานนี้ประกอบด้วยผลไม้เขตร้อน เหล้ารัม วานิลลาและมะกรูด มันดูเหมือนงานศิลป์เลยทีเดียว

แถมท้ายด้วยอาหารราคาประมาณ 60 บาทจากร้านที่ได้รับดาวมิชลินสตาร์

ในประเทศไทยก็มีร้านอาหารแบบสตรีทฟูดที่ได้รับมิชลินสตาร์ และเป็นปัญหาเหมือนกันทั่วโลก นั้นคือการรอคิวที่นานมาก และถ้าคุณเดินทางไปต่างประเทศและไปยังร้านอาหารเหล่านี้ ก็มักมีการแบ่งแถวสำหรับคนในประเทศและคนต่างชาติเอาไว้ด้วย โดยทางร้านให้เหตุผลว่า เป็นการให้ความสำคัญกับลูกค้าขาประจำในท้องถิ่นก่อน ภาพด้านบนบะหมี่เป็ดและข้าวหน้าเป็ดซอสถั่วเหลืองจากร้าน HK Soya Chicken Rice & Noodles ในสิงคโปร์ ที่เป็นร้านในฟูดคอร์ทธรรมดา ๆ เท่านั้น แต่คิวยาวแน่นเอี้ยดมาก

แล้วคุณล่ะเคยมีประสบการณ์ลิ้มรสร้านมิชลินสตาร์บ้างหรือเปล่า ถ้ามีลองมาแบ่งปันประสบการณ์กันได้ในคอมเมนต์เลยครับ

ที่มา : brightside | เรียบเรียงโดย เพชรมายา

สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ