เมื่อประมาณหนึ่งปีที่ผ่านมา สตีเฟน ฮอว์กิง นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังเคยกล่าวที่มหาวิทยาลัยออกฟอร์ดว่า มนุษยชาติจะอยู่ไปได้อีกยาวนานถึง 1,000 ปีต่อจากนี้ นั่นหมายความว่า ในช่วงเวลาอันใกล้นี้จะไม่มีสิ่งใดที่มาทำให้พวกเราสูญหายไปได้ และแน่นอนว่าด้วยเทคโนโลยีของมนุษย์ที่ก้าวกระโดดขึ้นในทุกๆ ทศวรรษ จะทำให้ชีวิตของมนุษย์เราเปลี่ยนไปอย่างมากในอีก 1,000 ปีข้างหน้าแน่นอน
แล้วคุณเคยคิดหรือไม่ว่า โลกในปี 1,000 ข้างหน้านี้จะมีอะไรแปลกใหม่เกิดขึ้นบ้าง วันนี้เพชรมายาจึงขอนำทุกท่านมาชมความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นกับมนุษย์และโลกใบนี้ มาดูกันว่าจะเหมือนกับที่คุณคิดไว้หรือไม่
1. มนุษย์จะมีชีวิตยืนยาวไปถึง 1,000 ปี
ในปี 2015 ได้มีกลุ่มมหาเศรษฐีด้านเทคโนโลยีรวมตัวกันใช้เงินหลายล้านเหรียญ ลงทุนในโครงการทางวิทยาศาสตร์ที่วิจัยในเรื่องการชะลอความแก่หรือการหยุดอายุไม่ให้แก่อย่างถาวร และนี่เป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้อนาคตให้อีกไม่นานเปลี่ยนโฉมหน้าไป ใน 1,000 ปีข้างหน้า มนุษย์อาจออกแบบอายุของตัวเอง การตัดต่อพันธุกรรมหรือการใช้เทคโนโลยีที่เรายังไม่รู้จักในตอนนี้ จะทำให้มนุษย์มีอายุยาวนานยิ่งกว่าที่คิด ถึงตอนนั้นมนุษย์อาจมีอายุยืนนับพันปีหรือหมื่นปีก็เป็นได้
2. มนุษย์ธรรมดาจะสามารถเดินทางไปดาวดวงอื่นได้
ในอีก 1,000 ปีต่อจากนี้ หนทางเดียวที่มนุษยชาติจะอยู่รอดต่อไปได้ นั่นคือการออกไปตั้งถิ่นฐานใหม่ในอวกาศ ทางบริษัท SpaceX เองก็มีภารกิจในการขยายอารยธรรมของมนุษย์สู่อวกาศ โดยเป้าหมายแรกของเขาก็คือดาวอังคาร โดย อีลอน มัสก์ ผู้ก่อตั้ง SpaceX ได้มีแผนที่จะเปิดตัวยานอวกาศของพวกเขาในปี 2022 และมีแผนจะพามนุษย์ไปดาวอังคารในปี 2024 ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่า ในอีก 1,000 ปี มนุษย์เราจะเจริญมากขึ้นแค่ไหน การเดินทางไปดาวอังคารอาจง่ายเหมือนแค่การนั่งรถเมล์ไปทำงานก็เป็นได้
3. เราจะดูเหมือนเดิมหรือเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน ?
นี่เป็นคำถามที่ใครหลายๆ คนอยากรู้ ดร.อลัน กวาน ตั้งสมมุติฐานเอาไว้ว่า ในอนาคตอีกไกลโพ้น มากกว่า 100,000 ปีขึ้นไป หน้าตาของมนุษย์เราจะเปลี่ยนไป หน้าผาก รูจมูก และดวงตาจะวิวัฒนาการให้มีความใหญ่โตมากขึ้น ส่วนสีผิวก็จะเข้มขึ้นตามไปด้วย แต่ก็ไม่แน่เสมอไป เพราะตอนนี้นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบวิธีที่จะแก้ไขข้อมูลทางพันธุกรรมทั้งหมด เพื่อให้พ่อแม่เลือกได้ว่า จะให้ลูกๆ ของพวกเขาเกิดมามีลักษณะเช่นไร
4. ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์และปัญญาประดิษฐ์
ในปี 2014 ที่ผ่านมา มนุษย์เราสามารถสร้างซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ที่สามารถจำลองลักษณะสมองของมนุษย์ได้อย่างแม่นยำ รวมถึงโครงการของ Google ที่กำลังสร้างคอมพิวเตอร์ AI ที่ชาญฉลาดให้เกิดขึ้นมา ในอีก 1,000 ปีต่อจากนี้ ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์จะทรงพลังและควบคุมทุกอย่างบนโลก ระบบ AI ที่กลายเป็นหุ่นยนต์จะเข้ามาแทนที่ทุกสิ่งอย่างที่มนุษย์ต้องทำ และถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่ AI มีความคิดที่ฉลาดและเหนือชั้นกว่ามนุษย์ เมื่อนั้นเราอาจต้องคิดถึงหายนะที่ตามมาก็เป็นได้
5. มนุษย์จะกลายเป็นไซบอร์ก
ในปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์และวิศวกรกำลังร่วมกันพัฒนาอวัยวะเทียมต่างๆ ที่ช่วยแก้ไขปัญหาคนพิการ และในอีก 1,000 ปี เราจะเห็นอวัยวะเทียมที่เป็นเครื่องจักร ที่สามารถทดแทนอวัยวะจริงได้อย่างสมบูรณ์ ดวงตาเทียมแบบใหม่จะช่วยให้คนตาบอดมองเห็นได้ แขนขาเทียมจะทำให้คนใช้งานมันได้ไม่ต่างกับแขนขาจริง การผสานเครื่องจักรเข้ากับร่างกายมนุษย์จะเกิดขึ้นในทุกๆ ส่วนไม่เว้นแม้แต่หัวใจและสมอง
6. การสูญพันธุ์ครั้งใหญ่จะเกิดขึ้น
การสูญพันธุ์ครั้งใหญ่เกิดขึ้นครั้งสุดท้ายในยุคไดโนเสาร์ครองโลก หลังจากนั้นก็ยังมีภัยธรรมชาติครั้งใหญ่เกิดขึ้นมาอีกหลายครั้งที่ทำให้สิ่งมีชีวิตในยุคนั้นๆ สูญหายกันไป แต่จากผลการวิจัยล่าสุดของศาสตราจารย์ด้านชีววิทยาจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดระบุว่า อัตราการสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นในศตวรรษที่ 20 เพิ่มขึ้นมากกว่าปกติถึง 100 เท่า สวนทางกับการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรโลก นั่นแสดงให้เห็นถึงหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้นกับโลกเราใบนี้ สมดุลและวงจรธรรมชาติที่เปลี่ยนไปจะทำให้เกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ ไม่ว่าจะเกิดจากสภาวะโลกร้อนหรือภัยธรรมชาติอะไรก็ตาม จำนวนมนุษย์ที่ลดลงอาจะเป็นทางออกเดียวที่สามารถช่วยให้อารยธรรมของเราเดินต่อไปได้
7. เราจะพูดภาษาเดียวกันทั่วโลก
บนโลกเราใบนี้ มีผู้คนที่พูดภาษาที่แตกต่างกันอยู่ถึง 6,909 ภาษา แต่รู้หรือไม่ว่ามีภาษาบนโลกเราหายไปอยู่เรื่อยๆ ในทุกๆ ปี โดยนักภาษาศาสตร์ได้คาดการณ์เอาไว้ว่า ในอีก 100 ปีข้างหน้านับจากนี้ ภาษาที่มีอยู่บนโลกจะหายไปมากถึง 90% เนื่องจากการอพยพย้ายถิ่นฐาน และหากลองมองไปไกลถึง 1,000 ปี ไม่แน่ว่าผู้คนบนโลกนี้อาจพูดกันอยู่แค่ 3-4 ภาษา หรือไม่ก็อาจกลายเป็นภาษาสากลเพียงภาษาเดียวก็เป็นได้
8. ที่อยู่อาศัยของมนุษย์จะเปลี่ยนไป
ด้วยชีวิตที่ต้องปรับตัวกับสภาพแวดล้อม สภาพอากาศ และภัยพิบัติที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวล่า บ้านในอีก 1,000 ปีข้างหน้าอาจมีความยืดหยุ่นมากขึ้น การถอดประกอบบ้านเพื่อย้ายไปไหนมาไหนจะเป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ยาก นั่นรวมไปถึงปัญหาจากสภาวะโลกร้อน เมื่อโลกร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนที่อาศัยอยู่ในเขตร้อนอาจต้องย้ายลงไปอาศัยใต้ดินมากขึ้น
9. นาโนเทคโนโลยี จะช่วยแก้วิกฤตปัญหามลพิษ
ถึงแม้เทคโนโลยีของมนุษย์จะมาพร้อมกับการสร้างปัญหาให้กับสิ่งแวดล้อม แต่ในปัจจุบันนี้ มนุษย์เราเริ่มหันมาให้ความใส่ใจกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เทคโนโลยีในอนาคตจะถูกสร้างมาโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก นาโนเทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทในการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม วัตถุดิบใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นจะเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นตามไปด้วย
ประเทศไทยในอีก 1,000 ปีนับจากนี้
เป็นเรื่องที่น่าคิดว่า ในอีก 1,000 ปีนับจากนี้ ประเทศไทยเราจะเดินหน้าไปทางไหน ระบบขนส่งมวลชนจะดีขึ้นหรือไม่ รถจะติดเหมือนเดิมหรือเปล่า กลิ่นอายวัฒนธรรมความเป็นไทยจะถูกกลืนกินไป หรือจะยังคงถูกอนุรักษ์เอาไว้ได้จนถึงในอนาคต เรื่องเหล่านี้เราคงไม่มีใครรู้ได้เลย เพียงแต่ขอถามความคิดเห็นเอาไว้ว่า คุณคิดว่าประเทศไทยในอีก 1,000 ปีข้างหน้า จะเป็นอย่างไร