เชื่อว่าทุกคนที่เข้ามาอ่านบทความนี้ อาจมีพฤติกรรมสกปรกๆ บางอย่าที่ชอบแอบทำอยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นการดมสิ่งของเหม็นจากส่วนต่างๆ ของร่างกาย การกัดเล็บ อมปลายผม หรือแม้แต่การแคะขี้มูกแล้วเอาเข้ามากิน ทุกคนเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งไม่ดี แต่มันก็ดันเป็นพฤติกรรมติดตัวที่ยากจะแก้ไขได้ แต่หลังจากนี้ไป คุณอาจไม่ต้องแก้ไขพฤติกรรมเหล่านี้แล้ว โดยเฉพาะการแคะขี้มูกมากิน เพราะมีนักวิจัยไม่น้อยกว่า 1 คนที่เชื่อว่าการแคะขี้มูกมากิน ส่งผลดีต่อสุขภาพคุณแน่นอน
ในปี 2010 ศาสตราจารย์ เฟรดริช บิสชินเจอร์ เชี่ยวชาญด้านปอดจากเมืองอินส์บรูก ประเทศออสเตรีย ระบุว่า คนที่ชอบใช้นิ้วแคะจมูกนั้นเป็นคนที่มีสุขภาพดีและมีความสุขกว่าคนอื่นๆ ฉะนั้นสังคมจึงควรยอมพฤติกรรมที่แสนจะเป็นธรรมชาตินี้ และเลิกห้ามเด็กที่แคะขี้มูกออกมากินเสียที
นอกจากนั้น การแคะขี้มูกจะเป็นการชอนไชเข้าไปในส่วนที่เราไม่สามารถเอาผ้าเช็ดออกได้ จึงส่งผลให้บุคคลเหล่านี้มีจมูกที่สะอาดมากกว่าคนอื่นๆ และที่สำคัญ ยังเป็นการผ่อนคลายความตึงเครียดอีกด้วย หากคุณลองสังเกตดีๆ คนที่กำลังแคะขี้มูกอยู่จะไม่คิดเรื่องที่สร้างความเครียดให้แก่ตนเอง
ส่วนการกินขี้มูก (แห้ง) นั้นเป็นเหมือนการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เพราะจมูกเป็นเหมือนที่กรองอากาศที่มีแบคทีเรียสะสมอยู่มากมายภายใต้ก้อนขี้มูก และเมื่อเรานำขี้มูกมาผ่านกระบวนการย่อยอาหาร มันก็เหมือนกับยาปฏิชีวนะที่ช่วยทำให้ระบบภูมิคุ้มกันเราแข็งแรงขึ้นนั่นเอง นี่คือเรื่องปกติของร่างกายมนุษย์ที่เราควรปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ
ในขณะที่ ดร.สกอต แนปเปอร์ ศาสตราจารย์ด้านไบโอเคมิสทรี จากมหาวิทยาลัยซัสแคตเชวัน ประเทศแคนาดา เป็นอีกคนที่เชื่อว่า ถ้าคุณแคะขี้มูกไปแล้วล่ะก็ คุณควรกินมันเสมอ เขาเองก็เห็นด้วยกับแนวคิดนี้เช่นเดียวกัน
ในขณะที่คุณหมอท่านอื่นๆ เองกล่าวว่า ร่างกายของเรากลืนน้ำมูกลงไปเองอยู่แล้วตามธรรมชาติ ซึ่งหลายๆ คนคงสัมผัสได้กับความรู้สึกนี้ ซึ่งมันก็เพียงพอแล้ว และคุณไม่จำเป็นต้องแคะขี้มูกเอามากินเพื่อสร้างภูมิต้านทานอีก ส่วนคุณจะเชื่อแบบไหน ลองบอกกันหน่อยในคอมเมนท์นะครับ แล้วตอนนี้มีใครที่แคะขี้มูกกินอยู่หรือเปล่า และสุขภาพคุณตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ?
สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ
ที่มา : likeswifty | เรียบเรียงโดย เพชรมายา