จากการศึกษาเรื่องการสื่อสารผ่านอวัจนภาษาระบุว่า ข้อมูลที่ถูกส่งผ่านไปยังคู่สนทนาผ่านคำพูดมีเพียง 30% เท่านั้น ส่วนที่เหลือจะมาจากการเคลื่อนไหวของร่างกายและสีหน้าท่าทางที่ไม่ใช่คำพูด ดังนั้น หากคุณต้องการทราบความรู้สึกที่แท้จริงของคู่สนทนา เราไม่อาจฟังเพียงแค่คำพูดของเขาได้เลย แต่คุณควรอ่านสีหน้าท่าทางของเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลอกเราได้
วันนี้เพชรมายาจึงขอพาทุกท่านไปชมเคล็ดลับการอ่านสีหน้าท่าทางของคู่สนทนา ที่จะทำให้คุณอ่านคนได้เก่งขึ้นราวกับเป็นนักจิตวิทยามืออาชีพ (คำอธิบายอยู่ภายใต้ภาพ)
คิ้ว
เลิกคิ้วขึ้น เป็นอาการที่ผู้คนแสดงความประหลาดใจ ยิ่งเลิกคิ้วสูงเท่าไหร่ยิ่งประหลาดใจมากเท่านั้น นอกจากนั้นการเลิกคิ้วยังเป็นสัญญาณของการเปิดใจและสนใจคุณอีกด้วย
คิ้วขมวดเข้าหากัน ตามปกติคือสัญลักษณ์ของความโกรธ ซึ่งคุณสามารถสังเกตเห็นได้ง่าย ๆ จากรอยย่นระหว่างคิ้ว
คิ้วด้านในยกขึ้นและเข้ามาชิดกัน หมายถึงกำลังเศร้าอยู่
ดวงตา
มองเฉียงขึ้นไปทางขวา อาจบ่งบอกได้ว่าคน ๆ นั้นกำลังใช้จินตนาการอยู่ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือกำลังโกหก
มองเฉียงขึ้นไปทางซ้าย หมายถึงคน ๆ นั้นกำลังนึกถึงอะไรบางอย่าง หรือคิดย้อนไปถึงบางสิ่งในอดีต
มองต่ำ อาจบ่งบอกได้ว่าคน ๆ นั้นกำลังรู้สึกอาย ประหม่า หรือไม่มั่นใจในตัวเอง บางครั้งมันก็เป็นสัญญาณของความรู้สึกผิด
มองซ้ายขวา ดวงตากลอกเร็วจากอีกฝั่งไปอีกฝั่ง หมายถึงพวกเขากำลังรู้สึกประหม่าหรืออึดอัดใจกับคุณอยู่
ม่านตาขยาย ปกติแล้วหมายถึงความกลัว หรืออีกนัยหนึ่งคือคน ๆ นั้นกำลังสนใจคุณหรือหลงรักคุณอยู่
ม่านตาหรี่เล็กลง จะเป็นตรงกันข้าม นั่นคือพวกเขาอาจโกรธคุณอยู่
ถ้าคุณเห็นตีนกา นั่นอาจหมายถึงพวกเขากำลังจะหัวเราะอย่างจริงจัง ซึ่งมันคือสัญลักษณ์ของความหรรษา
ริมฝีปาก
เม้นปาก คือสัญลักษณ์ของอารมณ์ทางลบ เช่น การโกรธ ดูถูก อารมณ์ขุ่นมัว หรือ ไม่เห็นด้วย
กัดริมฝีปาก นั่นแสดงว่าคน ๆ นั้นกำลังพยายามปลอบประโลมตัวเอง เพราะพวกเขากำลังรู้สึกกังวล
ริมฝีปากข้างใดข้างหนึ่งยกขึ้น อาจเป็นไปได้ว่าพวกเขากำลังดูถูกหรือเกลียดคุณ หรือเกลียดสิ่งที่คุณกำลังพูด
มุมปากตกลง คือสัญลักษณ์แห่งความโศกเศร้า
มือ
เอามือจับที่คอ อาจหมายถึงคน ๆ นั้นกำลังพยายามป้องกันตัวเองจากความรู้สึกไม่สบายใจ
เอามือจับจมูก คือสัญลักษณ์ของคนที่กำลังโกหกอยู่
และนี่ก็คือวิธีการอ่านสีหน้าท่าทางแบบง่าย ๆ ที่ใคร ๆ ก็สามารถจดจำไปใช้ได้ และหวังว่าคุณจะเป็นคนที่อ่านคนอื่นได้เก่งขึ้น ซึ่งสามารถช่วยในชีวิตประจำวันของคุณได้อย่างแน่นอน
ที่มา : brightside | เรียบเรียงโดย เพชรมายา
สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ