ในขณะที่ประเทศไทยกำลังจะผ่านพ้นฤดูฝนไปซึ่งอย่างที่เราทราบกันดีว่าฝนนั้นอาจสร้างความลำบากให้กับผู้คนมากมายในเรื่องของการเดินทางที่ยากลำบาก และน้ำท่วมที่สร้างปัญหาให้กับผู้อยู่อาศัยหลายแห่ง แต่ในทางกลับกัน ฝนก็เป็นสิ่งที่ชาวไร่ ชาวสวน และเกษตรกรอีกมากมายต่างรอคอย เพราะมันคือน้ำที่ช่วยหล่อเลี้ยงชีวิตให้กับพวกเขาได้ทำมาหากิน
วันนี้เพชรมายาจึงขอพาทุกท่านมารู้จักเรื่องราวของฝนให้มากขึ้น ถึงแม้ว่าจะเป็นสิ่งที่ใกล้ตัวคุณ แต่คุณอาจรู้จักเรื่องราวของฝนน้อยกว่าที่คิด
1. ฝนไม่ได้มีรูปร่างเป็นหยดน้ำ
เชื่อว่าทุกคนเข้าใจว่าฝนที่ตกลงมามีรูปร่างเป็นหยดน้ำ แต่ในความเป็นจริงมันมีรูปร่างคล้ายกับขนมปังเบอร์เกอร์มากกว่า เนื่องจากความเร็วของฝนที่ตกลงมาจะทำให้รูปร่างของฝนมีลักษณะแบน โดยเฉพาะบริเวณด้านล่างจะแบนกว่าด้านบน
2. ฝนไม่ได้ทำพื้นเปียกเสมอไป
ในพื้นที่ที่แห้งแล้งและร้อนจัด บางครั้งฝนก็ระเหยไปก่อนที่มันจะกระทบพื้น เอ็ดเวิร์ด แอ็บบี นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมบอกว่ามันคือ “ฝนผี” (Phantom Rain) และอธิบายถึงฝนชนิดนี้ว่า “คุณจะเห็นม่านฝนที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า ในขณะที่สิ่งมีชีวิตกลับเหี่ยวเฉาข้างล่างต้องการน้ำ มันคือการทรมานด้วยการยั่วเย้าและให้ความหวังลม ๆ แล้ง ๆ จากนั้นเมฆก็สลายไปเหมือนไม่เกิดอะไรขึ้น”
3. สถานที่ ๆ มีฝนตกน้อยที่สุดไม่ใช่ทะเลทราย
ถ้าพูดถึงทวีปที่แห้งแล้งที่สุดคงหนีไม่พ้น แอนตาร์กติกา ที่มีปริมาณน้ำฝนหรือหิมะเพียง 6.5 นิ้วต่อปีเท่านั้น และสถานที่ ๆ แห้งแล้งที่สุดก็คือ Dry Valleys ที่อยู่ในแอนตาร์กติกา ที่ได้ชื่อว่าแห้งแล้งที่สุดในโลก ซึ่งไม่มีฝนตกที่นี่มานานเกือบ 2 ล้านปีแล้ว
4. ฝน ไม่ได้ตกเป็นน้ำเสมอไป
บนโลกคุณอาจเจอว่ามันตกเป็นก้อนน้ำแข็งที่เราเรียกว่าลูกเห็บ แต่บนดาวเคราะห์ดวงอื่น ๆ ฝนตกลงมาได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นกรดซัลฟูริก มีเธน โลหะ หรือแม้แต่ฝนบนดาวพฤหัสและดาวเสาร์ที่ตกเป็นเพชร
5. รูปร่างและสีของเมฆ ช่วยให้คุณทำนายฝนได้
ถ้าคุณเห็น “เมฆคิวมูโลนิมบัส” ที่มีลักษณะเป็นก้อนอ้วนสูง ดูแบนจากด้านบน หรือ “เมฆนิมโบสตราตัส” ที่มีสีเทาและลอยอยู่ในระดับต่ำ คุณสามารถมั่นใจได้ว่าฝนจะตกภายใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า
6. ฝนมีกลิ่น
น้ำไม่มีกลิ่น แต่ทำไมฝนถึงมีกลิ่น ? แน่นอนว่ากลิ่นไม่ได้มาจากน้ำฝน แต่มันเป็นเพราะโมเลกุลที่เรียกว่า จีออสมิน (geosmin) ที่ถูกสร้างขึ้นโดยแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในดิน เมื่อฝนตกลงมามันจะทำให้โมเลกุลเหล่านี้ฟุ้งกระจายในอากาศกลายเป็นละอองลอยมากมาย สำหรับบางคนที่สูดดมเข้าไปและชอบเจ้ากลิ่นนี้ ก็จะเรียกว่าเป็นความหอมจากกลิ่นดินในเวลาฝนตกนั่นเอง
7. ฝนคือเงิน
ในประเทศบอตสวานา ทวีปแอฟริกา สกุลเงินของพวกเขามีชื่อว่า พูลา (Pula) ซึ่งมีความหมายว่า “ฝน” และการที่ชื่อนี้ถูกเรียกใช้เป็นสกุลเงิน แสดงให้เห็นว่า ฝนเป็นของล้ำค่าหายากสำหรับประเทศในแถบทะเลทรายซาฮารา
8. ขนาดของเม็ดฝนที่ใหญ่ที่สุด
ในขณะที่ขนาดของเม็ดฝนเล็ก ๆ จะมีเส้นผ่าศูนย์กลางอยู่ที่ 0.001 ถึง 0.005 มิลลิเมตร แต่ขนาดของเม็ดฝนที่ใหญ่ที่สุดที่เคยบันทึกไว้คือ 8.8 มิลลิเมตร ถึง 1 เซนติเมตร โดยถูกบันทึกไว้จากเมฆเหนือท้องฟ้าของประเทศบราซิลเมื่อปี 1995 และหมู่เกาะมาร์แชลล์ เมื่อปี 1999
9. หมู่บ้านที่ฝนตกมากที่สุดในโลก
หมู่บ้านมอซินรัม ในรัฐเมฆาลัย ในประเทศอินเดีย ถือว่าเป็นสถานที่ ๆ มีฝนตกมากที่สุดในโลก ซึ่งวัดปริมาณน้ำฝนได้ 467 นิ้วต่อปี ถ้าเทียบกับพื้นที่จังหวัดระนองที่มีฝนตกมากที่สุดในประเทศไทย ยังวัดปริมาณน้ำฝนได้ 157 นิ้วต่อปีเท่านั้น ซึ่งผู้คนที่ทำงานในหมู่บ้านเขตนี้ จะต้องสวมชุดกันฝนที่ทำจากไม้ไผ่และใบกล้วยตลอดเวลา
10. ฝนตกหนักที่สุดในประวัติศาสตร์
เหตุการณ์ฝนตกหนักที่สุดเท่าที่มนุษย์เราเคยบันทึกได้เกิดขึ้นบนเกาะเรอูนียง ในมหาสมุทรอินเดีย ในระหว่างเกิดพายุไซโคลนเมื่อปี 1966 โดยมีการบันทึกไว้ว่า มีปริมาณน้ำฝนมากถึง 71.9 นิ้ว ภายใน 24 ชั่วโมง ถ้าเทียบกับกรุงเทพบ้านเราที่เห็นฝนตกเยอะ ๆ ยังมีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยเพียง 56.3 นิ้วต่อปีเท่านั้น
ที่มา : rd | เรียบเรียงโดย เพชรมายา
สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ