มีเทคนิควิธีการมากมายที่ผู้สร้างภาพยนตร์ใช้เพื่อสร้างอารมณ์ความรู้สึกให้กับผู้ชมโดยที่เราเองไม่ได้ตระหนักถึงมาก่อน และเทคนิคที่มักถูกใช้เป็นอันดับต้น ๆ นั่นก็คือโทนสีที่ปรากฎในภาพยนตร์ ที่มีอิทธิพลและเป็นเครื่องมืออันทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ
วันนี้เพชรมายาจะพาให้ทุกท่านมารู้จักอิทธิพลของสีที่ไม่ได้มีแค่ความสวยงาม แต่มันสร้างอิทธิพลอะไรให้กับเราได้บ้าง
1. สีแดง
สีแดงสามารถสื่อถึงสิ่งที่เป็นบวก เช่น ความรักหรือความหลงใหล ตัวอย่างเช่นภาพยนตร์เรื่อง Her (2013) ตัวละครหลักสวมเสื้อเชิ้ตสีแดง รวมถึงมีฉากหลังและกำแพงสีแดง
Her เป็นภาพยนตร์แนวโรแมนติกดรามา และสีแดงก็ช่วยบอกเล่าเรื่องราวของความรักโดยปราศจากคำพูดใด ๆ
ในอีกมุมหนึ่ง สีแดงสามารถสื่อความหมายในแง่ลบได้เช่นกัน มันแสดงถึงความโกรธ ความก้าวร้าว ความอันตรายและความรุนแรง ตัวอย่างเช่นภาพยนตร์เรื่อง 2001: A Space Odyssey ของสแตนลีย์ คูบริก
สีแดงในเรื่องนี้ตอกย้ำถึงสถานการณ์ที่เลวร้าย ชีวิตของตัวละครกำลังตกอยู่ในอันตราย และต้องพยายามหนีเอาตัวรอดให้เร็วที่สุด
2. สีเหลือง
สีเหลืองมักถูกเชื่อมโยงกับความสุข ความร่าเริง และพลัง เช่นเดียวกับความไร้เดียงสาของวัยเด็ก นั่นเป็นเหตุผลที่ภาพยนตร์เรื่อง Moonrise Kingdom ของเวส แอนเดอร์สัน ถึงมีสีเหลืองเต็มไปหมด
ตัวละครหลักในเรื่องนี้คือเด็ก ๆ ที่กำลังตกหลุมรักกัน และการใช้เวลาร่วมกันทำให้พวกเขารู้สึกปลอดภัยและอบอุ่น ในขณะที่ภาพยนตร์สั้นเรื่อง Hotel Chevalier ก็ใช้สีเหลืองเพื่อแสดงถึงบรรยากาศที่เงียบสงบ
ในทางตรงกันข้าม สีเหลืองยังเป็นสีที่สื่อถึงการทรยศ ความขี้ขลาด ความริษยา และความเจ็บป่วย
ในเรื่อง Birdman มีฉากที่ตัวละครของไมเคิล คีตัน กำลังทะเลาะกับลูกสาวของเขาที่รับบทโดย เอ็มมา สโตน โทนสีเหลืองในฉากนี้แสดงถึงอารมณ์ของพวกเขาและความขมขื่นที่เกิดขึ้น
3. สีเขียว
สีเขียวเป็นสัญลักษณ์ของความมีสุขภาพดี การรักษา ความอ่อนเยาว์ และความอุตสาหะ เราสามารถเห็นโทนสีเขียวในเรื่อง Gravity ไรอันที่รับบทโดยแซนดรา บูลล็อก โผล่ขึ้นมาจากน้ำ มันสื่อถึงการได้รับชีวิตใหม่ราวกับว่าเธอได้รับโอกาสครั้งที่สองในชีวิต
เราสามารถเห็นสีเขียวในความหมายตรงกันข้ามได้ในเรื่อง The Matrixในภาพยนตร์เรื่องนี้สีเขียวเป็นสีของ “เมทริกซ์” ที่ตรงกันข้ามกับสีน้ำเงินที่สื่อถึง “โลกแห่งความเป็นจริง”โทนสีเขียวนี้สื่อถึงโลกที่กำลังทรุดโทรม และยังทำให้เรารู้สึกไม่สบายใจอีกด้วย
4. สีน้ำเงิน
สีน้ำเงินให้ความรู้สึกถึงความผ่อนคลาย สงบ ความศรัทธา ความพึงพอใจ ความภักดี ความปรองดอง ความไว้วางใจ และความจริง
เราสามารถเห็นสีน้ำเงินได้ในฉากสุดท้ายของเรื่อง The Trueman Show เมื่อตัวละครของจิม แคร์รีย์ กำลังขึ้นบันไดเพื่อออกจากโลกสมมุติที่เขาเคยอยู่ เขาถูกแวดล้อมไปด้วยน้ำทะเลสีฟ้าและท้องฟ้าสีคราม ในที่สุดเขาก็ค้นพบกับความจริงและทางออกไปสู่โลกแห่งความเป็นจริง
ในทางตรงกันข้าม สีน้ำเงินก็มีความหมายในเชิงลบได้เช่นกัน ในเรื่อง Moonrise Kingdom ที่เรากล่าวถึงไปก่อนหน้านี้
สีเหลืองแสดงถึงสิ่งดี ๆ และตัวละครหลักในเรื่องก็สวมผ้าคาดผมสีเหลือง แต่ตัวร้ายของเรื่องที่แสดงโดยทิลดา สวินตัน สวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินและหมวกสีน้ำเงิน ซึ่งมันสื่อถึงความเย็นชาของตัวละครได้
5. สีชมพู
สีชมพูเป็นสีแห่งความรัก ความบริสุทธิ์ และความสุข เราจะเห็นการใช้สีชมพูในเรื่อง The Grand Budapest Hotel ที่เน้นความโรแมนติกแบบเด็ก ๆ ระหว่างซีโรและอกาธา รวมไปถึงความบริสุทธิ์ใจและความเต็มใจของอกาธาในการช่วยเหลือผู้อื่น
ในทางตรงกันข้าม สีชมพูยังสื่อได้ถึงการเสแสร้งของตัวร้าย การสวมชุดสีชมพูเพื่อให้ดูเป็นมิตรและไร้เดียงสาเพื่อปกปิดเจตนาที่แท้จริงของพวกเขาเอาไว้
เราสามารถเห็นสีชมพูในลักษณะนี้ได้ในเรื่อง Mean Girls หรือในเรื่อง Harry Potter and the Order of the Phoenix ที่ศาสตราจารย์อัมบริดจ์สวมชุดสีชมพูหวานแหววอยู่เสมอ รวมถึงห้องทำงานทั้งหมดของเธอก็ยังเป็นสีชมพูอีกด้วย
6. สีขาว
สีขาวหมายถึงความบริสุทธิ์ ไร้เดียงสา ความรัก สันติสุข และความเยาว์วัย ในขณะเดียวกันก็ยังสื่อถึงความสันโดษและความตายได้เช่นกัน
ตัวอย่างเช่นในเรื่อง Harry Potter and the Deathly Hallows ภาค 2 เมื่อแฮร์รีใกล้ตาย และได้พบกับวิญญาณของดัมเบิลดอร์ ฉากหลังและเสื้อผ้าทั้งหมดกลายเป็นสีขาวอมเทา ณ จุดนี้ สีขาวหมายถึงความตาย ในขณะเดียวกันมันก็สื่อถึงความสงบสุขของดัมเบิลดอร์ และความบริสุทธิ์ของแฮร์รีที่ตั้งใจจะเสียสละตัวเองเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น
7. สีม่วง
สีม่วงเป็นสีแห่งความลึกลับ และมักเกี่ยวข้องกับอนาคตและเทคโนโลยี ด้วยเหตุนี้เราจึงเห็นสีม่วงจำนวนมากในภาพยนตร์ไซไฟ ตัวอย่างเช่นเรื่อง Blade Runnder 2049
อีกมุมหนึ่งของสีม่วงคือความโหดร้ายและความเย่อหยิ่งที่เราพบได้ในบรรดาตัวร้ายทั้งหลาย ตัวอย่างเช่นตัวร้ายจากเรื่อง The Princess and the Frog ที่สวมชุดสีม่วงทั้งตัว และรอบตัวเขาก็เป็นสีม่วงเช่นเดียวกัน
8. สีส้ม
สีส้มแสดงถึงความอบอุ่น การมีพลัง และความกระตือรือร้น ในทางตรงกันข้ามมันก็หมายถึงการไร้ชีวิตชีวา ความสิ้นหวัง ความอันตราย หรือแม้แต่ความลึกลับ
เราสามารถเห็นด้านลบของสีส้มได้จากภาพยนตร์อย่าง Mad Max: Fury Road ที่ให้ความรู้สึกถึงความสิ้นหวังของวันสิ้นโลก และในเรื่อง Blade Runner 2049 ที่ลาสเวกัสเป็นเมืองร้างปรากฎขึ้น
และนี่ก็คือความหมายของสีสันต่าง ๆ ที่ปรากฎในภาพยนตร์ และครั้งหน้าที่คุณได้ชมภาพยนตร์ ลองสังเกตสีสันต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวละคร ฉาก สภาพแวดล้อม ซึ่งจะทำให้คุณเข้าใจความหมายที่ผู้สร้างภาพยนตร์ต้องการสื่อได้มากขึ้นแน่นอน
ที่มา : brightside | เรียบเรียงโดย เพชรมายา
สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ