คุณคิดว่าหนังสือ 1 เล่มที่มีราคาแพงๆ จะมีมูลค่าสูงสุดสักเท่าไหร่ ? ถ้าคุณคิดว่า ราคาสัก 1 ล้านบาทต่อหนังสือ 1 เล่ม แสดงว่าคุณคิดผิด ไม่ใช่ว่าแพงไป แต่มันถูกไปมากต่างหาก วันนี้เพชรมายาจะพามาชม 10 อันดับหนังสือที่มีราคาสูงทีสุดบนโลกใบนี้ มาดูกันว่าจะมีหนังสืออะไรกันบ้าง
10. The First Book of Urizen โดย William Blake ($2.5 ล้าน หรือ 87.5 ล้านบาท)
ถูกพิมพ์ครั้งแรกในปี 1794 โดยเป็นหนึ่งในผลงานชิ้นสำคัญของ วิลเลียม เบลค นักกวีและจิตรกรชื่อดังชาวอังกฤษในศตวรรษที่ 18 โดยมีเพียง 8 เล่มเท่านั้นที่หลงเหลือมาถึงปัจจุบัน และมันถูกประมูลไปเมื่อปี 1999 ในราคา 2.5 ล้านเหรียญ
9. The Tales of Beedle the Bard โดย J.K. Rowling ($3.98 ล้าน หรือ 139.3 ล้านบาท)
หรือมีชื่อไทยว่า นิทานของบีเดิลยอดกวี เป็นหนังสือนิทานเด็ก ที่แต่งโดย เจเค. โรว์ลิ่ง เพื่อเป็นหนังสือประกอบสำหรับนิยายในชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ โดยถูกอ้างถึงในตอน แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต หนังสือเล่มนี้ถูกเขียนด้วยมือทั้งหมด โดยถูกผลิตขึ้นมาแค่ 7 เล่มในโลกเท่านั้น 6 เล่มถูกมอบให้กับเพื่อนๆ และบรรณาธิการ ส่วนอีกเล่มถูกไปประมูลที่ Amazon โดยได้ราคาสูงถึง 3.98 ล้านเหรียญ
8. Geographia Cosmographia โดย Claudius Ptolemy ($4 ล้าน หรือ 140 ล้านบาท)
หนังสือแผนที่โลกที่ถูกตีพิมพ์เป็นครั้งแรก และเป็นหนังสือเล่มแรกที่มีการจารึกภาพประกอบ โดยเป็นการรวบรวมความรู้ทางภูมิศาสตร์ตั้งแต่ศตวรรษที่ 2 ในสมัยจักรวรรดิโรมัน ซึ่งถูกเขียนโดย เคลาดิอุส ปโตเลมี นักดาราศาสตร์ชาวกรีกผู้ยิ่งใหญ่ โดยถูกประมูลไปในลอนดอนเมื่อปี 2006 ในราคา 2.136 ล้านปอนด์ หรือราวๆ 4 ล้านเหรียญ
7. Traité des arbres fruitiers [Treatise on Fruit Trees] โดย Henri Louis Duhamel du Monceau, ภาพโดย Pierre Antoine Poiteau และ Pierre Jean François Turpin ($4.5 ล้าน หรือ 157.5 ล้านบาท)
แน่นอนว่า นี่คือหนังสือภาพวาดต้นไม้ผลไม้ ที่แพงที่สุดบนโลกใบนี้ โดยหนังสือทั้งเซ็ตประกอบด้วย 5 เล่ม ที่มีต้นผลไม้ที่แตกต่างกันกว่า 16 ชนิด และมีตัวหนังสือกำกับ ถูกขายไปแพงถึง 4.5 ล้านเหรียญ
6. The Gutenberg Bible ($4.9 ล้าน หรือ 171.5 ล้านบาท)
พระคัมภีร์ไบเบิลหน้าปกสีน้ำตาลทำด้วยหนังวัว ที่ถูกตีพิม์ในปี ค.ศ. 1455 ถูกบริษัท Maruzen ที่เป็นหนึ่งในผู้จัดจำหน่ายหนังสือที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นประมูลได้ไปอย่างรวดเร็วหลังเปิดประมูล ซึ่งหนังสือไบเบิลฉบับนี้ ถูกตีพิมพ์ขึ้นเพียง 48 เล่มเท่านั้น
5. First Folio โดย William Shakespeare ($6 ล้าน หรือ 210 ล้านบาท)
ถึงแม้ว่าราคาของ First Folio ต้นฉบับที่วางขายจะมีราคาเพียงแค่ 1 ปอนด์ (50 บาท) แต่ในปัจจุบัน ราคาของมันสูงขึ้นจนน่าใจหาย โดยคาดว่าหนังสือเล่มนี้ชองเชคสเปียร์ จะเหลืออยู่เพียง 228 เล่มจาก 750 เล่ม ซึ่งหนึ่งในนั้น ถูกประมูลไปโดย พอล อัลเลน หนึ่งในผู้ก่อตั้งไมโครซอฟต์ ด้วยราคาสูงถึง 6 ล้านเหรียญ
4. The Canterbury Tales โดย Geoffrey Chaucer ($7.5 ล้าน หรือ 262.5 ล้านบาท)
ผลงานชิ้นสำคัญของ เจฟฟรีย์ ชอเซอร์ นักเขียน กวี นักปรัชญา ในศตวรรษที่ 14 โดยต้นฉบับของหนังสือเล่มนี้ถูกตีพิมพ์ขึ้นในศตวรรษที่ 15 จำนวน 1477 เล่ม ซึ่งเล่มนี้เหลือเป็นเล่มสุดท้าย โดยถูกซื้อขายกันมาก่อนในปี ค.ศ. 1776 ด้วยราคา 6 ปอนด์เท่านั้น
3. Birds of America โดย James Audubon ($11.5 ล้าน หรือ 402.5 ล้านบาท)
หนังสือเกี่ยวกับนกของ เจมส์ ออดูบอน นักวิหควิทยาและจิตรกรชาวอเมริกัน ในศตวรรษที่ 18 โดยในปี 2000 หนึ่งใน 19 ฉบับของหนังสือเล่มนี้ที่เหลืออยู่บนโลก ถูกประมูลไปในอเมริกา ด้วยราคา 8,802,500 เหรียญ 10 ปีต่อมา มันถูกประมูลอีกครั้งในลอนดอน ซึ่งคราวนี้มูลค่าของมันสูงถึง 11.5 ล้านเหรียญ
2. The Gospels of Henry the Lion โดย Order of Saint Benedict ($11.7 ล้าน หรือ 409.5 ล้านบาท)
หนังสือคำสอนของพระเยซูที่มีจำนวน 266 หน้านี้ ถูกว่าจ้างโดย Henry the Lion ดยุคแห่งแซคโซนี สำหรับบูชาพระแม่มารีในวิหารบรันสวิก โดยหนังสือคำสอนที่ถูกซื้อไปโดยรัฐบาลเยอรมนีในปี 1983 ด้วยราคา 11.7 ล้านเหรียญ ในเวลานั้น ซึ่งถ้าคิดเป็นมูลค่าตอนนี้ น่าจะสูงกว่านั้นมาก
1. The Codex Leicester โดย Leonardo da Vinci ($30.8 ล้าน หรือ 1,078 ล้านบาท)
หนึ่งในวารสารวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของ ลีโอนาโด ดาวินชี เนื้อหาจำนวน 72 หน้าที่เต็มไปด้วยแนวคิด ทฤษฎี ที่ถูกเขีนด้วยมือ ทุกสิ่งล้วนมีมูลค่ามหาศาล ซึ่งต้นฉบับชิ้นนี้ถูกซื้อครั้งแรกในปี ค.ศ. 1717 โดย โธมัส โคก ซึ่งต่อมากลายเป็นขุนนางแห่งเลสเตอร์ และกลายเป็นมรดกตกทอดไปให้กับ อาร์มานด์ แฮมเมอร์
จนกระทั่งในปี 1994 มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลกและผู้ก่อตั้งไมโครซอฟต์อย่าง บิลล์ เกตส์ ได้ประมูลมันไปในราคา 30.8 ล้านเหรียญ ซึ่งทำให้มันกลายเป็นหนังสือที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก โดยสาเหตุที่ บิล เกตส์ ซื้อไป เขาให้เหตุผลว่า มันเป็นแรงบันดาลใจให้เขา
สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจเพิ่มเติมข้างล่างครับ
ที่มา : flavorwire | เรียบเรียงโดย เพชรมายา