เชื่อว่าเพื่อนๆ หลายๆ คน โดยเฉพาะสาวๆ น่าจะเคยประสบปัญหาเหาเกาะหัวตอนเด็กๆ กันมาบ้าง ถ้าเป็นไม่มากก็มักจะใช้หวีสางเหา หรือใช้ยาหมักผมแล้วล้างออก แต่ถ้าซวยหนักขนาดแก้ไม่หายล่ะก็ ต้องโกนผมสถานเดียวเท่านั้น วันนี้เพชรมายาจึงขอนำเสนอเรื่องราวข้อเท็จจริงของเหามาให้ทุกคนได้ชมกัน ใครที่อยากรู้ล่ะก็ ลองไปชมกันเลย
1. เหามีขนาดคร่าวๆ เท่ากับเมล็ดงา หรือมีความยาวราวๆ 2-3 มิลลิเมตร มีสีออกแทนๆ เทาๆ
2. ไข่ของเหาจะพรางตัวแนบเนียนไปกับสีผมตามธรรมชาติของคุณ
3. เพราะเหาไม่สามารถกระโดดหรือบินได้ มันจึงจำเป็นต้องเดิน โดยเเหาจะคลานไปทั่วหนังศีรษะของคุณ ด้วยความเร็ว 9.5 เซนติเมตรต่อนาที และมีการแพร่กระจายจากผมสู่ผม
4. เหาดำรงชีพด้วยการฉีดน้ำลายลงไปบนหนังศีรษะของคุณ และดูดเลือดออกมา ซึ่งน้ำลายของมันจะช่วยให้หลอดเลือดเปิดขึ้นและเลือดจะหยุดแข็งตัว และนอกจากนั้นมันยังสามารถเลือดจากหนังศีรษะคุณได้ทุก 2-3 ชั่วโมง
5. เหาสามารถไปทำรังบนคิ้วและขนตาของคุณได้เช่นเดียวกับผมของคุณ
6. เหาอาศัยอยู่บนโลกนี้มานานมาก เคยมีการพบเหานับร้อยอยู่บนมัมมี่ที่มีอายุนับพันปี นั่นแสดงว่าบรรพบุรุษเราก็เดือดร้อนกับปัญหาเหาเช่นเดียวกัน
7. โดยส่วนมาก คุณจะมีอาการคันหัว เป็นเพราะคุณแพ้เหากัด แต่บางครั้งคุณก็จะรู้สึกจั๊กจี้ เพราะเหาเคลื่อนที่ไปรอบๆ หัว
8. เหาสามารถเอาชีวิตรอดจากการอยู่ใต้น้ำได้นานนับชั่วโมง นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้การสระผมไม่สามารถแก้ไขปัญหาเหาได้
9. เหาเพศเมีย 1 ตัวสามารถวางไข่ได้สูงสุด 10 ฟองต่อวัน แต่โดยเฉลี่ยแล้ว พวกมันจะวางไข่ได้เฉลี่ยวันละ 6-7 ฟองต่อวัน และใช้เวลาฟัก 9 วัน กว่าจะออกมาเป็นตัว
10. คนที่เป็นเหา จะมีเหาอยู่ประมาณ 10-15 ตัวบนหัวตลอดเวลา การใช้หวีๆ ผม จะช่วยให้เหาน้อยลงได้
11. ไข่เหาจะมีสารคล้ายกาวเคลือบป้องกันอยู่ ซึ่งช่วยให้ไข่ยึดติดไปกับเส้นผมของคุณ กาวนี้จะมีส่วนประกอบคล้ายกับเส้นผมของมนุษย์ โดยการทำลายกาวของมันอาจส่งผลเสียต่อเส้นผมไปด้วย
12. เหาจะครึกครื้นอยู่บนหัวคุณในเวลากลางคืน ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนที่หรือการดูดเลือดก็ตาม
13. การวิจัยแสดงให้เห็นว่า เหาเริ่มพัฒนาความต้านทานต่อการรักษาทางการแพทย์มากขึ้น โดยการวิจัยที่ดำเนินมาตั้งแต่ปี 1998 และถูกตีพิมพ์ในวารสาร British Journal of Dermatology ระบุว่า การศึกษาตัวอย่างจากเด็กสี่เมืองในอังกฤษพบว่า เหาจะเริ่มดื้อยามากขึ้น เมื่อผ่านขั้นตอนการรักษาแบบเดิมๆ
สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ
ที่มา : buzzfeed | เรียบเรียงโดย เพชรมายา