เกลือไผ่อเมทิสต์ เกลือที่มีราคาแพงที่สุดในโลก ที่ต้องใช้เวลาทำ 1-2 เดือน

หากคุณคิดว่า ‘เกลือหิมาลัย’ เป็นเกลือหรูหราที่มีราคาแพงแล้วล่ะก็ แสดงว่าคุณยังไม่เคยได้ยินเกลือสายพันพรีเมียมที่มีอยู่อีกมากมายทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นเกลือถั่วเหลืองหรือเกลือดำคีเลาเวอาโอนิกซ์ (Kilauea Onyx)

แต่สุดยอดเกลือที่ได้ชื่อว่ามีราคาแพงที่สุดนั่นคือ อเมทิสต์ แบมบู (Amethyst Bamboo) เกลือไผ่จากเกาหลีที่มีกระบวนการทำอันซับซ้อน และใช้เวลาราว 1-2 เดือน กว่าจะผลิตเกลือชนิดนี้ออกมาได้

เกลือไผ่เกาหลีถูกทำมาจากเกลือทะเลที่ใส่เข้าไปในกระบอกไม้ไผ่ ปิดฝาด้วยดินลมหอบหรือดินเลอส์ (Loess) จากนั้นก็นำไปเผาซ้ำถึง 9 ครั้งด้วยกันในเตาเผาแบบดั้งเดิม ทุกขั้นตอนถูกทำด้วยมือจึงไม่น่าแปลกใจที่ราคาเกลือไผ่ 1 ขวด น้ำหนัก 240 กรัม จะมีราคามากกว่า  3 พันบาทต่อขวด

เกลือไผ่เป็นวัฒนธรรมของชาวเกาหลีที่มีประวัติศาสตร์ชาวนานหลายร้อยปี แต่การนำเกลือไผ่มาเผาซ้ำถึง 9 ครั้งเพิ่งเริ่มต้นในศตวรรษที่ 20 โดยก่อนหน้านั้น เกลือจะถูกเผาอยู่ในไม้ไผ่เพียงแค่ 2-3 ครั้งเท่านั้น

ต่อมามีการค้นพบว่า การเผาเกลือจำนวนมากขึ้นจะยิ่งช่วยให้เนื้อไม้ไผ่เข้าถึงเกลือมากขึ้นและทำให้เกลือสะอาดบริสุทธิ์ยิ่งกว่าเดิม นั่นจึงทำให้เกลือไผ่จึงเป็นเกลือที่มีความบริสุทธิ์มากที่สุดชนิดหนึ่งของโลก

ขั้นตอนการทำเกลือไผ่อเมทิสต์ เริ่มต้นจากการตัดท่อนไม้ไผ่ที่มีอายุราว 3 ปี มาทำเป็นกระบอกไม้ไผ่ จากนั้นก็เติมเกลือทะเลจากชายฝั่งตะวันตกของเกาหลีใต้ลงไป ปิดฝาด้วยดินลมหอบ ดินละเอียดสีเหลืองที่ถูกลมพัดมาทับถมกันจากบริเวณใกล้เคียง โดยเป็นดินที่มีความอุดมสมบูรณ์และอุดมไปด้วยแคลเซียม

จากนั้นก็ใส่กระบอกไม้ไผ่ลงในเตาเผาที่ใช้ไม้สนเป็นฟืน และเผาด้วยความร้อนที่สูงกว่า 800 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นจุดหลอมเหลวของเกลือ เมื่อไม้ไผ่ร้อนขึ้น น้ำมันจะเริ่มออกมาจากเนื้อไม้และถูกดูดซึมเข้าไปในเกลือ รวมถึงฟืนไม้สน ยางสน และดินลมหอบ ทั้งหมดจะผสมผสานกันทำให้เกลือไผ่มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

หลังจากผ่านไป 14-15 ชั่วโมง กระบอกไม้ไผ่จะกลายเป็นเถ้า เหลือเพียงแต่ก้อนเกลือ จากนั้นเกลือจะถูกบดและบรรจุลงในกระบอกไม้ไผ่อีกครั้ง โดยกระบวนการทั้งหมดจะถูกทำซ้ำอีกรวมเป็น 8 ครั้งด้วยกัน

ส่วนในครั้งที่ 9 จะมีการเผาเกลือโดยใช้อุณหภูมิที่สูงกว่า 1,000 องศาเซลเซียส ซึ่งทำให้เกลือและไผ่ละลายจนกลายเป็นของเหลวเหมือนลาวา จากนั้นก็จะถูกเทใส่ในแม่พิมพ์และปล่อยให้แข็งตัวโดยใช้เวลาหลายวัน

เมื่อเกลือแข็งเรียบร้อยแล้วก็จะถูกนำมาหักด้วยมือและบรรจุใส่แพ็กเกจขายต่อไป ซึ่งขั้นตอนสุดท้ายถือว่าต้องใช้ความละเอียดอ่อนอย่างมาก เพราะหากผิดพลาดเพียงนิดเดียว ก็อาจส่งผลให้เสียเวลาทำงานหนักไป 1-2 เดือนฟรี ๆ

เกลือไผ่ที่ได้ออกมาอาจมีสีมุก สีเหลืองอำพัน จนไปถึงสีม่วงอเมทิสต์ ที่มีความบริสุทธิ์ที่สุดในโลก และยังมีแร่ธาตุสูงมาก ในขณะที่ชาวเกาหลีเชื่อกันว่าเกลือไผ่มีสรรพคุณทางยา เช่นการอมเพื่อให้รักษาอาการเหงือกอักเสบ หรือช่วยทำให้สุขภาพในช่องปากดีขึ้น

แม้ปัจจุบัน ยังไม่มีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์อย่างจริงจังที่พิสูจน์ว่าเกลือไผ่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าเกลืออื่นมากน้อยแค่ไหน แต่ด้วยกระบวนการที่ยากลำบากเหล่านี้ จึงทำให้มันกลายเป็นเกลือที่มีราคาแพงยิ่งกว่าเกลือไหน ๆ บนโลกใบนี้

ที่มา : odditycentral | เรียบเรียงโดย เพชรมายา