เด็กอัจฉริยะวัย 17 สร้างเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่บ้านแม่เมื่อ 20 ปีก่อน จนเกิดรั่วไหล

นี่คือเรื่องราวของ เด็กชายผู้หลงใหลในวิชาเคมีและวิทยาศาสตร์ ฟังดูเหมือนจะเป็นเรื่องดี แต่จากการทดลองสารเคมีมากมายเพื่อความบันเทิง จนถึงการสร้างเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขึ้นมาเอง นั่นทำให้เรื่องราวเด็กชายคนนี้ต้องพบกับจุดจบที่หลายคนคาดไม่ถึง

ย้อนกลับไปในปี ค.ศ. 1987 เดวิด ชาร์ลส์ ฮาห์น เด็กน้อยวัย 10 ขวบ ได้รับหนังสือเล่มหนึ่งที่มีชื่อว่า The Golden Book of Chemistry Experiments ซึ่งนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาชื่นชอบวิทยาศาสตร์และเคมีมาตั้งแต่ตอนนั้น

การทดลองต่างๆ ของเดวิดเป็นเรื่องปกติสำหรับที่บ้านมาก เดวิดเปลี่ยนห้องใต้ดินบ้านแม่ของเขาให้เป็นห้องแล็บ และเมื่อเขาโตขึ้น เขาก็เริ่มทำงานเป็นเด็กส่งหนังสือพิมพ์ ทำงานร้านอาหารฟาสฟู้ด และทำงานอื่นๆ อีกหลายอย่าง เพื่อที่จะนำเงินมาซื้ออุปกรณ์สำหรับการทดลองของเขา

เมื่อเดวิดเข้าร่วมเป็นสมาชิกของกลุ่มลูกเสือ เขาเคยไปปรากฏตัวพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยสีส้ม เนื่องจากสาร แคนทาแซนทิน (Canthasanthin) ที่เขานำมาทดสอบการสร้างสีผิวแทนเทียม นอกจากนั้น ในคืนหนึ่ง เพื่อนลูกเสือของเขายังเผลอไปจุดระเบิดผงแมกนีเซียมของเดวิดเข้า (ซึ่งเขาเตรียมนำไปทำเป็นพลุไฟ)

วีรกรรมของเดวิดยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง แม่กับพ่อเลี้ยงของเดวิดมักจะได้ยินเสียงระเบิดเล็กๆ อยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะมาจากห้องนอนหรือในห้องใต้ดิน ซึ่งครั้งที่ร้ายแรงที่สุดก็คือ เขาบังเอิญทำห้องแล็บใต้ดินของตัวเองระเบิด จนส่งผลให้บ้านของเขาไฟไหม้ ส่วนเดวิดได้รับบาดเจ็บจากการที่เศษแก้วเข้าตา มือได้รับบาดเจ็บ จนต้องถูกหามส่งโรงพยาบาล

ถ้าเป็นครอบครัวอื่น พ่อแม่ผู้ปกครองคงห้ามลูกไม่ให้เล่นทดลองอะไรอีกแน่นอน แต่สำหรับแม่ของเดวิดตัดสินใจที่จะให้เดวิดย้ายการทดลองของเขาไปนอกบ้าน และโรงนาเล็กๆ ที่สนามหลังบ้านก็ดูเหมือนจะเป็นที่ๆ เหมาะสมที่สุด

และเมื่อเดวิดอายุได้ 14 ปี (วีรกรรมที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้คืออายุยังไม่ถึง 14) เขาได้รับเหรียญตราลูกเสือ Atomic Energy Merit Badge (สำหรับผู้ที่ทรงความรู้ด้านวิทยาศาสตร์พลังงาน) ด้วยการสร้างแบบจำลองเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ได้สำเร็จ และเขียนเอกสารเกี่ยวกับปฏิกริยาฟิชชัน และพลังงานนิวเคลียร์ นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่เดวิดคิดอะไรแผลงๆ ขึ้นมาได้

เดวิดตัดสินใจที่จะสร้างเครื่องปฏิการณ์นิวเคลียร์ขึ้นมาจริงๆ ที่โรงนาที่บ้าน แต่เด็กวัยรุ่นคนหนึ่งจะสร้างเครื่องนี้และได้วัตถุดิบมาจากไหนล่ะ ? คำตอบก็คือเขาแกล้งปลอมตัวเป็นอาจารย์สอนฟิสิกส์ ติดต่อไปยังหน่วยงานด้านกำกับความปลอดภัยการใช้พลังงานนิวเคลียร์ เพื่อล้วงข้อมูลวิธีการสร้างส่วนประกอบต่างๆ ของเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์

และเพื่อที่จะได้ส่วนประกอบเหล่านั้น เดวิดโทรไปและเขียนจดหมายไปยังหน่วงานต่างๆ เพื่อขอวัตถุดิบเหล่านี้ ทั้งจากหน่วยงานรัฐบาลและเอกชน รวมไปสิ่งของต่างๆ ด้วยการปลอมเป็นอาจารย์อีกด้วย

เขาใช้เงินไปมากกว่า 1,000 เหรียญ (ราวๆ 3 หมื่นกว่าบาท) ในการซื้อแบตเตอร์รีที่เขาสามารถบรรจุลิเธียม เขาซื้อนาฬิกาที่เรืองแสงในที่มืด และตะเกียงแคมป์จากยุค 50 ซึ่งของทั้ง 2 อย่างนี้มีแร่เรเดียมอยู่ข้างใน นอกจากนั้นยังสั่งแร่ยูเรเนียม จากเช็กโกสโลวาเกีย นี่เป็นเรื่องถูกกฏหมายหลังจากที่โซเวียตล่มสลายพอดี เขาประกอบสิ่งเหล่านี้เข้าด้วยกันจนเกิดเป็นเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ของเขาได้สำเร็จ และมันก็สามารถใช้งานได้อีกด้วย

ถึงแม้เดวิดจะอัจฉริยะแค่ไหน แต่เขาก็ไม่เคยคิดถึงผลที่ตามมาแม้แต่น้อย หลังผ่านไปเพียงแค่สัปดาห์เดียว เครื่องไกเกอร์ เคาเตอร์ ที่ใช้วัดกัมมันตภาพรังสี ตรวจจับมันได้ในห้องนอนของเขา เดวิดเริ่มเป็นกังวลว่าเขาอาจทำให้คนอื่นๆ ตกอยู่ในอันตรายไปด้วย และภายในระยะเวลาแค่เดือนเดียว เขาตรวจจับกัมมันตภาพรังสีได้จากบ้านที่ถัดออกไปจากบ้านเขาถึง 5 หลัง และนั่นทำให้เขาตัดสินใจปิดเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ของเขาทันที

ในเดือนสิงหาคม 1994 เดวิดตัดสินใจเคลื่อนย้ายเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ใส่รถยนต์ของเขา แต่ด้วยความมีพิรุธ เพื่อนบ้านของเขาจึงโทรเรียกตำรวจ เพราะคิดว่าเดวิดกำลังขโมยยางรถ หลังจากตำรวจมาถึง เดวิดบอกตำรวจว่า อย่าเข้าใกล้รถของเขาเด็ดขาดเพราะมันมีกัมมันตภาพรังสี และเมื่อตำรวจได้ยินคำนี้ก็คิดไปถึงระเบิดปรมาณู ตำรวจจึงรวบตัวเดวิดและเรียกหน่วยกู้ระเบิดมาทันที โชคดีเป็นของตำรวจและคนอื่นๆ เพราะภายในรถของเดวิดมีค่ากัมมันตภาพรังสีที่สูงกว่าระดับปกติถึง 1,000 เท่า

เรื่องราวไปถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกลางต้องเข้ามาตรวจสอบและเคลียร์พื้นที่ ส่วนเดวิดเองไม่ยอมเข้ารับการตรวจใดๆ ทั้งสิ้น เพราะเกรงว่าจะพบความผิดปกติในร่างกายของเขา เดวิดตัดสินใจเข้าร่วมในกองทัพสหรัฐ และมีเป้าหมายที่จะทำงานในโครงการเกี่ยวเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ แต่เรื่องตลกก็คือ เขาไม่ถูกรับเข้าทำงาน ถึงแม้เขาจะเคยสร้างเครื่องนี้ขึ้นมากับมือก็ตาม

เดวิดใช้ชีวิตในกองทัพบกสหรัฐเป็นเวลา 4 ปีและย้ายไปอยู่กองทัพเรืออีก 3 ปี แต่แล้วเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เดวิดจากโลกนี้ไปในปี 2016 จากภาวะแอลกอฮอล์เป็นพิษ ถึงแม้จะมีข่าวลือและข้อสงสัยออกมาว่า จะเกี่ยวกับการทดลองของเขาในอดีตหรือเปล่า

เรื่องราวของเดวิด สามารถเป็นบทเรียนให้เราได้ในหลายๆ เรื่อง เราไม่ได้บอกว่าเรื่องราวของพลังงานนิวเคลียร์เป็นสิ่งดีหรือไม่ดี แต่มุมมองที่อยากให้ทุกคนรับรู้ไว้ก็คือ พ่อแม่ควรมีส่วนร่วมกับการเรียนรู้ของลูกๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม เพราะไม่เช่นนั้นเรื่องราวอาจลุกลามใหญ่โตจนคาดไม่ถึงแบบนี้ก็เป็นได้

สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ

ที่มา : | เรียบเรียงโดย เพชรมายา