หนุ่มสูญบิตคอยน์มูลค่า 68 ล้าน เพราะจำคำตอบของคำถามเพื่อความปลอดภัยจากปี 2005 ไม่ได้

บิตคอยล์ คือสกุลเงินดิจิทัลที่สามารถสร้างกำไรมหาศาลให้กับหลาย ๆ คน โดยเฉพาะผู้คนที่เคยเก็บมันเอาไว้ตั้งแต่ในช่วงแรก ๆ แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคุณดันไม่สามารถเข้าถึงบิตคอยน์ของคุณได้

นี่คือเรื่องราวของ ผู้ใช้ TikTok นามว่า @conspiracycubed ที่ออกมาเปิดเผยว่า เขาถูกบล็อกไม่ให้เข้าถึงบิตคอยน์มูลค่า 1.8 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 68 ล้านบาท ด้วยเหตุผลที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้

“เดาสิว่าใครที่มีบิตคอยน์มูลค่า 1.8 ล้านดอลลาร์อยู่ในกระเป๋าเงินที่ตายแล้ว?” ชายหนุ่มกล่าว

“เดาสิว่า ใครเข้าถึงกระเป๋าเงินนี้ไม่ได้ เพราะข้อมูลถูกเก็บไว้ในบัญชี Hotmail ? … ผมนี่ไง”

“ทำไมผมถึงเข้าบัญชี Hotmail ไม่ได้ ? เป็นเพราะคุณลืมรหัสผ่านหรือเปล่า ? ไม่ใช่ ผมรู้รหัสบ้านี่ นี่มันบัญชีของผม”

“แล้วทำไมผมถึงเข้ามันไม่ได้ล่ะ ? ดูเหมือนว่าจะมีใครบางคนพยายามล็อกอินเข้าบัญชีของผม”

“ตอนนี้พวกเขาขอให้ผมส่งแมสเซจยืนยันตัวว่าผมคือผมตัวจริง แต่ผมบอกพวกเขาว่า ผมส่งข้อความไม่ได้ เพราะเบอร์โทรศัพท์บ้านี่ผมเลิกใช้มาตั้งแต่ปี 2010”

“ผมไม่สามารถเข้าถึงหมายเลขโทรศัพท์นี้ได้อีกต่อไป จริง ๆ แล้วผมกำลังพยายามซื้อหมายเลขนี้กลับมาเพื่อที่จะได้ใช้บัญชี Hotmail ของตัวเองอีกครั้ง”

ชายหนุ่มอธิบายต่อไปว่า ในช่วงเวลานั้นเขาซื้อบิตคอยน์อย่างน้อย 100 BTC ตอนนี้มันเทียบเท่ากับ 1.7 หรือ 1.8 ล้านดอลลาร์

“ผมใช้เงินซื้อไปราว ๆ 40 ปอนด์ บางทีอาจจะ 60 ผมไม่แน่ใจ มันอาจจะมากถึง 200 ปอนด์ก็ได้”

“ผมไม่สามารถเข้าถึงบัญชีของผมได้ มีทนายความคนไหนที่จะช่วยผมเรื่องนี้ได้บ้าง”

สรุปแล้วชายหนุ่มพยายามหาใครก็ตามที่พอจะช่วยเหลือเขาได้ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถยืนยันตัวเองได้อีกแล้ว เนื่องจากสิ่งเดียวที่เขาต้องพิสูจน์ว่าเขาเป็นเจ้าของบัญชี Hotmail ของตัวเองจริง ๆ ก็คือ ‘คำถามเพื่อความปลอดภัย’

ซึ่งคำถามนั้นก็คือ ‘ใครคือเพื่อนสนิทที่สุดของคุณ’

“ผมจำไม่ได้ว่าใครวะที่เป็นเพื่อนสนิทของผมในปี 2005” ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงมีอารมณ์

เขาเสริมว่า “ใบหน้าของผมก็อยู่บนรูปโปรไฟล์ ผมได้รับอีเมลจากแฟนสาวซึ่งยังอยู่กับผมในอีก 12 ปีต่อมา ผมสามารถแสดงบัตรประจำตัวของรัฐบาลได้ แต่นั่นไม่นับเป็นหลักฐานสำหรับพวกเขา”

และนั่นทำให้เขาต้องออกมาประกาศใน TikTok ของตัวเองว่า ใครก็ตามที่สามารถช่วยเหลือเขาได้ ให้ติดต่อไปหาด้วย ซึ่งเรื่องราวของเขาก็กลายเป็นกระแสบนโลกออนไลน์ทันที

ถ้าเป็นคนไทยต้องเรียกกรณีนี้ว่า ‘บุญมีแต่กรรมบัง’

ที่มา: ladbible