ไคลฟ์ แวริง คืออดีตนักดนตรีและผู้ควบคุมวงออร์เคสตราที่ประสบความสำเร็จมาแล้วมากมาย แต่ปัจจุบันเขากลับมีชื่อเสียงในฐานะมนุษย์ที่มีความทรงจำเพียงแค่ 30 วินาที และถือเป็นหนึ่งในผู้ที่มีอาการความจำเสื่อมที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยมีบันทึกไว้
มันยากที่จะจินตนาการว่า การเป็นคนที่ไม่สามารถจำอะไรได้เลยตลอดชีวิตของคุณมันแย่แค่ไหน นี่ไม่ใช่แค่การลืมอดีตธรรมดา เพราะความทรงจำที่ถูกสร้างขึ้นใหม่สด ๆ ร้อน ๆ ก็เป็นสิ่งที่จำไม่ได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการตื่นนอน การรับประทานอาหาร หรือการพบเจอใครสักคนที่คุณจะลืมพวกเขาไปทั้งหมดภายใน 7 ถึง 30 วินาที ซึ่งนั่นคือชีวิตของ ไคลฟ์ แวริง เผชิญมาตลอดเกือบ 4 ทศวรรษ
ชีวิตของ ไคลฟ์ แวริง พลิกผันอย่างมากหลังจากวันที่ 29 มีนาคม 1985 หลังจากที่เขาล้มลงบนพื้นบ้าน และถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลเซนต์แมรีในลอนดอนโดย เดบอราห์ ภรรยาของเขา
ต่อมา ไคลฟ์เริ่มมีอาการปวดหัวก่อนที่จะพบว่าสมองของเขาติดไวรัสที่รุนแรงซึ่งมาทำลายสมองในส่วนฮิปโปแคมปัส ซึ่งมีบทบาทในการสร้างความทรงจำระยะยาว
ไวรัสดังกล่าวมีชื่อว่า Herpes Simplex 1 หรือไวรัสเริมที่ทำให้เกิดการอักเสบของสมองซึ่งเป็นกรณีที่หายากมาก เนื่องจากไวรัสดังกล่าวไปฟักตัวใกล้กับไขสันหลังและขึ้นไปยังสมอง จนส่งผลให้เกิดอาการบวมไปกดทับกะโหลกศีรษะ ซึ่งถือเป็นเคสที่หายากมาก
แพทย์มองว่าโอกาสที่ไคลฟ์จะรอดชีวิตมีเพียงแค่ 20 เปอร์เซนต์เท่านั้น แต่หลังจากที่เขาถูกฉีดยาต้านไวรัสมาเป็นเวลาหลายวัน อาการของเขาก็เริ่มดีขึ้น แต่มันเป็นเพียงแค่ทางร่างกายเท่านั้น เพราะเมื่อเวลาผ่านไป ไคลฟ์ก็เข้าใจว่าสมองของเขาเริ่มไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ในช่วงแรก ไคลฟ์มีอาการร่าเริงผิดปกติ เขาเดินเล่นในโรงพยาบาล เล่นกระโดดออกมาจากตู้เสื้อผ้า เล่นแสดงท่าทางตลก หรือแม้กระทั่งกระโดดลงจากรถที่กำลังวิ่งอยู่ แพทย์ต้องให้ยาระงับประสาทหลายขนานกับเขาเนื่องจากไม่สามารถควบคุมได้ และสิ่งนี้ยังส่งผลกระทบต่อสมองของเขาด้วย
ต่อมาเมื่อไคลฟ์รู้ว่าเกิดอะไรกับตัวเอง อารมณ์ของเขาก็เปลี่ยนไป เขาเริ่มร้องไห้ และเดบอราห์บอกว่าเขาร้องไห้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 1 เดือนก่อนที่จะยอมรับความจริงในที่สุด
ไคลฟ์ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคไข้สมองอักเสบอย่างรุนแรงที่ทำให้เขามี ‘ภาวะเสียความจำไปข้างหน้า’ (Anterograde amnesia) คือการไม่สามารถสร้างความทรงจำใหม่ได้ ทุก ๆ วันเขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังตื่นนอนหลายครั้งในทุกนาที เขาลืมว่าตัวเองกินอะไรหรือรสชาติเป็นอย่างไรในขณะที่กำลังกินมันอยู่
โดยปกติแล้ว สมองของเขาจะรีเซ็ตทุกอย่างเป็นช่วง ๆ ระหว่าง 7 ถึง 30 วินาที เขาจำไม่ได้แม้กระทั่งอาการที่เขากำลังเผชิญอยู่ ถึงแม้เขาจะนึกออก แต่หลังจากนั้นเขาก็จะจำอะไรไม่ได้อีกแล้ว
มีอยู่ช่วงหนึ่ง ไคลฟ์เริ่มจดบันทึกสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของเขาเพื่อเป็นแนวทางในการติดตามทุกสิ่ง ไดอารีของเขาเต็มไปด้วยข้อความซ้ำไปซ้ำมาเช่น “ผมตื่นแล้ว” หรือ “ผมมีสติ” แต่แทนที่มันจะช่วยเขา ไดอารีกลายเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสิ้นหวังของไคลฟ์ได้เป็นอย่างดี
“ความสามารถในการรับรู้ในสิ่งที่เขาเห็นและได้ยินนั้นไม่มีข้อบกพร่อง แต่ดูเหมือนเขาจะไม่สามารถเก็บความประทับใจใด ๆ กับอะไรก็ตามได้เลย มันจะหายไปในชั่วพริบตา” เดบอราห์กล่าวในหนังสือของเธอที่ชื่อว่า Forever Today
แท้จริงแล้ว เพียงแค่เขากะพริบตา ก็ทำให้เขาได้เห็นมุมมองใหม่ ๆ ที่เขาไม่เคยได้เห็นมาก่อน หรือเพียงแค่การหันหลังกลับไปก็ทำให้เขาได้เห็นมุมมองใหม่ ๆ ได้เช่นกัน
ภาวะเสียความจำไปข้างหน้าคือปัญหาเพียงครึ่งเดียวของไคลฟ์ เพราะเขายังมี ‘ภาวะเสียความจำไปข้างหลัง (Retrograde amnesia) ที่ทำให้เขาเสียความทรงจำในระยะยาวไปด้วยเช่นกัน เขารู้ว่าตัวเองแต่งงานแล้ว แต่จำอะไรเกี่ยวกับงานแต่งไม่ได้ เขารู้ว่าตัวเองมีลูกติดจากการแต่งงานในอดีต แต่ก็จำชื่อลูก ๆ ด้วยเองไม่ได้ด้วยซ้ำ
ปัจจุบัน ไคลฟ์มีอายุ 84 ปีแล้ว และเขาจดจำเรื่องราวชีวิตของเขาได้ก่อนปี 1985 ได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น มันคือความทรงจำที่ยังไม่บุบสลายของเขา เขาจำวิธีโกนหนวดและอาบน้ำได้ หรือแม้แต่ยังเล่นดนตรีได้อย่างดีอีกด้วย
เรื่องราวที่น่าสนใจของ ไคลฟ์ แวริง กลายเป็นสารคดีในปี 1986 ที่ชื่อว่า Prisoner of Consciousness รวมถึงหนังสือของภรรยาเขาที่ชื่อ Forever Today
ที่มา : | เรียบเรียงโดย เพชรมายา