เรื่องราวของการถูกบูลลี่ในโรงเรียน ถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นปกติที่เราสามารถพบเห็นกันได้แทบทุกโรงเรียน โดยจากการศึกษาในประเทศสหรัฐอเมริกาแสดงให้เห็นว่า มีเด็กนักเรียนมากถึง 1 ใน 4 ที่เคยมีประสบการณ์ถูกบูลลี่ ซึ่งถือว่าเลวร้ายมากๆ และถ้าคุณเป็นพ่อแม่ของเด็กที่ถูกกระทำล่ะ คุณจะแก้ไขสถานการณ์นี้อย่างไร ? คุณจะให้ลูกคุณสู้กลับ, ให้ไปฟ้องครู หรือจะเข้าไปคุยกับครูด้วยตัวเอง ?
แต่สำหรับเรื่องราวของคุณพ่อนามว่า ออเบรย์ ฟอนเตน็อต จากฮูสตัน รัฐเท็กซัส ผู้นี้ อาจกลายเป็นคุณพ่อแห่งปี เมื่อเขาใช้วิธีแก้ปัญหาที่หลายๆ คนคาดไม่ถึงมาก่อน
หลังจากที่ลูกชายวัย 8 ขวบของเขาเผยว่า เขากำลังถูกบูลลี่ที่โรงเรียน แทนที่ออเบรย์จะโกรธเด็กที่มาบูลลี่ แต่เขาตัดสินใจที่จะใช้เวลากับลูกชายให้มากขึ้น และพูดคุยกับเขาให้มากขึ้นเกี่ยวกับเรื่องนี้
หลังจากนั้น ออเบรย์ตัดสินใจไปพบกับเด็กชายที่มาบูลลี่ลูกชายตนเพื่อสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาใช้เวลาอยู่พักใหญ่ก่อนที่เด็กหนุ่มจะเปิดใจว่า ตัวเขาเองก็ถูกบูลลี่มาเหมือนกัน เพราะไม่มีเสื้อผ้าและรองเท้าสะอาดๆ ใส่ ออเบรย์จึงถามว่า “ทำไมล่ะ?” คำตอบก็คือ ครอบครัวของเขาเป็นคนไร้บ้าน และนั่นทำให้ออเบรย์คิดว่า เขาต้องทำอะไรสักอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้
ออเบรย์รับเด็กชายขึ้นรถมาพูดคุยกันอย่างเป็นกันเอง เขาพยายามทำให้เด็กหนุ่มสนุกสนานเฮฮา และไม่กดดันกับสถานการณ์ที่ต้องเผชิญหน้ากับ “พ่อ” ของเด็กน้อยที่เด็กหนุ่มบูลลี่มาก่อน
และที่สำคัญ เขาพาเด็กหนุ่มไปซื้อเสื้อผ้าใหม่อีกด้วย
ต่อมา ออเบรย์พาเด็กหนุ่มไปที่บ้านเพื่อเจอกับลูกชายของเขา และคุณพ่อได้สอนเรื่องการบูลลี่ ว่ามันเป็นสิ่งที่เลวร้ายแค่ไหน
หลังจบการสนทนา เด็กหนุ่มทั้ง 2 ก็นั่งเล่นวีดีโอเกมด้วยกัน!
และสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเรื่องนี้ก็คือ ออเบรย์ได้ก่อตั้งกองทุนในเว็บไซต์ Go-Fund-Me ให้กับเด็กหนุ่ม และภายใน 4 วัน เขาก็ได้ยอดเงินบริจาคมามากถึง 24,210 เหรียญ หรือประมาณเกือบ 8 แสนบาท ซึ่งเขาหวังว่าเงินจำนวนนี้จะเปลี่ยนชีวิตครอบครัวของเด็กหนุ่มให้ดีขึ้นได้
และนี่ก็คือวิธีรับมือของคุณพ่อ ที่ชาวเน็ตต่างปรบมือให้ในความใจเย็นและวิธีแก้ปัญหาของเขา ที่ได้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจทุกฝ่าย
เรื่องนี้อาจสอนเราให้รู้ว่า การตอบโต้การบูลลี่ด้วยการลงโทษอย่างรุนแรงหรือการใช้กำลัง อาจไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้อง แต่การเยียวยาเด็กมีปัญหาเหล่านี้อาจเป็นวิธีที่ดีกว่า การทำความเข้าใจเด็กมีปัญหา และเข้าถึงพวกเขาเหล่านั้นเพื่อแก้ปัญหาให้ตรงจุด อาจเปลี่ยนชีวิตพวกเขาให้กลับตัวกลับใจได้ในอนาคต มากกว่าจะใช้วิธีรุนแรง ซึ่งอาจทำให้เด็กมีปัญหาเหล่านั้นยิ่งจมอยู่กับความเลวร้าย จนกลายเป็นผู้ใหญ่ที่ถูกเรียกว่า “ขยะสังคม” ก็เป็นได้ แล้วคุณล่ะ คิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้
สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ
ที่มา : boredpanda | เรียบเรียงโดย เพชรมายา