ต้นฮิตาชิ สัญลักษณ์ของบริษัทญี่ปุ่นบนเกาะฮาวายที่มีค่าดูแลปีละ 13 ล้าน

นับตั้งแต่ปี 1973 ต้นจามจุรียักษ์ต้นหนึ่งที่อยู่บนเกาะโออาฮูในฮาวายได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีของญี่ปุ่น และมันกลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ขององค์กรที่กลายเป็นที่รักมากที่สุดของญี่ปุ่น

ต้นไม้ต้นนี้ถูกตั้งชื่อว่า “ต้นฮิตาชิ” ตามชื่อบริษัทโดยเป็นหนึ่งในต้นไม้หลายต้นที่ถูกปลูกในสวนโมอานาลัวซึ่งเป็นพื้นที่ของเอกชน และครั้งหนึ่งเคยเป็นบ้านของกษัตริย์คาเมฮาเมที่ 4 ของฮาวายมาก่อน

ปัจจุบันมันกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจโดยมีผู้เข้าชมมากกว่า 1,000 คนทุกวัน โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นชาวญี่ปุ่นที่เดินทางมายังเกาะแห่งนี้ ว่าแต่ทำไมต้นไม้ต้นนี้ถึงกลายเป็นขวัญใจของชาวญี่ปุ่นนัก

พวกเขาไม่ได้ปลูกต้นไม้ต้นนี้ แค่นำภาพมาใช้

เกือบ 5 ทศวรรษที่ผ่านมา ฮิตาชิได้นำภาพและวิดีโอของต้นไม้นี้มาใช้ในโฆษณาทางทีวีของพวกเขาในปี 1973 โดยมีความยาว 1 นาทีเต็ม ที่มาพร้อมเพลงประกอบที่คุ้นหู รวมถึงข้อความที่พวกเขาต้องการสื่อถึงจิตวิญญาณของบริษัทในการสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ให้กับสังคม

นั่นหมายความว่ามีชาวญี่ปุ่นมากมายที่เติบโตมากับโฆษณาชิ้นนี้ ต้นฮิตาชิและเพลงประกอบที่คุ้นหูเปรียบเสมือนตำนานในโฆษณาย้อนยุคที่ใคร ๆ ก็อยากเห็นตัวจริงของมัน และนั่นเป็นเหตุผลที่นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นจำนวนมากอยากเดินทางไปยังเกาะโออาฮูในฮาวายเพื่อไปชมต้นฮิตาชิของจริงสักครั้ง

ต้นฮิตาชิได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางโดยเฉพาะสำหรับชาวญี่ปุ่น มันกลายเป็นสัญลักษณ์ของความน่าเชื่อถือของบริษัทที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และทุกครั้งที่ชาวญี่ปุ่นเห็นต้นจามจุรียักษ์ ก็มักจะนึกถึงบริษัทฮิตาชิอยู่เสมอ

ต้นฮิตาชิมีอายุมานานกว่า 130 ปีแล้ว โดยมีมีความสูงประมาณ 25 เมตร และมีกิ่งก้านที่แผ่ขยายออกมากว้างถึง 40 เมตร นอกจากนั้นมันยังได้รับการคุ้มครองโดยกฎหมายพิเศษที่จะตัดออกได้ก็ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ของโฮโนลูลูเท่านั้น

และในเมื่อต้นไม้ต้นนี้อยู่ในที่ดินของคนอื่น ทางฮิตาชิจึงต้องจ่ายเงินมากกว่า 45 ล้านเยน หรือประมาณ 13.6 ล้านบาทต่อปี เพื่อให้แน่ใจว่าต้นไม้จะได้รับการดูแลอย่างดีจากเจ้าของสวน รวมถึงเป็นค่าลิขสิทธิ์ในการนำต้นไม้นี้มาเป็นภาพลักษณ์ในองค์กรของพวกเขา

โดยจำนวนเงินดังกล่าวมากพอที่จะดูแลพื้นที่สวนโมอานาลัวได้ถึง 40 ไร่ หรือคิดเป็น 2 ใน 3 ของพื้นที่สวนทั้งหมดเลยทีเดียว แต่ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นจำนวนเงินที่เขาไม่จ่ายไม่ได้ เพราะต้นไม้ต้นนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของบริษัทไปเรียบร้อยแล้วนั่นเอง

ที่มา : odditycentral | เรียบเรียงโดย เพชรมายา