ถ้าพูดถึงเรื่องราวของ “รักแท้” หลาย ๆ คนอาจรู้สึกเลี่ยน และเรื่องราวรักแท้ที่ดูเว่อร์ก็มักจะเป็นแค่บทภาพยนตร์เท่านั้น แต่วันนี้เพชรมายาจะขอพาทุกท่านไปชมเรื่องราวความรักของชายหญิงคู่หนึ่ง ซึ่งจะพิสูจน์ให้คุณเห็นว่า ความรักแท้จริงนั้นเป็นแบบไหน
จุดเริ่มต้นของโชคชะตา
เรื่องราวความมรักของพีเค (Pradyumna Kumar Mahanandia) และ ชาร์ล็อต (Charlotte Von Schedvin) อาจเริ่มต้นขึ้นก่อนที่ทั้งคู่จะพบกัน ย้อนกลับไปตอนที่พีเคลืมตาดูโลก พ่อแม่ของเขาก็พาเด็กน้อยไปหาหมอดู ซึ่งครอบครัวส่วนใหญ่ในอินเดียก็มักจะพาเด็กแรกเกิดไปหาหมอดูเพื่อทำนายดวงชะตาในอนาคต และสิ่งที่หมอดูบอกกับพ่อแม่ของเด็กน้อยก็คือ เขาจะได้แต่งงานกับหญิงสาวชนชั้นสูงจากแดนไกล ที่เกิดในราษีพฤษภ เธอสามารถเล่นฟลุตได้ และเป็นเจ้าของผืนปืนที่กว้างใหญ่
ดูเหมือนคำทำนายของหมอดูจะเป็นเรื่องไร้สาระเอามาก ๆ เพราะพีเคเองเกิดในครอบครัวที่ไม่มีวรรณะ หรือที่เรารู้จักกันดีว่า “จัณฑาล” และนั่นทำให้ชีวิตของเขาก็เติบโตมาด้วยความยากลำบาก พีเคกล่าวว่า “ผมได้รับการปฏิบัติที่เลวร้ายกว่าสุนัขจรจัดหรือวัวควาย ตอนที่ผมเดินผ่านวัด ผู้คนก็มักจะปาหินมาที่ผมเสมอ”
การพบกันของทั้งคู่
ในช่วงวัยหนุ่ม พีเคผู้มีพรสวรรค์ในการวาดภาพ ได้ทำงานเป็นจิตรกรข้างถนนในกรุงเดลี และนั่นทำให้เขาได้มีโอกาสพบกับชาร์ล็อต นักท่องเที่ยวสาวชาวสวีเดน และในระหว่างที่เขากำลังวาดภาพของเธออยู่นั้นเอง พีเคก็นึกถึงคำทำนายที่พ่อแม่เคยเล่าให้เขาฟัง และนั่นจึงทำให้พีเคตัดสินใจถามข้อมูลของหญิงสาว
“คุณราศีอะไร ?”
“พฤษภงั้นหรือ แล้วเธอเล่นฟลุตเป็นไหม ?”
“ใช่แล้ว ฉันเล่นฟลุตกับเปียโน”
และยังปรากฏว่าครอบครัวของเธอยังเป็นเจ้าของผืนป่าที่กว้างใหญ่อีกด้วย พีเคตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาก ๆ ทุกอย่างมันช่างลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อ จนเขาถึงกับบอกว่า “คุณอาจเป็นภรรยาผมก็เป็นได้”
หญิงสาวไม่เชื่อเรื่องนี้ แต่เธอก็กลับมาหาพีเคอีก 2 ครั้ง เพื่อพยายามพิสูจน์ว่าพีเคนั้นคิดผิด
แต่หลังจากได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น ทั้งคู่ก็เริ่มสานสัมพันธ์กัน ชาร์ล็อตเองไม่เคยรังเกียจชายหนุ่มผู้ยากจนแต่อย่างใด เธอมองเขาที่จิตใจอันดีงามมากกว่าจะมองเขาด้วยรูปลักษณ์และสถานะทางสังคมภายนอก และในที่สุดทั้งคู่ก็ได้แต่งงานกันที่หมู่บ้านเล็ก ๆ ของพีเค ตามประเพณีท้องถิ่นของชาวอินเดีย
การพลัดพราก
เรื่องราวความรักของทั้งคู่ไม่ได้จบลงอย่างแฮปปี้เอ็นดิ้งตรงนี้ เพราะชาร์ล็อตเองต้องกลับสวีเดน เธอชวนเขากลับไปด้วยกันโดยจะออกค่าตั๋วเครื่องบินให้ แต่พีเคปฏิเสธเพราะเขาไม่ต้องการใช้เงินของเธอ โดยพีเคสัญญาว่าจะไปหาเธอที่นั่นให้เร็วที่สุดด้วยน้ำพักน้ำแรงของเขาเอง
คู่รักต่างเชื้อชาติต้องอยู่แยกจากกันนานกว่า 16 เดือน มีแค่เพียงจดหมายที่ส่งหากันเท่านั้นที่ทั้งคู่ทำได้ ในที่สุดพีเคก็ตัดสินใจขายทรัพย์สินทุกอย่างที่เขามี แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอที่จะซื้อตั๋วเครื่องบินได้ เขาใช้เงินที่เหลือซื้อจักรยานเก่าในราคา 60 รูปี (ประมาณ 30 บาท) บอกลาครอบครัวของเขา และออกเดินทางไปพร้อมกับเงินติดตัวเพียง 200 รูปีเท่านั้น
การเดินทางที่แสนยาวไกล
ดูเหมือนมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยในการใช้จักรยานเก่า ๆ ปั่นจากอินเดียไปถึงสวีเดน แต่ถึงอย่างนั้นการเดินทางของเขาเริ่มต้นเมื่อวันที่ 22 มกราคม 1977 โดยพีเคใช้เวลาเดินทางวันละ 70 กิโลทุกวัน
จนในที่สุดเขาก็มาถึงสวีเดนโดยระยะทางทั้งหมดที่เขาปั่นมาคือ 6,000 ไมล์ หรือประมาณ 9,650 กิโลเมตร โดยใช้เวลารวมทั้งสิ้น 5 เดือน
“ผมเหนื่อยล้ามาก ๆ เจ็บปวดไปทั้งขา แต่ผมปรารถนาที่จะได้เห็นหน้าชาร์ล็อต นั่นทำให้ผมต้องปั่นต่อไป งานศิลปะของผมช่วยชีวิตผมไว้ ผมวาดภาพให้ผู้คนเพื่อแลกกับเงินค่าอาหารและค่าที่พักในตอนกลางคืน”
ในระหว่างการเดินทางที่แสนทรหด โชคดีที่หลาย ๆ ประเทศไม่ต้องใช้วีซ่า นั่นจึงทำให้การเดินทางของเขาง่ายขึ้น แต่เมื่อเขามาถึงสวีเดน พีเคถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าประเทศ เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อเรื่องราวที่เขาเล่าให้ฟัง พวกเขาคิดว่ามันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อเกินไป จนกระทั่งพวกเขาติดต่อไปยังชาร์ล็อต และในที่สุดความจริงก็ถูกเปิดเผย
การพบกันอีกครั้ง
พีเคเดินทางมาถึงเมืองบูโรสเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 1977 และในที่สุดเขาก็ได้พบกับชาร์ล็อตหลังจากที่แยกจากกันนานกว่า 2 ปี
“เราแทบไม่ได้พูดกันเลย เราต่างก็ร้องไห้ในอ้อมกอดของกันและกัน”
แต่ปัญหายังไม่จบแค่นั้น เพราะในช่วงเวลาดังกล่าว ครอบครัวชนชั้นสูงต่างมีกฏที่ไม่อนุญาตให้ลูกหลานแต่งงานกับคนผิวสี แต่ด้วยความมุมานะของพีเคได้พิสูจน์ให้พ่อแม่ของชาร์ล็อตเห็น และยินยอมให้ทั้งคู่แต่งงานกันอีกครั้งที่สวีเดนในปี 1979 ทั้งสองมีลูกด้วยกัน 2 คนในเวลาต่อมา
40 ปีต่อมา
ตลอดระยะเวลา 40 ปีที่ผ่านมา พีเคเองยังแทบไม่เชื่อตัวเองเลยว่าเขาสามารถเอาชนะหัวใจของชาร์ล็อตได้อย่างไร เขาแทบไม่เชื่อว่าจะมีความสุขได้ขนาดนี้ แต่สิ่งเดียวที่เขาไม่เคยสงสัยเลยก็คือ “ชะตากรรมของคุณ คือสิ่งที่คุณกำหนดได้ด้วยมือของคุณเอง”
เมื่อถูกถามถึงเคล็ดลับในความรักของพวกเขา คู่รักกล่าวว่า ไม่มีเคล็ดลับใด ๆ สิ่งสำคัญคือความจริงใจ ความเข้าใจกัน และเคารพซึ่งกันและกัน
และนี่คือเรื่องราวความรักของคนต่างชนชั้น ต่างเชื้อชาติ แต่ก็พิสูจน์ให้เราได้เห็นว่า รักแท้ยังคงมีจริงอยู่บนโลกใบนี้ และเรื่องราวของพวกเขายังสอนเราได้อีกหลายอย่างเลยทีเดียว
เรียบเรียงโดย เพชรมายา
สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ