หากคุณมองไปรอบตัวก็จะพบว่ามีหลายสิ่งที่ถูกแบ่งเพศกันอย่างชัดเจน เช่น สีน้ำเงินต้องเป็นของผู้ชายและสีชมพูต้องเป็นของผู้หญิง หรือจะเป็นเรื่องเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่เราสวมใส่อยู่ทุกวันก็เช่นกัน คำถามคือ ถ้าเกิดเราแหกบรรทัดฐานทางสังคมเหล่านี้ขึ้นมาเราจะถูกสังคมตราหน้าว่าผิดแผกและแตกแยกหรือไม่
เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้ว หลังจากที่ มิเคล โกเกส นักเรียนชาวสเปนวัย 15 ปีถูกไล่ออกจากโรงเรียนของเขาในเมืองบิลเบา จากการที่เขาใส่กระโปรงมาโรงเรียน
มิเคลได้อธิบายว่า เขาทำสิ่งนี้เพื่อสนับสนุนแนวคิดแบบสตรีนิยมและคนข้ามเพศและยืนหยัดต่อต้านการกลั่นแกล้งในโรงเรียน เขาจึงตัดสินใจใส่กระโปรงและใส่กางเกงขายาวสีดำเอาไว้ข้างใน แน่นอนว่าทุกคนต่างมองเขาด้วยสายตาประหลาด แต่เขาไม่แคร์
แต่หลังจากที่อากาศร้อนจัด มิเคลตัดสินใจที่จะถอดกางเกงออกเหลือแค่เพียงกระโปรงเท่านั้น และในระหว่างนั้นเองเขาถูกนำตัวไปพบกับนักจิตวิทยาที่คอยสอบถามเขาว่ารู้สึกโอเคหรือไม่
มิเคลพยายามอธิบายว่า เขาเป็นผู้ชายแต่ก็อยากถอดกางเกงออกจนเหลือแต่กระโปรงเพราะว่ามันร้อน และเขาก็ไม่เข้าใจว่าเขาแต่งตัวแตกต่างจากผู้หญิงตรงไหนถึงกลายเป็นเรื่องราวได้ขนาดนี้
เรื่องนี้กลายเป็นกระแสดังมากในโลกโซเชียลของสเปน จนเกิดเป็นแคมเปญที่ชื่อ Clothes Have No Gender (#laropanotienegenero) โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อยุติบรรทัดฐานทางเพศในประเทศแถบยุโรป
ส่วนนี่คือ โฆเซ ปินาส หนึ่งในคุณครูคนแรก ๆ ที่ออกมาแสดงจุดยืนสนับสนุน มิเคล โกเมส
และมิเคลได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับคุณครูและนักเรียนอีกหลายคน
และเมื่อไม่นานมานี้ ประเด็นดังกล่าวกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง หลังจากที่มีคุณครูชายหลายท่านมาร่วมการประท้วงมากขึ้น
เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา บอร์ฆา เวลาสเควส และ มานูเอล ออร์เตกา 2 คุณครูจากโรงเรียนประถม Virgen de Sacedon ในบายาโดลิด ได้ออกมาจุดประเด็น Clothes Have No Gender ขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากมีนักเรียนคนหนึ่งในโรงเรียนของพวกเขากำลังถูกนักเรียนคนอื่นรังแกเนื่องจากเสื้อผ้าที่เขาใส่
ทั้งคู่ตัดสินใจใส่กระโปรงมาสอนที่โรงเรียน นอกจากนั้นเขายังถือโอกาสนี้สอนนักเรียนเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อไม่ใครต้องตกเป็นเหยื่ออีกต่อไป
มานูเอล (ซ้าย) และ บอร์ฆา (ขวา) กำลังต่อสู้กับบรรทัดฐานทางเพศ พวกเขาเป็นหนึ่งในคุณครูชายชาวสเปนหลายคนที่ออกมาสวมกระโปรงเพื่อประท้วงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
จุดประสงค์หลักของทั้งคู่คือการสร้างความตระหนักรู้ให้กับเด็ก ๆ เกี่ยวกับแคมเปญ Clothes Have No Gender เพื่อสนับสนุนให้ทุกคนรู้จักเปิดใจและเคารพในความหลากหลาย
สิ่งที่สำคัญคือการทำลายอคติที่เด็ก ๆ อาจเรียนรู้มาจากพ่อแม่ในขณะที่อยู่บ้าน และต้องไม่ใช้คำพูดทำร้ายจิตใจผู้อื่น ซึ่งเรื่องนี้จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลง
เด็กผู้ชายสามารถไว้ผมยาวรวมถึงเข้าครัวทำอาหารได้ เช่นเดียวกับเด็กผู้หญิงที่ชื่นชอบในการเตะฟุตบอลและอยากไว้ผมสั้น สิ่งเหล่านี้ถือเป็นเรื่องปกติและมันไม่ใช่เรื่องผิดแต่อย่างใด
และนี่ก็ถือเป็นเรื่องราวดี ๆ ที่ทำให้เราได้เห็นถึงความทุ่มเทของคุณครูชาวสเปนที่มีต่อลูกศิษย์ของพวกเขา ที่กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้องโดยไม่สนใจว่าใครจะมองอย่างไร
ที่มา : boredpanda | เรียบเรียงโดย เพชรมายา
สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ