เมืองเล็ก ๆ ในมณฑลกวางสีเป็นที่ตั้งของอาคารหน้าตาแปลกประหลาดที่สุดในประเทศจีน มันคืออาคาร 10 ชั้นที่ผสมผสานรูปแบบสถาปัตยกรรมจากทั่วทุกมุมโลกเอาไว้ในที่เดียว
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เมืองซินซู่ที่เป็นชุมชนเล็ก ๆ ในจีนได้เป็นที่พูดถึงอย่างมากบนโลกออนไลน์ หลังจากมีอาคารสูงตระหง่านหน้าตาแปลกประหลาดปรากฎขึ้นเหนือบ้านเรือนของชาวบ้าน ความสูงไม่ใช่สิ่งที่ทำให้อาคารหลังนี้โดดเด่นเพียงอย่างเดียว แต่สถาปัตยกรรมของอาคารแห่งนี้ยังดูแปลกประหลาดจนไม่รู้ว่ามันคือสไตล์ไหน
หอคอยที่มียอดแหลมหลายจุดได้รับแรงบันดาลใจมาจากรัสเซีย ส่วนยอดแหลมตรงกลางที่เป็นหอระฆังมาในสไตล์ตะวันตก รวมไปถึงน้ำพุที่เป็นรูปทรงกาน้ำชาที่ดูไม่เข้ากันดี เรียกได้ว่านี่คืออาคารที่ไม่ยึดติดกับสถาปัตยกรรมใด ๆ เพียงอย่างเดียว
อาคารหลังนี้เป็นของนายหลี่ จี้กวง ที่ใช้เงินไปกว่า 15 ล้านหยวนหรือประมาณ 79 ล้านบาท สร้างอาคารแห่งนี้มาตั้งแต่ 7 ปีที่แล้ว โดยมันได้ชื่อว่าเป็นอาคารที่แปลกประหลาดที่สุดของมณฑลกวางสี
แต่เดิมที เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นมีแผนที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วยการสร้างสถานที่สำคัญเอาไว้ในพื้นที่ พวกเขาได้มีโอกาสคุยกับนายหลี่ถึงแผนการในครั้งนี้ นายหลี่จึงเสนอว่า ถ้าเจ้าหน้าที่จัดหาที่ดินมาให้เขาได้ เขาก็จะใช้เงินตัวเองสร้างสถานที่เอาไว้สำหรับดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เอง
ที่น่าสนใจก็คือ รูปแบบของอาคารที่ก่อสร้างจะต้องเป็นไปตามนายหลี่กำหนดเท่านั้น และเมื่อเจ้าหน้าที่ตกลง นายหลี่จึงควักเงินของตัวเองสร้างอาคาร 10 ชั้นแห่งนี้ขึ้นมา
เห็นได้ชัดว่านายหลี่ออกแบบอาคารหน้าตาแปลก ๆ นี้ด้วยตัวเอง และเขาวางแผนที่จะเปลี่ยนมันให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวให้ผู้คนมาเที่ยวพักผ่อนได้
แต่โชคร้ายที่อาคารหลังนี้สร้างเสร็จไปเพียงแค่ 60% เท่านั้น เนื่องจากเงินทุนของนายหลี่มีอย่างจำกัด ซึ่งเราจะเห็นได้ว่ายังเหลืองานตกแต่งภายในอีกมากที่ยังไม่ได้เริ่มทำแม้แต่น้อย ซึ่งนายหลี่คาดว่าจะต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่กว่าที่เขาจะลงทุนสร้างอาคารแห่งนี้เสร็จ
ในส่วนงานภายในอาคารก็ถือว่ามีความแปลกประหลาดไม่แพ้ภายนอก ราวบันไดที่ตกแต่งในสไสตล์ฝรั่งเศส บางห้องก็มีงานประติมากรรมที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากวัฒนธรรมจีน แต่บางห้องก็มีกลิ่นอายแห่งโลกอนาคตที่มาพร้อมไฟนีออนสีสันสดใส่และจอ LED ถือเป็นการผสมผสานกันแบบงง ๆ ที่ไม่เหมือนใครในโลก
อย่างไรก็ตาม เพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอกที่สะดุดตาก็ทำให้มันโดดเด่นเหนืออาคารแห่งอื่น ๆ ไปแล้ว ปัจจุบันมันถูกตั้งชื่อว่าเป็น “อาคารศิลปะชาวนา” และกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอย่างไม่เป็นทางการ
ถึงแม้ว่ามันจะยังสร้างไม่เสร็จดีก็ตาม และนั่นทำให้นายหลี่ต้องติดป้ายเตือนให้ระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยเวลาที่เข้าไปในอาคารแห่งนี้
ปัจจุบัน หลังจากที่ภาพของอาคารแห่งนี้กลายเป็นกระแสบนโลกโซเชียล ก็ทำให้มีผู้คนเดินทางมายังที่นี่มากขึ้นเรื่อย ๆ โดยนายหลี่กล่าวว่า ตัวเลขสูงสุดที่เขาเคยเจอก็คือในช่วงเทศกาลฤดูใบไม้ผลิที่มีผู้เข้าชมหลายหมื่นคนในวันเดียว
ที่มา : odditycentral | เรียบเรียงโดย เพชรมายา