ชายหนุ่มแบกเป้เข้าห้องน้ำโกนหนวดบนเครื่องบิน จนผู้โดยสารและลูกเรือแตกตื่น

หนึ่งในสถานที่ ๆ ต้องมีความรักษาความปลอดภัยมากที่สุดก็คือ “เครื่องบิน” ซึ่งหลายคนคงทราบกันดีว่า การเดินทางโดยเครื่องบินมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ละเอียดอ่อนและมีกฏเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่หลายคนต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด แต่บางครั้งด้วยความเข้มงวดบนสายการบินบางแห่งก็ทำให้ผู้โดยสารต้องอึดอัดใจไม่น้อย เหมือนกับเรื่องราวของพ่อหนุ่มคนนี้

ร็อบ หนุ่มลูกครึ่งกรีซ-เลบานอน มีโอกาสเดินทางจากยุโรปไปสหรัฐอเมริกาโดยสายการบินหนึ่ง ซึ่งใช้เวลาเดินทางรวมทั้งหมด 9 ชั่วโมงด้วยกัน

“ผมเป็นคนค่อนข้างขนดก โดยเฉพาะบนใบหน้าผม” ร็อบกล่าว

“ผมมีประชุมสำคัญในอเมริกาที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ดังนั้นผมจึงต้องเตรียมตัวให้พร้อมในขณะที่อยู่บนเครื่องบิน ผมเข้าไปในห้องน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า ล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น โกนหนวดเคราจนเกลี้ยง และทาน้ำยาดับกลิ่น ผมสะพายกระเป๋าเป้ติดตัวไปกับผมด้วยตลอดเวลาเพราะผมเก็บของทุกสิ่งไว้ในนั้น”

“หลังจากเวลาผ่านไปเพียงแค่ 5 นาทีในห้องน้ำอันคับแคบบนเครื่องบิน ก็มีบางคนมาเคาะประตูแต่ผมก็ไม่ได้ตอบออกไป ผมคิดว่าคงมีคนจะมาใช้ห้องน้ำแต่ก็เห็นได้ชัดเจนว่าผมใช้อยู่”

“หลังจากนั้นไม่นาน ผมเริ่มได้ยินเสียงพูดคุยกันข้างนอกและรู้สึกว่ามีใครบางคนเคลื่อนไหวอยู่ข้างนอก ผมได้ยินเสียงเคาะประตูอีกครั้ง ณ ตอนนั้นผมถอดเสื้ออยู่และโกนหนวดไปได้แค่ครึ่งเดียวและมีครีมโกนหนวดอยู่อีกครึ่งบนใบหน้า”

“ผมเปิดประตูไปด้วยความสงสัย และผมก็ประหลาดใจเพราะมีพนักงานต้อนรับ 3 คน กำลังยืนมองผมด้วยความหวาดกลัวอยู่หน้าประตู ผู้หญิง 2 คนและผู้ชาย 1 คน”

“ผมหัวเราะและถามพวกเขาว่า มีกฏหรือเครื่องจับเวลาเรื่องการใช้ห้องน้ำนานเท่าไหร่หรือเปล่า ชายคนนั้นบอกว่ามีผู้โดยสารหลายคนแจ้งว่าเห็นผมสะพายกระเป๋าเป้เข้าห้องน้ำและหายไปนาน พวกเขากลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นจึงแจ้งทางลูกเรือให้ทราบ”

“ผมหัวเราะและบอกเขาว่าผมเข้าใจทุกอย่างแล้ว ผมอธิบายว่ากำลังจะไปประชุมสำคัญจึงต้องทำตัวให้เรียบร้อยก่อน ดังนั้นผมจึงต้องขอเวลาเล็กน้อยเพื่อที่จะโกนหนวดและแต่งตัวให้เสร็จ เขากล่าวขอโทษและเราก็หัวเราะกันเล็กน้อยก่อนที่เขาจะเดินหายไป”

“หลังจากนั้นไม่นาน เขากลับมาเคาะประตู ผมเปิดออก ตอนนี้ผมใส่เสื้อใหม่และโกนหนวดเสร็จแล้ว ผมจึงถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้น เขาบอกกับผมว่า ผู้โดยสารบางคนยังคงกังวลว่าผมโกนหนวดและจะโกนขนตามตัว ตั้งแต่เห็นผมถอดเสื้อผ้าตอนเปิดประตู”

“ผมงงมากและเริ่มหงุดหงิด แค่ปล่อยให้ผมใช้ห้องน้ำอย่างสงบเหมือนอย่างที่คนอื่น ๆ ใช้กันไม่ได้หรือไง”

“ปรากฏว่า มีกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงเคยทำแบบนี้มาก่อนที่จะก่อเรื่องไม่ดีขึ้น ผมหัวเราะหนักมากคราวนี้ และบอกเขาว่าผมเข้าใจทุกอย่างแล้ว และนี่เป็นเรื่องดีที่มีการตรวจสอบก่อน ผมจึงบอกไปว่าผมปลอดภัยและเปิดอีเมลให้พวกเขาดูว่าผมมีนัดต้องไปประชุมเพื่อความสบายใจ”

“นอกจากนั้นผมยังบอกไปว่า ผมเกิดในครอบครัวคริสเตียน แต่ตอนนี้ไม่ได้นับถือศาสนาใด ๆ และในฐานะเป็นคนเลบานอน ผมไม่รู้เลยว่าผู้ก่อการร้ายจะต้องโกนหนวดก่อนที่จะก่อเรื่องหรือเปล่า ผมขอบคุณสำหรับข้อมูลที่ผมไม่ต้องการเลยจริง ๆ”

“จากนั้นเราก็พูดคุยกันเล็กน้อยกับลูกเรือที่เหลือข้างนอกห้องน้ำ และเล่นมุกตลกกันนิดหน่อย ผมบอกได้ว่าพวกเขายังหวาดระแวงอยู่ แต่ก็ไม่ได้ขอเช็คกระเป๋าผม และตอนนี้ผมคิดว่าควรจะแสดงให้พวกเขาดูว่ามีอะไรในกระเป๋าผมบ้าง (ขนม, สายชาร์จไอโฟน, หนังสือ, เสื้อผ้า และของใช้ต่าง ๆ”

เรื่องราวของร็อบจบลงโดยที่ไม่ได้มีเหตุการณ์รุนแรงอะไรเกิดขึ้น แต่เรื่องนี้ก็สะท้อนให้เราได้เห็นอะไรหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นมุมมองต่อชาวต่างชาติที่มีเชื้อแขกหรือชาวมุสลิม จนไปถึงมารยาทในการใช้ห้องน้ำบนเครื่องบินที่ถกเถียงกันว่า ร็อบสมควรหรือไม่ที่ใช้เวลาในห้องน้ำนานขนาดนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะบอกว่าเลือกใช้ห้องน้ำในขณะที่ผู้คนส่วนใหญ่บนเครื่องบินกำลังนอนหลับก็ตาม แล้วคุณล่ะ มีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้าง

ที่มา : boredpanda | เรียบเรียงโดย เพชรมายา

สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ