ถ้าคนรวยที่สุดในโลกขายทรัพย์สินตัวเองทั้งหมด เขาจะซื้ออะไรบนโลกนี้ได้บ้าง

ในขณะที่เรากำลังนั่งทำงานเงินเดือนอยู่แค่หลักหมื่น แต่บนโลกใบนี้ยังมีผู้คนนับล้านที่มีรายได้ต่อเดือนเป็นหลักแสนหลักล้าน และก็มีกลุ่มมหาเศรษฐีบนโลกนี้อยู่ไม่ถึง 0.01% ที่ถือว่าเป็นมหาเศรษฐีพันล้าน ซึ่งในปีที่ผ่านมา ทางนิตยสารฟอร์บส ได้จัดอันดับบุคคลที่รวยที่สุดในโลก ในปี 2018 นและผู้ที่ได้ตำแหน่งนี้ไปก็คือ เจฟฟ์ เบซอส เจ้าของ Amazon นั่นเอง (กิจการค้าปลีกออนไลน์นะจ๊ะ ไม่ใช่ร้านกาแฟ) ซึ่งทรัพย์สินที่เขาถูกประเมิณไว้มีมากถึง 147,700 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 4.84 ล้านล้านบาทนั่นเอง

แล้วเงิน 1 พันล้านเหรียญ มันมากขนาดไหน ?

เงิน 1 ล้านเหรียญ มีน้ำหนักราว 10 กิโลกรัม (ด้วยแบงค์ 100 เหรียญ 1 หมื่นใบ) ถ้าเงินพันล้านเหรียญ จะหนักราวๆ 10,000 กิโลกรัม หรือ 10 ตัน หรือพอๆ กับรถยนต์ 10 คัน

เจฟฟ์ เบซอส มีเงินมากถึง 147.7 พันล้าน (เหรียญ) แต่ว่าเงิน 1 พันล้านเหรียญ ถ้าคิดเป็นมูลค่า มันมากมายขนาดไหน ? แล้วถ้าเจฟฟ์คิดจะขายทุกอย่างที่เขามี เขาจะนำเงินทั้งหมดไปซื้ออะไรได้บ้าง ? ลองคิดกันเล่นๆ ดูนะครับ ถ้าคุณเป็นเจฟฟ์ เบซอส คงจะปวดหัวกับการใช้เงินน่าดู

1. เราสมมุติว่าเจฟฟ์เจียดเงิน 1 พันล้านเหรียญแรกมาซื้อบ้านในแต่ละประเทศ

คฤหาสน์หรูแห่งนี้ มีทั้งโรงหนัง Imax ลานโบลิ่ง สปา สระว่ายน้ำ และอื่นๆ อีกเพียบ สนนราคาเพียง 4.6 ล้านเหรียญ หรือเพียงแค่ 4.6% ของเงิน 1 พันล้านเหรียญเท่านั้น

เงิน 4.6 ล้านเหรียญ ก็ราวๆ 150 ล้านบาท คุณสามารถใช้เงินซื้อ 1 พันล้านเหรียญ ซื้อคฤหาสน์ที่ใกล้เคียงแบบนี้ใน 217 ประเทศทั่วโลก นั่นเกือบจะครบทุกประเทศในโลกแล้ว เผื่อเวลาที่คุณไปเที่ยวประเทศไหน คุณก็จะมีที่อยู่สบายๆ แบบนี้

2. ในเมื่อมีบ้านแล้วก็ต้องมีรถ เราขอเลือกรถ “บูกัตติ เวย์รอน ซุปเปอร์ สปอร์ต” คันนี้ เอาไปขับแจ่มๆ

นี่คือรถที่เร็วที่สุดในโลก ที่ได้รับอนุญาตให้วิ่งบนถนนได้อย่างถูกต้องตามกฏหมาย มันมีความเร็วสูงสุดถึง 408 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และใช้เวลาเพียง 2.5 วินาที ในการเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สนนราคาอยู่ที่ 2.5 ล้านเหรียญ โดยเราจะใช้เงิน 700 ล้านซื้อรถคันนี้เอาไปจอดคู่กับคฤหาสน์หรู ได้ทั้งหมด 280 คัน

ย้อนกลับไปดูเงินของเจฟฟ์ที่มีทั้งหมด 147.7 พันล้าน แต่ตอนนี้เราใช้ไปแค่ 1.7 พันล้านเท่านั้น ยังเหลืออีกตั้ง 146 พันล้าน

3. ในการจะเดินทางไปประเทศต่างๆ คุณจำเป็นจะต้องใช้เครื่องบิน เราขอแนะนำเครื่องบิน Air Force One ของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา

แน่นอนว่าเราไม่สามารถซื้อเครื่องบินของ ปธน.สหรัฐได้ แต่เราจะสร้างเครื่องบินที่มีคุณภาพระดับนี้ ราคาของเครื่องบิน Air Force One ลำใหม่ล่าสุด มีการคาดการณ์กันว่า อยู่ที่ประมาณ 3.2 พันล้านเหรียญ หรือราวๆ 1 แสนล้านบาท

เครื่องบิน Air Force One มีราคาแพงกว่าเครื่องบินส่วนตัวลำอื่นๆ ราว 60 เท่า เนื่องจากมันคือเครื่องบินกินหรูอยู่สบายและมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีที่สุดในโลก ปีกเครื่องบินมีกระจกที่ช่วยกวนอินฟาเรดของระบบขีปนาวุธ สามารถยิงพลุความร้อนหลอกได้ กระจกทุกบานถูกออกแบบมาเป็นพิเศษ โครงสร้างของเครื่องทนต่อแรงระเบิดนิวเคลียร์ที่เกิดบนพื้นดิน มีระบบรบกวนเรดาห์ของศัตรู เอาเป็นว่าไม่มีใครคิดปองร้ายคุณตอนอยู่บนเครื่องบินได้อย่างแน่นอน

4. แล้วถ้าคุณชื่นชอบการล่องเรือล่ะ เราขอแนะนำเรือยอชท์ History Supreme

นี่คือเรือที่ทำจากทองคำแท้และทองคำขาวที่หนักถึง 10,000 กิโลกรัม นำมาสร้างเป็นส่วนของห้องรับแขก ดาดฟ้า ราวบันได และสมอเรือ ภายในเรือมีห้องพักสุดหรู กำแพงห้องที่ทำจากหินอุกกาบาต รูปปั้นที่ทำจากกระดูกไดโนเสาร์ทีเร็กซ์ มีกระจกที่สามารถมองวิวจากใต้น้ำทำจากทองคำ 24 กะรัต ที่หนักถึง 68 กิโลกรัม และมีขวดเหล้าที่ประดับด้วยเพชรหายากถึง 18.5 กะรัต สนนราคาเรือลำนี้มีมูลค่าสูงถึง 4.8 พันล้านเหรียญ หรือประมาณ 1.5 แสนล้านบาท เรียกได้ว่าแพงกว่า Air Force One เสียอีก

5. ถ้าเรือยอชท์ยังเจ๋งไม่พอ เราขอแนะนำเรือบรรทุกเครื่องบินชั้นนิมิตซ์

เป็นชั้นของเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ที่เป็นกำลังหลักของกองทัพเรือสหรัฐ โดยถือเป็นเรือรบที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยสร้างกันมาด้วยความยาวกว่า 333 เมตร ระวางขับน้ำถึง 100,000 ตัน สามารถปฏิบัติงานได้นานถึง 20 ปีโดยที่ไม่ต้องเติมเชื้อเพลิงเลย สนนราคาอยู่ที่ประมาณ 8.9 พันล้านเหรียญ หรือประมาณ 2.9 แสนล้านบาท

6. บางทีคุณอยากเป็นเจ้าของอะไรที่เป็นสถิติโลกกันบ้าง เราขอแนะนำตึก Burj Khalifa ในดูไบ

นี่คือสิ่งก่อสร้างด้วยน้ำมือมนุษย์ที่สูงที่สุดในโลก ตึกแห่งนี้มีความสูง 2,722 ฟุต มีจำนวนชั้นทั้งหมด 163 ชั้น ภายในตกแต่งโดย จอร์โจ อาร์มานี มีลิฟต์ที่เร็วที่สุดในโลก มีความเร็วอยู่ที่ 18 เมตรต่อวินาที โดยมีราคาการก่อสร้างอยู่ที่ 1.5 พันล้านเหรียญ

7. ถ้าคุณรักในเรื่องของเทคโนโลยี เราขอแนะนำ เครื่องชนอนุภาคแฮดรอนขนาดใหญ่ (Large Hadron Collider หรือ LHC)

LHC คือเครื่องเร่งอนุภาคที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่เคยเกิดเป็นข่าวใหญ่ฮือฮาอยู่พักใหญ่ว่าจะสร้างหลุมดำจนกลืนกินโลกนี้ไปทั้งหมด สนนราคาโปรเจคนี้ราวๆ 9 พันล้านเหรียญ ถือว่าไม่แพงเกินไปสำหรับเงินที่คุณมีอยู่ตอนนี้

8. และถ้าคุณรักในเรื่องของจักรวาลและดวงดาว เราขอแนะนำ กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล (Hubble Space Telescope)

นี่คือกล้องโทรทรรศน์ในวงโคจรของโลกที่กระสวยอวกาศดิสคัฟเวอรี นำส่งขึ้นสู่วงโคจรเมื่อปี 1990 มันคือหนึ่งในเครื่องมือวิทยาศาสตร์ที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์การศึกษาดาราศาสตร์ที่ทำให้นักดาราศาสตร์ค้นพบปรากฏการณ์สำคัญต่างๆ อย่างมากมาย และคุณอาจได้รู้ก่อนใคร ถ้าหากมีการพบสิ่งมีชีวิตจากนอกโลก สนนราคาโปรเจคนี้อยู่ราวๆ 1 หมื่นล้านเหรียญ ซึ่งรวมค่าบริหารจัดการล่วงหน้าไปอีก 10 ปีอีกด้วย

9. ซื้อประเทศไอซ์แลนด์ 1 ปี

ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ GDP ของประเทศไอซ์แลนด์อยู่ประมาณ 23.9 พันล้านเหรียญ นั่นหมายความว่า เจฟฟ์ เบซอส สามารถซื้อทุกสิ่งอย่างทั้งสินค้าและบริการภายในประเทศไอซ์แลนด์ได้ตลอดทั้งปี

มาถึงตอนนี้ คุณได้ใช้เงินให้เจฟฟ์ไปแล้ว 63 พันล้านเหรียญ ยังเหลืออีกตั้ง 84.7 พันล้านเหรียญ ทำไมเงินมันเยอะแยะอะไรแบบนี้ ถ้างั้นเรามาลองใช้เงินเพื่อคนอื่นกันบ้าง

10. จะไม่มีคนเร่ร่อนในประเทศไทยอีกต่อไป

จากการสำรวจจำนวนคนเร่ร่อนในประเทศไทยโดยกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการพบว่า มีจำนวนคนเร่ร่อนมากถึง 70,359 คนทั่วไปประเทศ แต่เราตีตัวเลขไปกลมๆ ซึ่งมีคนอาจตกสำรวจไป รวมแล้วน่าจะ 100,000 คน ถ้าเรามอบเงินให้กับพวกเขาคนละ 1 ล้านบาท จะใช้เงินไปทั้งหมดราว 1 แสนล้านบาท หรือประมาณ 3.2 พันล้านเหรียญเท่านั้น และประเทศไทยก็จะไม่มีคนเร่ร่อนอีกต่อไป

10. รวมถึงโลกเราก็จะไม่มีผู้คนที่อดอยากไปอีก 1 ปี

ปัจจุบันนี้มีผู้คนนับล้านๆ ที่ต้องเผชิญกับปัญหาอดอยากในประเทศต่างๆ ทั่วโลก และคุณจำเป็นต้องใช้เงินราวๆ 30 พันล้านเหรียญ หรือประมาณ 9.8 แสนล้านบาท เพื่อให้มั่นใจได้ว่า ทุกคนจะมีอาหารกินอิ่มไปตลอดทั้งปีนี้

9. ให้ทุนเด็กนักเรียนฮาวาร์ด 100,000 คน

การส่งเด็กนักเรียน 1 คนไปเรียนที่มหาวิทยาลัยฮาวาร์ด จะมีค่าเล่าเรียนและค่าอื่นๆ รวมแล้วอยู่ราวๆ 60,659 เหรียญต่อปี การจ่ายเงินจำนวนนี้สำหรับเด็กนักเรียน 100,000 คน เพื่อให้เรียนจบ 4 ปี จะอยู่ที่ 24.2 พันล้านเหรียญ เรียกได้ว่าซื้ออนาคตให้กับเด็กรุ่นใหม่ได้ถึง 1 แสนคนเลยทีเดียว

10. ให้โบนัสพนักงาน Amazon

ในเมื่อช่วยคนอื่นแล้ว ก็ต้องหันกลับมาช่วยพนักงานในบริษัทตัวเองกันบ้าง เจฟฟ์ เบซอส มีพนักงานใน Amazon อยู่ทั้งหมดราว 563,100 คน และถ้าเขาให้โบนัสทุกคน คนละ 30,000 เหรียญ หรือเกือบๆ 1 ล้านบาท เขาจะใช้จ่ายเงินไปทั้งสิ้น 16.9 พันล้านเหรียญเท่านั้น

มาถึงตอนนี้ เจฟฟ์ เบซอส บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก จะเหลือเงินติดตัว 10.4 พันล้านเหรียญ หรือประมาณ 34,100 ล้านบาท ซึ่งหากเราใช้ในการกินอยู่เที่ยวไปตลอดชีวิต ยังไงก็คงไม่หมดแน่นอน

และนี่ก็เป็นการคิดคำนวณกันเล่นๆ เพื่อที่เราจะได้เห็นภาพว่า การเป็นมหาเศรษฐีแสนล้านนั้น สามารถใช้เงินทำอะไรได้บ้าง หลายคนอาจคิดว่า ถ้าตัวเองเป็น เจฟฟ์ เบซอส คงจะใช้เงินเพื่อช่วยโลกนู่นนี่นั่นมากมาย แต่ในความเป็นจริงแล้ว เราไม่ใช่ เจฟฟ์ เบซอส และเราก็ไม่รู้ปัจจัยอื่นๆ อีกมากมายในชีวิตเขา หรือเขาได้ทำอะไรให้กับสังคมไปแล้วบ้าง ดังนั้น แค่คิดกันไว้เล่นๆ เอาสนุกก็พอว่า ถ้าเป็นเราที่เป็นบุคคลที่รวยที่สุดในโลก เราจะเอาเงินไปทำอะไรบ้าง ?

สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ

ที่มา : boredpanda | เรียบเรียงโดย เพชรมายา