หญิง 2 คนกับสุนัขติดอยู่กลางทะเล 5 เดือน แต่หลายคนคิดว่าพวกเธอโกหก

คุณอาจเคยได้ยินเรื่องราวของผู้คนที่ประสบภัยอยู่กลางทะเลมามากมาย และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเคสที่ฟังดูน่าเหลือเชื่อเอามากๆ เพราะการผจญภัยกลางทะเลของพวกเธอ ทำให้ชาวเน็ตหลายคนสงสัยว่า พวกเธอหลงอยู่กลางทะเลจริงหรือพวกเธอกำลังโกหกพวกเราอยู่กันแน่

ย้อนกลับไปในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2017 เจนนิเฟอร์ แอพเพิล และ ทาชา ฟูไอวา พร้อมกับสุนัขอีก 2 ตัวคือ วาเลนไนท์และซุส ได้เดินทางไปกับเรือยอชต์ของพวกเธอ ซีนิมฟ์ (Sea Nymph) โดยมุ่งหน้าจากเมืองฮอนโนลูลูในฮาวายไปยังเกาะตาฮิติ ทริปนี้ถูกคาดว่าจะใช้เวลาเดินทางราว 3 สัปดาห์

แต่หลังจากที่พวกเธอออกเดินทางไปได้ไม่นาน ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เรือของพวกเธอประสบกับพายุที่รุนแรง ระบบการควบคุมหางเสือเสียหาย จนทำให้ทั้งคู่ต้องติดอยู่กลางทะเลแปซิฟิกโดยไร้ซึ่งทางออกใดๆ ทั้งสิ้น

เรื่องน่าแปลกเรื่องแรกก็คือ พวกเธอทั้ง 2 ไม่ได้เป็นคู่ซี้ที่รู้จักกันมานาน แต่กลับเพิ่งพบกันไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ เจนนิเฟอร์ในวัย 47 ปี กับทาชาในวัย 27 ปี กลายเป็นเพื่อนกัน ก่อนที่จะตัดสินใจออกเดินทางด้วยกัน

ทาชา เคยเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในหมู่เกาะซามัว ส่วนเจนนิเฟอร์เป็นนักจัดสวนในเท็กซัส เธอมีแผนจะย้ายมาอยู่บนเกาะพอลินีเชีย เพื่อหาทางทำฟาร์มออร์แกนิกที่นี่ และได้มาพบกับทาชาในระหว่างการเดินทาง จนทั้งคู่คุยกันถูกคอและตัดสินใจมาผจญภัยร่วมกันในครั้งนี้

แม้ว่าทั้ง 2 จะมีประสบการณ์ในการเดินทะเลที่น้อยมาก แต่ทั้งคู่ก็เตรียมการหลายสิ่งไว้เป็นอย่างดี อย่างเช่นเรื่องของเสบียงที่เตรียมไปก็เพียงพอสำหรับผู้ใหญ่ 2 คนและสุนัข 2 ตัวได้นานเป็นปี นั่นก็เพื่อทั้งคู่จะได้มั่นใจว่าจะไม่อดอยากแน่ๆ ในระหว่างที่เดินทางไปกลางทะเลแปซิฟิก

กลับมาที่สถานการณ์กลางทะเล เวลาเริ่มผ่านไปนานนับเดือน ทางเพื่อนๆ และครอบครัวของพวกเธอรู้สึกกังวลเกี่ยวกับ 2 สาว แม่ของทาชาคิดว่าลูกสาวของเธอเสียชีวิตในทะเลหลังจากที่ผ่านไปได้ไม่กี่วัน ไม่มีใครทราบตำแหน่งของเรือดังกล่าว ทั้งคู่หายไปอย่างลึกลับ

5 เดือนต่อมา ในช่วงปลายเดือนตุลาคม 2017 ปรากฏว่าเรือของทั้งคู่ถูกพบเข้าจนได้ ลูกเรือประมงของไต้หวันคนหนึ่งพบเรือที่อยู่นอกชาวฝั่งญี่ปุ่นออกไปประมาณ 1,000 ไมล์ และไม่น่าเชื่อว่าทั้งเจนนิเฟอร์และทาชายังมีชีวิตอยู่

ชาวประมงไต้หวันตัดสินใจติดต่อไปยังหน่วยยามชายฝั่งสหรัฐที่อยู่บริเวณเกาะกวม ซึ่งพวกเขาได้ส่งเรือ ยูเอสเอส แอชแลนด์ ออกมาปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือทันที

เจนนิเฟอร์กล่าวว่า การได้เห็นเรือของกองทัพสหรัฐที่เส้นขอบฟ้าทำให้เธอคิดว่ารอดชีวิตแล้วแน่นอน เธอเล่าให้ฟังว่า “พวกเขาช่วยชีวิตพวกเราไว้ ทั้งรอยยิ้มและความดีใจมันออกจากความโล่งอกอย่างที่สุด”

แต่สิ่งที่ไม่ธรรมดาเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็คือ พวกเธอมีประสบการณ์มากมายเกี่ยวกับการลอยเคว้งอยู่กลางทะเลเป็นเวลากว่า 5 เดือน หนึ่งในนั้นคือการพบกับฝูงฉลาม ที่บางตัวยาวถึง 30 ฟุต มาล้อมรอบเรือยอตช์ของพวกเธอ ดูเหมือนพวกมันพยายามจะสอนวิธีการล่าให้กับฉลามเด็ก เจนนิเฟอร์อธิบายว่า ฉลามพวกนี้ยังโจมตีที่กาบเรือของเธอในเวลากลางคืนอีกด้วย

หลังจากเรื่องราวการช่วยเหลือพวกเธอกลายเป็นข่าวไปทั่วโลก ก็มีผู้คนมากมายเริ่มสงสัยเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเธอเผชิญ หนึ่งในคำวิจารย์ที่ดูน่าเชื่อถือที่สุดมาจาก จอร์จ บรูเจส ผู้เชี่ยวชาญด้านฉลามจากพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติฟลอริดา

จอร์จตั้งข้อสงสัยเรื่องฉลามว่า ฉลามเสือไม่ใช่สัตว์สังคมและพวกมันไม่อยู่รวมกันเป็นกลุ่ม เขายังบอกด้วยว่า ฉลามเสือที่ไหนที่ตัวโตขนาด 30 ฟุตแน่นอน และพวกมันไม่สอนวิธีล่าให้กับลูกๆ ของพวกมันอีกด้วย

นอกจากนั้นยังมีอีกหลายคนที่ตั้งข้อสงสัยในเรื่องของพายุที่พวกเธอต้องเผชิญในตอนแรก ทางกรมอุตุวิทยาของสหรัฐระบุว่า เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม หรือวันเกิดเหตุ ไม่มีพายุใดๆ เกิดขึ้นทั้งสิ้น ซึ่งข้อมูลนี้อ้างอิงจากภาพถ่ายดาวเทียมของสหรัฐ แต่ทางเจนนิเฟอร์ก็โต้ตอบเรื่องนี้อย่างฉุนเฉียวว่ามันคือเรื่องจริง

อ้างอิงจากคำกล่าวอ้างของเจนนิเฟอร์ ทั้งคู่ต้องเจอกับพายุระดับ Force 11 และเพื่อพิสูจน์ความจริงในสิ่งที่เธอพูด เธอได้นำหลักฐานเป็นอีเมลจากการพยากรณ์ของทางเจ้าหน้าที่ชายฝั่งว่ามีคลื่นสูงถึง 10 ฟุตในวันดังกล่าว ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว พายุระดับ Force 11 จะสร้างคลื่นที่สูงระหว่าง 37 ถึง 52 ฟุต ดังนั้นคำกล่าวอ้างของเจนนิเฟอร์ดูจะเกินจริงไปมาก

และสิ่งที่ลึกลับที่สุดของเรื่องนี้ก็คือ เรือซีนิมฟ์ไม่เคยส่งสัญญาณขอความช่วยเรือใดๆ ออกมาเลย ซึ่งบนเรือยอชต์จะต้องมี “เครื่องส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน” อยู่แล้ว แต่ทำไมทั้งคู่ถึงไม่ยอมให้อุปกรณ์ดังกล่าวเพื่อขอความช่วยเหลือใดๆ

เมื่อถูกถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทั้ง 2 กล่าวว่า พวกเธอไม่ได้รู้สึกถึงระดับความอันตรายที่จะต้องใช้สัญญาณเตือนภัยนี้ และนั่นทำให้หลายคนสงสัยว่า หลังจากผ่านไป 5 เดือน พวกเธอก็ยังไม่รู้สึกว่ามันจะอันตราย และยังอยู่ในโหมดชิลได้งั้นหรือ ?

เรื่องราวของเจนนิเฟอร์และทาชาเริ่มถูกสื่อต่างๆ ขุดคุ้ยออกมาเปิดเผยในที่สาธารณะมากขึ้นเรื่อยๆ สื่อบางแห่งก็ออกมารายงานในแง่ลบ รวมถึงสื่ออย่าง Daily Mail เองก็ออกมาเปิดเผยว่า เจนนิเฟอร์เองในอดีตเคยทำงานเป็น “นักเต้นเปลื้องผ้าและสาวที่รับบทซาดิสม์”

และเพื่อกอบกู้ชื่อเสียงตัวเองกลับมา สองสาวได้ทำการสร้างหน้าเพจในเว็บไซต์ระดมทุนอย่าง GoFundMe ที่อธิบายเรื่องราวที่ทุกคนเข้าใจผิดทั้งหมด แต่กลับกลายเป็นว่า ทั้งคู่ได้รับกระแสตอบรับในทางลบมากมาย และยอดเงินบริจาคตลอด 11 เดือนที่ผ่านมา มีอยู่แค่เพียง 40 เหรียญเท่านั้น

ถึงแม้จะถูกตั้งคำถามมากมายและมีแต่ปฏิกิริยาในแง่ลบต่อคนทั้งคู่ แต่สองสาวกล่าวว่า มันไม่สามารถหยุดยั้งให้พวกเธอออกเรือสู่ทะเลได้อีกในอนาคต แต่ในครั้งต่อไป พวกเธอจะเตรียมตัวให้ดีขึ้น

สรุปแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นกับเรือของพวกเธอจะเป็นเรื่องจริงมากแค่ไหน ทำไมพวกเธอถึงได้เตรียมอาหารสำหรับ 1 ปี เอาไว้บนเรือที่คาดว่าจะเดินทางแค่ 3 สัปดาห์ แต่ที่แน่ๆ หลายสิ่งที่เธอกล่าวอ้างมาดูจะขัดแย้งกับความเป็นจริงพอสมควร และไม่ว่าพวกเธอจะลอยเคว้งอยู่กลางทะเลนาน 5 เดือนจริงหรือไม่ แต่ตอนนี้สังคมได้ตัดสินว่าพวกเธอเป็นคนผิดไปเสียแล้ว

สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ

ที่มา : boredomtherapy | เรียบเรียงโดย เพชรมายา