เชื่อว่าหลาย ๆ คน คงได้เรียนรู้เรื่องราวของสิ่งสำคัญทางประวัติศาสตร์มามากมาย แต่สิ่งที่เราได้เรียนที่โรงเรียนก็อาจเป็นสิ่งผิวเผินเพียงเท่านั้น เพราะจริง ๆ แล้ว เรื่องราวของสิ่งบางสิ่ง สถานที่บางสถานที่ ยังมีอะไรที่น่าสนใจ น่าค้นหายิ่งกว่านั้นอีกมาก
วันนี้เพชรมายาจึงขอนำเสนอเรื่องราวความลับของสิ่งสำคัญทางประวัติศาสตร์ ที่เราอาจไม่เคยรู้มาก่อน มาลองดูว่าจะมีเรื่องอะไรกันบ้าง
1. บนยอดหอไอเฟล มีอพาร์ทเมนท์อยู่
กุสตาฟ ไอเฟล ชายที่ออกแบบอนุสาวรีย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในฝรั่งเศสนี้ ได้สร้างและออกแบบอพาร์ทเมนท์ให้กับตัวเองบนหอไอเฟลชั้นบนสุด ซึ่งเขาใช้เป็นที่พักผ่อนและรับรองแขก ซึ่งโธมัส เอดิสัน ก็เคยเป็นแขกของเขาอีกด้วย
บนอพาร์ทเมนท์แห่งนี้ประกอบไปด้วย 2 ห้องนอน ห้องครัว ห้องอาบน้ำ และห้องรับแขก ปัจจุบันนี้มันกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีหุ่นขี้ผึ้งของ ไอเฟล และ เอดิสัน อยู่บนนั้นอีกด้วย
2. โซ่ที่ขาดบนเท้าของเทพีเสรีภาพ
หลายคนอาจรู้ว่า เทพีเสรีภาพเป็นสิ่งที่ชาวฝรั่งเศสมอบให้ชาวอเมริกันในวันครบรอบ 100 ปีของการปฏิวัติอเมริกา เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งเสรีภาพประชาธิปไตย
แต่หลายคนอาจไม่รู้ว่าที่เท้าของเทพีเสรีภาพมีโซ่ที่ขาดอยู่ด้วย ซึ่งนั่นเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของการหลุดพ้นจากการเป็นทาสจากสหราชอาณาจักรสำเร็จ
3. ภาพวาด “โมนาลิซา” ของดาวินชี 2 ภาพ
ถึงแม้เราจะรู้ว่า มีศิลปินหลายคนพยายามวาดภาพโมนาลิซาเพื่อเลียนแบบมากมาย แต่มันอยากที่จะเชื่อว่าภาพเหมือนโมนาลิซาอีกภาพ ที่ผู้วาดคือตัว ลีโอนาโด ดาวินชี เอง และมันไม่ใช่ตัวก๊อปปี้ด้วย โดยภาพนี้มีชื่อว่า Isleworth Mona Lisa ซึ่งโมนาลิซาในเวอร์ชั่นนี้ดูละอ่อนกว่าภาพของจริงมาก
บางคนก็คิดว่านี่อาจเป็นน้องสาวของโมนาลิซา แต่ทางมูลนิธิโมนาลิซา ได้ให้ข้อมูลว่า ดาวิชี อาจวาดโมนาลิซามาก่อนในสมัยที่เธอยังเป็นวัยรุ่น ซึ่งนั่นก็คือภาพนี้ ส่วนการวาดครั้งที่ 2 ของเขา ก็คือภาพโมนาลิซาที่มีชื่อเสียงก้องโลกในปัจจุบันนั่นเอง
4. แคปซูลกาลเวลาในอนุสรณ์สถานแห่งชาติเขารัชมอร์
ในระหว่างการก่อสร้างอนุเสาวรีย์แห่งนี้ สถาปนิก กัทซอน บอร์กลัม ต้องการสร้างห้องลับที่เอาไว้เก็บข้อมูลสำคัญทางประวัติศาสตร์ของอเมริกาเพื่อให้คนรุ่นหลังมาพบ ดังนั้นเขาจึงสร้างห้อง ๆ นี้ ที่มีลักษณะเป็นถ้ำอยู่ด้านหลังของศีรษะ อับราฮัม ลินคอล์น แต่เขาได้เสียชีวิตซะก่อนที่ห้องจะสำเร็จดี
จนกระทั่ง 50 ปีต่อมา ในปี 1988 เอกสารสำคัญต่าง ๆ และบันทึกของประธานาธิบดีบางส่วนถูกค้นพบภายในห้องที่ยังสร้างไม่เสร็จนี้ ซึ่งในที่สุดมันก็ได้ทำหน้าที่เป็นเหมือนแคปซูลกาลเวลาไปเรียบร้อย
5. ลักษณะดั้งเดิมของสฟิงซ์
สฟิงซ์ รูปปั้นที่เรารู้จักกันดีว่าอยู่ที่มหาพีระมิดแห่งกิซ่า ถือเป็นรูปปั้นที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ซึ่งแต่เดิมมันถูกตกแต่งด้วยสีสันที่สดใส ซึ่งยังมีหลักฐานบางส่วนถูกพบบริเวณใบหูข้างหนึ่ง
และนอกจากนั้น สฟิงซ์ยังมีจมูกที่โด่ง และมีเคราที่ดูอลังการอีกด้วย ซึ่งนักวิชาการเชื่อว่า สฟิงซ์น่าจะถูกสร้างเป็นหัวสิงโต แต่ใส่ใบหน้าของมนุษย์ลงไปภายหลัง
6. การสร้างหอเอนเมืองปิซา
หนึ่งในหอคอยที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก ทุกคนรู้ว่ามันเอียง แต่ไม่มีใครรู้ว่าจริง ๆ แล้ว ใครเป็นคนสร้างหอระฆังแห่งนี้กันแน่ และอาจไม่รู้ว่ามันถูกสร้างมานานกว่า 843 ปี และใช้เวลาสร้างนานเกือบ 200 ปี แต่ด้วยพื้นดินในบริเวณนั้นเป็นดินที่ค่อนข้างนิ่ม จึงทำให้หอเริ่มเอนมาเรื่อย ๆ และมีการบูรณะกันอีกหลายครั้ง นอกจากนั้น กาลิเลโอ ยังเคยปล่อยลูกบอล 2 ลูกลงมาจากหอนี้เพื่อทดสอบทฤษฎีแรงโน้มถ่วงของเขาด้วย
7. ชื่อของสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดในอังกฤษ
แน่นอนว่าหลายคนพูดชื่อ “บิ๊กเบน” (Big Ben) แต่คำว่าบิ๊กเบน ไม่ใช่ชื่อเรียกสถานที่ ชื่อพระราชวัง หรือชื่อของหอระฆังที่มีนาฬิกาติดอยู่แต่อย่างใด แต่บิ๊กเบน คือชื่อของระฆังใบใหญ่ที่สุดที่แขวนไว้บริเวณช่องลมเหนือหน้าปัดนาฬิกา ส่วนสถานที่แห่งนี้มีชื่อเรียกจริง ๆ ว่า “หอนาฬิกาพระราชวังเวสต์มินสเตอร์” หรือมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “หออลิซาเบธ” (The Elizabeth Tower)
ส่วนชื่อบิ๊กเบน ยังไม่มีใครรู้ว่าจริง ๆ แล้วมันมาจากอะไรกันแน่ บางทฤษฎีก็เชื่อว่ามันเป็นชื่อเล่น เบนจามิน ฮอลล์ บารอนแห่งลาโนเวอร์ เพราะที่ตัวระฆังมีชื่อของเขาจารึกอยู่ ส่วนบางทฤษฎีก็เชื่อว่า มันถูกตั้งหลังจากที่ เบนจามิน เคานต์ นักมวยรุ่นเฮฟวีเวทได้แชมป์
8. สีของสะพานโกลเดนเกท
สะพานโกลเดนเกท ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ ๆ มีคนถ่ายภาพมากที่สุดในโลก แต่เป็นเวลานานกว่าที่ทางกองทัพเรือสหรัฐจะเห็นด้วยกับการก่อสร้างสะพานนี้ และเมื่อได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างได้ ทางกองทัพเรือจึงอยากให้มันมีสีดำคาดเหลือง เพื่อที่จะสามารถมองเห็นในหมอกได้อย่างชัดเจน
แต่สุดท้าย สถาปนิก เออร์วิง มอร์โรว์ ได้โน้มน้าวทางกองทัพให้ทาเป็นสีส้มเข้มแทน ซึ่งสีที่เห็นอยู่นี้ไม่ใช่แค่ทำให้เหมาะกับการมองเห็นในทุกสภาพอากาศ แต่มันยังทำให้สะพานแห่งนี้ดูน่าสนใจมากขึ้นอีกด้วย
9. ท้องฟ้าในภาพวาด The Scream
นี่คือหนึ่งในภาพวาดที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก ที่ถูกวาดโดย เอ็ดเวิร์ด มุงค์ โดยเขาได้เขียนไว้ในบันทึกของเขาว่า “ทันใดนั้นท้องฟ้าก็เปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน ฉันหยุดเดิน ยืนพิงรั้วเพราะรู้สึกเหนื่อยล้า มองเห็นเปลวเพลิงสีเลือดปกคลุมเหนืออ่าวที่มืดมิดและเมือง”
ในปี 2003 นักดาราศาสตร์กลุ่มหนึ่งได้เสนอทฤษฎีที่มาของท้องฟ้าสีแดงนี้ น่าจะเป็นเหตุการณ์ที่เอ็ดเวิร์ด เจอกับการระเบิดของภูเขาไฟกรากะตัว ในปี 1883 ซึ่งทำให้เกิดเปลวเพลิงและฝุ่นควันจำนวนมากพุ่งขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศโลก และนั่นอาจเป็นที่มาของภาพวาดในตำนานภาพนี้ก็เป็นได้
สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ
ที่มา : brightside | เรียบเรียงโดย เพชรมายา