“โลหะบำบัด” ด้วยการใส่แหวน มีประโยชน์ต่อร่างกายจริงหรือ ?

หลายๆ คน อาจเคยได้ยินคำว่า “โลหะบำบัด” ผ่านหูผ่านตามาจากคนเฒ่าคนแก่ หรือจากฟอร์เวิร์ดเมลในสมัยก่อนกันมาบ้าง โลหะจะช่วยบำบัดอาการป่วย รวมไปถึงแก้ไขปัญหาสุขภาพต่างๆ ได้มากมายกว่าที่คุณคิด ซึ่งในเนื้อหาที่เราได้อ่านกันจะบอกประโยชน์ของการใส่แหวนในแต่ละนิ้วดังนี้

ring-cure-1

นิ้วโป้ง

หากใส่แหวนเงินนั้น จะช่วยให้ปอดแข็งแรงมากขึ้น หายใจเต็มอิ่ม ช่วยดูดสารพิษที่ปอด แต่ถ้าใส่แหวนทอง จะช่วยในเรื่องของลำไส้ใหญ่ ทำให้ขับถ่ายสะดวก

นิ้วชี้

หากใส่แหวนเงิน จะสามารถช่วยลดความอ้วน แก้โรคเก๊าต์ โรคเบาหวาน น้ำเหลืองไม่ดี และไปขจัดพิษที่บริเวณม้าม แต่ถ้าใส่แหวนทอง จะสามารถช่วยให้กะเพราะอาหารแข็งแรง และกันอาการปวดบริเวณหัวเข่า

นิ้วกลาง

หากใส่แหวนเงิน จะช่วยกรองเลือดเสียที่ไหลผ่านหัวใจให้มีความสะอาดมากขึ้น และยังสามารถป้องกันหัวใจวายได้อีกด้วย แต่ถ้าใส่แหวนทอง จะสามารถปรับความร้อนในร่างกาย และแก้อาการปัสสาวะบ่อย

นิ้วนาง

หากใส่แหวนเงิน จะช่วยล้างไขมัน และล้างสารพิษในตับ แต่ถ้าใส่แหวนทอง จะช่วยในเรื่องของการบรรเทาอาการไมเกรน และอาการนอนไม่หลับ หลับยาก หลับไม่สบาย

นิ้วก้อย

ถ้าใส่แหวนเงิน จะช่วยชำระล้างไตให้ปลอดจากสารพิษ แต่ถ้าใส่แหวนทอง ช่วยดูแลเรื่องกระเพราะปัสสาวะ มดลูก รังไข่ ปีกมดลูก อัณฑะ และโรคไส้เลื่อน

โดยข้อมูลทั้งหมดนี้ หากนำมาวิเคราะห์กันดีๆ จะพอทราบได้ว่า ข้อมูลทางเคมีของธาตุเงินหรือธาตุทอง ไม่ได้มีคุณสมบัติตามที่กล่าวมา และข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญด้านโลหะก็ระบุว่า ยังไม่มีข้อมูลใดๆ ที่บ่งชี้ว่า การใส่แหวนโลหะ จะช่วยบำบัดโรคทางกายได้ ดังนั้น เรื่องราวของโลหะบำบัดนี้ อาจเป็นเพียงเรื่องไม่จริงก็เป็นได้ หรือใครที่มีข้อมูลเกี่ยวกับโลหะบำบัดที่มากกว่านี้ ก็สามารถมาแชร์กันได้ครับ

ที่มา : หนังสือกินเป็นลืมป่วย | pantip | เรียบเรียงโดย เพชรมายา