การจากไปของ สตีเฟน ฮอว์กิง เมื่อวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา ถือเป็นการสูญเสียบุคคลที่สำคัญที่สุดทางวิทยาศาสตร์ไปก็ว่าได้ แต่ผลงานที่ฮอว์กิงฝากไว้ให้กับโลกใบนี้ ถือว่ามีค่ามหาศาล เขาทำให้มนุษย์ได้รู้จักความลับของจักรวาลมากขึ้น ซึ่งวันนี้เพชรมายาจะขอพาทุกท่านไปรู้จักแนวคิดของ สตีเฟน ฮอว์กิง ให้มากขึ้น มาดูว่าบุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นอัจฉริยะที่สุดในยุคนี้ มีอะไรที่น่าสนใจบ้าง
1. ไอคิว เป็นเรื่องสำหรับคนโง่
ฮอว์กิงไม่เคยรู้ว่าคะแนนไอคิวของเขาสูงเท่าไหร่ และไม่สนใจด้วยสำหรับคำถามนี้ เขามั่นใจว่ามีแต่พวกขี้แพ้เท่านั้นที่แคร์กับตัวเลขไอคิว
2. โลกของเราเป็นเหมือนตู้ปลาที่มีผนังปูดโปน
ฮอว์กิงเชื่อว่า พวกเราทุกคนก็เหมือนกับปลาที่อาศัยอยู่ในตู้ปลาโค้งมน เราตัดสินโลกอย่างผิดๆ เพราะเรามองโลกจากภายใน โดยไม่มีโอกาสที่จะเรียนรู้มันจากภายนอก อ้างอิงจากทฤษฎีนี้ ฮอว์กิงจึงเริ่มศึกษาจักรวาลต่อไป เพื่อจะได้เรียนรู้ความลับของจักรวาลที่มนุษยชาติยังไม่เคยรู้มาก่อน
3. จักรวาลเกิดจาก “ความว่างเปล่า” และแรงโน้มถ่วง
ฮอว์กิงอ้างว่า ไม่มีความลึกลับสำหรับต้นกำเนิดของจักรวาล มันเกิดขึ้นด้วยตัวของมันเองจาก “ความว่างเปล่า” อ้างอิงจากทฤษฎีบิกแบง จักรวาลกำเนิดขึ้นเมื่อประมาณ 14,000 ล้านปีที่แล้ว ก่อนการเกิดของจักรวาล ไม่มีมวลสาร ช่องว่าง หรือกาลเวลา จักรวาลเป็นเพียงจุดที่เล็กยิ่งกว่าอะตอม ซึ่งเกิดการระเบิดออกอย่างรุนแรง จนเกิดการขยายตัวต่อเนื่องไม่มีที่สิ้นสุด
4. ผลงานของฮอว์กิงเกือบทั้งหมดเกิดขึ้นในขณะที่เขาเดินและพูดไม่ได้
สตีเฟน ฮอว์กิง ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรค ALS ชนิดหายาก ซึ่งทำให้เขามีกล้ามเนื้ออ่อนแรงลงเรื่อยๆ แพทย์บอกว่าเขาจะมีอายุอยู่ได้ไม่เกิน 2 ปีครึ่ง แต่ฮอว์กิงก็สามารถต่อสู้กับโรคร้ายนี้ได้จนมีชีวิตยาวนานถึง 76 ปี และตลอดชั่วชีวิตของเขาได้ฝากผลงานเอาไว้มากมาย ฮอว์กิงประสบความสำเร็จกับผลงานวิทยาศาสตร์สำหรับบุคคลทั่วไป (Popular Science) ซึ่งเขาอภิปรายทฤษฎีของเขาและจักรวาลวิทยาโดยรวม ซึ่งมีประวัติย่อของกาลเวลา (A Brief History of Time) และจักรวาลในเปลือกนัท (The Universe in a Nutshell) ซึ่งอยู่ในรายการขายดีที่สุดของบริติชซันเดย์ไทมส์ทำลายสถิตินานถึง 237 สัปดาห์
5. ภาพลวงตาเป็นศัตรูของความรู้
อ้างอิงจากแนวคิดของฮอว์กิง เขาคิดว่าศัตรูหลักของความรู้ไม่ใช่ความโง่เขลา แต่มันคือภาพลวงตาของความรู้ เราคิดว่าเรารู้ทุกสิ่งในขณะที่โลกรอบตัวเราแสดงให้เห็นว่ามีสิ่งที่ใหม่กว่าและใหม่กว่าเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา เมื่อหลายสิบปีก่อน แม้แต่นิยายวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถจินตนาการถึงการมีอยู่ของหลุมดำในจักรวาลได้ แต่ตอนนี้การมีอยู่ของหลุมดำ ได้รับการยอมรับจากชุมชนวิทยาศาสตร์แล้ว
6. สถานที่ๆ ดีที่สุดของเขา ไม่ใช่โลก
เมื่อมีคนถามฮอว์กิงว่า สถานที่ๆ เขาอยากไปที่สุดคือที่ไหน คำตอบคือไม่ใช่โลก ถ้าเขามีเงินสักหลายพันล้านเหรียญ เขาจะเช่ายานอวกาศสักลำและบินไปจากโลกนี้แน่นอน และถึงแม้ว่าจะไม่มีนักฟิสิกส์คนไหนที่เคยบินขึ้นไปในอวกาศ แต่เขาเองก็เคยมีประสบการณ์สัมผัสกับสภาวะไร้แรงโน้มถ่วงมาแล้ว โดยบริษัท Zero Gravity ได้เคยให้ฮอว์กิงร่วมบินไปบนอากาศยานที่มีอุปกรณ์พิเศษ และนั่นทำให้เขาได้มีโอกาสสัมผัสกับสภาวะไร้แรงโน้มถ่วงนานถึง 25 วินาที
7. อดีตเป็นแค่ช่วงเวลาของความเป็นไปได้
ฮอว์กิงกล่าวว่า มันไม่สำคัญเลยว่าเราจะเก็บความทรงจำอะไรไว้ในอดีต เพราะเหตุการณ์ในอดีตไม่ได้เกิดขึ้นเป็นเส้นตรง มันเกิดขึ้นในทุกทางที่เป็นไปได้ ซึ่งไอเดียนี้ถือเป็นพื้นฐานของกลศาสตร์ควอนตัม ซึ่งไอน์สไตน์เองยังไม่ยอมรับในทฤษฎีนี้ โดยเขาเคยกล่าวว่า “พระเจ้าไม่ได้เล่นทอยลูกเต๋า” ส่วนฮอว์กิงเองก็ยกตัวอย่างหลุมดำ โดยกล่าวว่า “พระเจ้าไม่ได้แค่เล่นลูกเต๋าเท่านั้น เขาขว้างลูกเต๋าออกไปในที่ๆ เขาไม่เห็นด้วย”
8. เวลาเป็นสิ่งสัมพันธ์
นี่คือสิ่งที่ฮอว์กิงกับไอน์สไตน์คิดเห็นเหมือนกัน พวกเขาทั้งสองเชื่อว่า “เวลาเป็นสิ่งสัมพัทธ์” มันคือสิ่งสมมุติไม่มีอยู่จริง เวลายืดหดได้ตามสนามแรงโน้มถ่วงและตามความเร็ว เวลาไม่ใช่สิ่งสากล ทุกคนมีเวลาไม่เท่ากัน วัตถุใดมีความเร็วมากเวลาของมันก็จะเคลื่อนที่ช้าลง และความยาวของทุกสิ่งรอบตัวมันก็จะหดลงเช่นกัน
ยกกตัวอย่างเช่น แสงที่เคลื่อนที่ได้เร็วที่สุดในจักรวาล เวลาของแสงจะช้าลง จนกระทั่งเวลาแทบจะหยุดลง จนทำให้ระยะของทุกสิ่งรอบตัวมันหดลงจนเหลือ 0 เพราะฉะนั้น ในมุมมองของแสง แสงจะมองเห็นทุกสิ่งรอบตัวหยุดนิ่งเพราะเวลาได้หยุดลง ถ้าพูดให้เห็นภาพง่ายๆ ก็คือซุปเปอร์ฮีโร่อย่าง The Flash ที่สามารถเคลื่อนที่ได้เร็วมากจนเห็นทุกอย่างเกือบหยุดนิ่งนั่นเอง
9. โชคชะตาคือภาพลวงตา
สตีเฟน ฮอว์กิง ไม่เชื่อว่าทุกสิ่งในชีวิตเราได้รับการกำหนดไว้ล่วงหน้า หรือจะมีใครที่รู้อนาคตล่วงหน้าได้ เขากล่าวติดตลกว่า แม้แต่หมอดูที่แม่นที่สุดก็ยังต้องมองซ้ายมองขวาก่อนข้ามถนนอยู่ดี สำหรับฮอว์กิง เชื่อในเรื่องความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นจากการคาดคะเนทางวิทยาศาตร์ ถ้าพูดถึงอนาคต เขาเชื่อว่ามนุษย์เราอาจอยู่บนโลกนี้ต่อไปได้อีกไม่เกิน 1 พันปี ด้วยเหตุปัจจัยหลายๆ อย่างที่สามารถทำให้สิ่งมีชีวิตบนโลกหายไปได้ และเมื่อถึงเวลานั้น พวกเราอาจต้องบินหนีไปจากโลกที่เป็นบ้านเกิดของเราเองก็เป็นได้
10. ชีวิตไม่ใช่สถานที่สำหรับโศกนาฏกรรม
“ชีวิตจะน่าเศร้า ถ้าเราไม่ตลก” นี่คือคำกล่าวที่ฮอว์กิงเลยพูดเอาไว้ สิ่งที่ทำให้ฮอว์กิงเป็นที่รักของทุกคนก็คือความมีอารมณ์ขันของเขาที่สามารถสอดแทรกได้ ไม่ว่าเขาจะอธิบายเรื่องที่ยากแค่ไหนอยู่ก็ตาม ถึงแม้ตอนนี้เขาจะจากโลกของเราไปแล้ว แต่สิ่งที่ฮอว์กิงฝากเอาไว้หลายอย่าง ก็สามารถช่วยสอนเราได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทางวิทยาศาสตร์ที่ฝากไว้ถึงชนรุ่นหลังให้สานต่อ หรือเรื่องของการใช้ชีวิตที่เขาต้องต่อสู้มากกว่าใครๆ ก็ตาม
สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ
ที่มา : brightside | เรียบเรียงโดย เพชรมายา