ในขณะที่บรรดานักช้อปทั้งหลาย เชื่อว่าตัวเองเป็นคนที่รู้ทันเล่ห์กลทางการตลาด แต่ในบางครั้ง เราก็ตกหลุมพรางกลายเป็นเหยื่อของการตลาดไปโดยไม่รู้ตัว ซึ่งวันนี้เพชรมายาจะขอพามาชมกับดับทางการตลาดรูปแบบต่างๆ และถ้าหากรู้แล้ว คุณจะไม่ตกเป็นเหยื่ออีกต่อไป
1. ภาพเพื่อการโฆษณา
เพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์อาหารของตนเองดูน่ารับประทานขึ้น ภาพเพื่อการโฆษณาจึงเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยดึงดูดใจอย่างมาก ช่างภาพอาหารมีเทคนิคต่างๆ มากมาย ที่จะทำให้ของกินดูน่ารับประทานขึ้น โดยที่คุณนึกไม่ถึงด้วยซ้ำไป
2. สโลแกนขัดแย้ง
โฟล์ค สวาเกน เคยได้สโลแกนประมาณว่า “เสียใจด้วย แต่เราไม่สามารถขายรถคันนี้ให้คุณได้” ซึ่งแน่นอนว่า ข้อความโฆษณานี้ไม่ได้ต้องการให้คนไม่ซื้อรถ แต่มันกลับเรียกร้องความสนใจได้มากกว่าเดิม รวมไปถึงยอดขายอีกด้วย
3. ตั้งราคาเกินจริง + การจัดวางราคาก่อนหลัง
กลอุบายนี้ได้ผลกับแทบทุกวงการ วิธีการง่ายๆ คือการตั้งราคาสินค้าแพงที่สุดให้เห็นก่อน ในขณะที่ราคาแพงน้อยกว่าให้ถูกจัดวางเอาไว้ทีหลัง และถึงแม้ของที่อยู่หลังสุดจะมีราคาถูกที่สุด แต่มันก็ยังถือว่าแพงเกินจริงอยู่ดี
4. ตั้งราคาหลอกล่อ
ได้ผลอย่างดีสำหรับผลิตภัณฑ์ที่มักจะมีการเปรียบเทียบราคากัน อย่างเช่น ถ้าคุณขายเครื่องดื่มคล้ายกัน 2 ชนิด ราคา 5 และ 6 เหรียญ ลูกค้าอาจมองว่า 6 เหรียญราคาแพง แต่ถ้าคุณมีราคา 9 เหรียญเพิ่มขึ้นมา คนจะมองว่าราคา 6 เหรียญสมเหตุสมผลทันที
5. ลดราคาเก๊
ตามซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำหลายแห่ง เรามักจะเห็นป้ายราคาสินค้าเก่าที่ตัวเล็กๆ และราคาใหม่ที่ลดแล้ว แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าการลดราคานั้นเป็นของเก๊ เพราะในความเป็นจริง ร้านค้าเพียงแต่เพิ่มราคาของเก่าขึ้น โดยหวังว่าจะไม่มีใครจำราคาสินค้าเดิมได้
6. ลดขนาดและคุณภาพสินค้า
ถือเป็นสิ่งที่แบรนด์สินค้าจำนวนมากชอบทำกัน ซึ่งพวกเขาสามารถรักษาผลกำไรเอาไว้ได้ โดยที่ไม่ต้องเพิ่มราคาแต่อย่างใด
7. ทฤษฎีของกรูน
นี่คือทฤษฎีการออกแบบห้างสรรพสินค้าครั้งแรกของโลก โดยสถาปนิกนามว่า วิกเตอร์ กรูน โดยก่อนที่จะมีทฤษฎีนี้ ห้างสรรพสินค้าและซุปเปอร์มาร์เก็ตต่างใช้การวางสินค้าบนชั้นเดียวและทำเป็นทางเดินเชื่อมกัน แต่กรูเอนได้ปฏิวัติการจัดวางสินค้าใหม่ ไม่มีหน้าต่าง ไม่มีนาฬิกา มีแสงไฟที่สว่างดูปลอดภัย และสินค้าถูกจัดเป็นหมวดหมู่ อย่างเช่นที่เราเห็นกันในปัจจุบันนี้
8. รถเข็นที่ใหญ่ขึ้น
เมื่อลูกค้าใช้รถเข็นที่มีขนาดใหญ่ขึ้น พวกเขามีโอกาสที่จะใช้จ่ายเงินมากขึ้นถึง 40% ซึ่งพวกเขาจะซื้อในสิ่งที่ไม่ได้วางแผนเอาไว้แต่แรก และสำหรับครอบครัวใหญ่ ลูกค้ามีโอกาสที่จะซื้อสินค้าไปตุนเอาไว้เพิ่มเติมด้วย
9. มานุษยรูปนิยม (Anthropomorphism)
มานุษยรูปนิยม เป็นการเอาลักษณะของมนุษย์ไปใช้กับสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์ เช่น สัตว์ สิ่งของ ธรรมชาติ พูดง่ายๆ ก็คือ การที่เราทำให้สัตว์ ให้มีลักษณะท่าทางเหมือนกับมนุษย์ ผู้ได้ ตอบโต้ได้ คิดเป็น มีเหตุผล หรืออย่างสิ่งของในอนิเมชันของพิกซาร์ที่พูดได้ ซึ่งในทางการตลาด ก็มีการนำสัตว์มาใช้เป็นส่วนหนึ่งของการโปรโมทสินค้าบ่อยๆ
10. ต้นทุนของผลิตภัณฑ์
ในซุปเปอร์มาร์เก็ต ชั้นบนสูงๆ จะเอาไว้สำหรับแบรนด์สินค้าที่คนรู้จักน้อย ชั้นกลางจะสำหรับสินค้ายอดนิยม ในขณะที่ชั้นล่างอาจเป็นสินค้าของทางห้างเอง และเป็นที่นิยมน้อยกว่าชั้นกลาง สำหรับแบรนด์สินค้าต้องใช้เงินจำนวนมากกว่าเพื่อที่จะวางสินค้าในชั้นกลาง และนั่นเป็นต้นทุนที่ส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าที่สูงขึ้นไปด้วย ซึ่งตอนนี้เราก็รู้แล้วว่า สินค้าราคาแพง ไม่ได้แพงเพราะคุณภาพสินค้าเสมอไป แต่มันรวมไปถึงค่าการตลาดของพวกเขานั่นเอง
สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ
ที่มา : brightside | เรียบเรียงโดย เพชรมายา