ถ้าพูดถึงประเทศเกาหลีเหนือ สิ่งที่ผู้คนมักคิดถึงก็คือท่านผู้นำสูงสุด คิม จองอึน ที่โผล่เข้ามาในหัวเราเป็นอันดับแรก แต่เรารู้อะไรเกี่ยวกับท่านคิมมากน้อยแค่ไหนล่ะ วันนี้เพชรมายาจะพาทุกคนมารู้จักกับท่านคิมกันให้มากขึ้น แล้วคุณจะรู้ว่าท่านคิมผู้นี้ก็มีประวัติไม่ธรรมดาทีเดียว
1. เคยศึกษาที่โรงเรียนนานาชาติเบิร์น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
โรงเรียนนานาชาติเบิร์นในสวิตเซอร์แลนด์ เคยเป็นโรงเรียนของผู้มีชื่อเสียงมากมาย และหนึ่งในศิษย์เก่าอันทรงเกียรตินั้นก็คือท่านคิม ที่เข้าไปศึกษาภายใต้นามแฝงว่า “ปาร์ค-อึน” เพื่อปกปิดตัวตนของเขา ซึ่งท่านคิมเองมีความสามารถด้านดนตรีและศิลปะ แต่กลับตกวิชาเลขและวิทยาศาสตร์
2. ของโปรดคือชีส
นอกจากที่ท่านคิมจะโปรดปรานดนตรีในขณะที่เรียนที่สวิตเซอร์แลนด์แล้ว สิ่งที่ท่านคิมชอบไม่แพ้กันก็คือ “ชีส” โดยเฉพาะ Emmental Chees และ Swiss Cheese ซึ่งในปัจจุบันทางเกาหลีเหนือได้นำเข้าชีสสวิสหลายสิบตันต่อปี เพื่อนำมาบริโภคกันในรัฐบาลเกาหลีเหนือ
3. เคยถูกจับเรื่องหนังสือโป๊
ในขณะที่ท่านคิมเรียนอยู่ต่างประเทศ เหมือนกับเด็กผู้ชายทั่วๆ ไปที่ต้องมีการปาร์ตี้หนังสือโป๊กับเพื่อนๆ ที่โรงเรียน และสุดท้ายท่านคิมก็ถูกอาจารย์จับได้และถูกลงโทษ หลังเอาหนังสือโป๊เล่มหนึ่งไปซ่อนไว้ใต้พื้นที่โรงเรียน
4. ไม่มีใครรู้ปีเกิดที่แท้จริง
วันเกิดอย่างเป็นทางการของท่านคิมคือวันที่ 8 มกราคม 1983 อย่างไรก็ตามได้มีข้อโต้แย้งเรื่องปีเกิดของท่านคิมว่าไม่ถูกต้อง บางรายงานอ้างว่าปีเกิดของท่านคิมจริงๆ แล้วคือปี 1982 ในขณะที่บางรายงานอ้างว่าคือปี 1984 จนกระทั่งปัจจุบันนี้ก็ยังไม่มีใครแน่ใจว่า จริงๆ แล้วปีเกิดของท่านคิมคือปีอะไรกันแน่
5. ผู้นำที่อายุน้อยที่สุด
และถ้าหากท่านคิมเกิดในปี 1983 ในวันที่ดำรงตำแหน่งผู้นำสูงสุดเมื่อ 17 ธันวาคม 2011 นั่นหมายความว่าท่านคิมจะเป็นผู้นำประเทศที่อายุน้อยที่สุดในโลก ด้วยวัยเพียง 28 ปีเท่านั้น
6. ตัดผมเองเพราะกลัวช่างตัดผม
จากประสบการณ์อันเลวร้ายเกี่ยวกับช่างตัดผมในวัยเด็ก ทำให้ท่านคิมเป็นโรคกลัวช่างตัดผมอย่างแรง และนั่นเป็นเหตุผลที่ท่านคิมเลือกที่จะตัดผมด้วยมือตัวเอง และนั่นทำให้ทรงผมในสไตล์ท่านผู้นำกลายเป็นเทรนด์แฟชั่นในเกาหลีเหนือสำหรับเด็กหนุ่ม ที่ต้องไปร้านตัดผมแล้วตัดทรงท่านคิมเหมือนกัน
7. ได้รับการโหวตว่าเป็นผู้ชายที่เซ็กซี่ที่สุดในปี 2012
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เรื่องจริง แต่เป็นเพียงข่าวลวงของสำนักข่าว Onion สื่อที่เน้นสร้างข่าวปลอมเสียดสีสังคม ถึงทุกคนจะมองว่านี่คือเรื่องขำขัน แต่สำหรับสื่อในประเทศจีนกลับคิดว่านี่เป็นเรื่องจริง แถมยังนำไปรายงานเป็นตุเป็นตะว่าท่านคิมได้รับการโหวตว่าเป็นผู้ชายที่เซ็กซี่ที่สุดในปี 2012 และสาวจีนหลายคนก็เชื่อเรื่องนี้เสียด้วย
8. ปัญหาเรื่องสุขภาพที่น่าสงสัย
ในช่วงปลายปี 2014 ท่านคิมไม่ได้ปรากฏตัวในที่สาธารณะเป็นระยะเวลากว่า 6 สัปดาห์ ตามรายงานระบุว่าท่านผู้นำเข้าโรงพยาบาลและกำลังป่วยหนัก หลังจากนั้นไม่นานก็มีภาพของท่านคิมที่กำลังเดินพร้อมกับมีไม้เท้าค้ำยัน ดูเหมือนว่าท่านคิมเองก็มีปัญหาด้านสุขภาพโดยเฉพาะการที่ต้องเผชิญกับโรคเกาต์ นอกจากนั้นรายงานยังระบุว่าท่านคิมยังได้รับการผ่าตัดที่ข้อเท้าอีกด้วย
9. บังคับให้คนร้องไห้ หลังการตายของท่านพ่อ
หลังจากที่ คิม จองอิล ท่านพ่อของท่านคิมเสียชีวิตลง ภาพที่เห็นก็คือชาวเกาหลีเหนือทุกคนโศกเศร้าเสียใจอย่างบ้าคลั่งกับการจากไปของท่านอดีตผู้นำ แต่เบื้องหลังความโศกเศร้าที่เห็นคือการสั่งลงโทษผู้คนที่ไม่ร้องไห้แสดงความโศกเศร้าเสียใจออกมาให้เห็น โดยการถูกส่งตัวไปที่ค่ายแรงงานอย่างน้อย 6 เดือน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ คิม ชอล ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่โดนส่งตัวไปด้วยข้อหา “ไม่แสดงความเสียใจมากพอ”
10. หลงใหลในรองเท้า Nike
ถึงแม้ภาพลักษณ์ของท่านคิมและเกาหลีเหนือจะกีดกันชาติตะวันตกอย่างรุนแรง แต่ท่านคิมเองก็แตกต่างจากท่านพ่อและท่านปู่โดยสิ้นเชิงที่ไม่เคยกีดกันสินค้าของต่างชาติโดยเฉพาะอเมริกา โดยในขณะที่เขาเรียนอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ ท่านคิมเองก็มีคอลเล็คชันรองเท้า Nike มากมายในห้องของเขา แถมยังสะสมเพิ่มอีกหลายคู่หลังจากกลับมาที่เกาหลีเหนือ
11. กีฬาโปรดคือบาสเก็ตบอล
เห็นหุ่นท่านคิมอ้วนท้วนสมบูรณ์แบบนี้ ไม่น่าเชื่อว่ากีฬาโปรดของท่านคิมคือบาสเก็ตบอล และนักกีฬาโปรดของเขาก็คือ ไมเคิล จอร์แดน ท่านคิมหมกมุ่นและคลั่งไคล้กีฬาบาสเก็ตบอลมากๆ ซึ่งเพื่อนของเขาคนหนึ่งที่เรียนด้วยกันได้กล่าวไว้ว่า “เขาใช้เวลาหลายทั่วโมงในการใช้ดินสอวาดรูป ไมเคิล จอร์แดน ซุปเปอร์สตาร์ของชิคาโกบูลส์” และอย่างที่หลายคนทราบกันดีว่า เดนนิส ร็อดแมน อดีตดาวดัง NBA ก็เคยไปพบปะกับท่านคิม จนกลายเป็นเพื่อนซี้กันกระทั่งปัจจุบัน
12. ต้องการเปลี่ยนเกาหลีเหนือให้เป็น “ประเทศแห่งเห็ด”
ในการเฉลิมฉลองครบรอบ 70 ปีแห่งการปลดปล่อยเกาหลีเหนือเมื่อปี 2015 ทางรัฐบาลเกาหลีเหนือได้เผยแพร่บทความที่มีความยาวกว่า 7,000 คำบนหน้าหนังสือพิมพ์ โดยเกี่ยวกับวิสัยทัศน์ของท่านคิมและการปฏิบัติตนของพลเมือง สิ่งที่น่าสนใจก็คือสโลแกนทางการเมือง 300 สโลแกนของท่านคิม เช่น ต้องการเปลี่ยนเกาหลีเหนือให้กลายเป็น “ประเทศแห่งเห็ด” นอกจากนั้นก็ยังมีเรื่องของการทำให้ “ภรรยาของเจ้าหน้าที่เป็นผู้ช่วยที่ไว้วางใจได้ของสามี” และท่านคิมยังต้องการเปลี่ยนให้ “เกาหลีเหนือเป็นดินแดนแห่งเทพนิยายของประชาชน” อีกด้วย
13. เป็นนักดื่มตัวจริง
อดีตพ่อครัวของท่านพ่อคิม จองอิล ได้เปิดเผยว่าท่านคิมผู้เป็นลูก นิยมชมชอบในรสชาติของ จอนนี่ วอล์คเกอร์ เป็นอย่างมาก และไม่น่าแปลกใจที่เขาจะนำเข้าสุราชั้นเยี่ยมนี้เป็นจำนวนหลายร้อยลังจากสกอตแลนด์ในทุกๆ ปี
14. เป็นนายพลคนเดียวในโลก ที่ไม่มีประสบการณ์ด้านการทหาร
เกาหลีเหนือมีทหารที่ประจำการอยู่มากถึง 1,190,000 คน กำลังพลสำรองอีก 600,000 คน และทหารพลเรือน (กำลังกึ่งทหาร) อีกประมาณ 6 ล้านคน แต่ท่านที่เป็นผู้นำสูงสุดเหนือทหารทั้งปวงกลับไม่มีประสบการณ์ด้านการทหารแม้แต่วันเดียว ซึ่งท่านคิมได้รับการแต่งตั้งยศแทจังหรือเทียบเท่าพลเอกเมื่อกันยายน 2010 ก่อนที่จะเข้ามาควบคุมกองทัพประชาชนเกาหลีในเดือนธันวาคม 2011 และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นยศวอนซูหรือจอมพลเมื่อกรกฎาคม 2012
15. มียศต่ำกว่าคุณปู่
ถึงแม้ท่านคิมจะมียศเป็นถึงจอมพลที่กุมอำนาจกองทัพทั้งประเทศ แต่ท่านพ่อ คิม จองอิล ได้ถูกประกาศแต่งตั้งยศเป็น “จอมพลตลอดกาล” ส่วน คิม อิลซุง ท่านปู่ผู้ก่อตั้งเกาหลีเหนือเองก็มียศ “ประธานาธิบดีตลอดกาล” ซึ่งตามรัฐธรรมนูญแล้ว คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือสูงสุดคนปัจจุบันก็ยังมียศต่ำกว่าคุณปู่อยู่ดี
16. ศัลยกรรมให้เหมือนคุณปู่
มีรายงานว่าในช่วงปลายทศวรรษที่ 2000 ท่านคิมเองได้ทำการศัลยกรรมใบหน้าเพื่อให้มีความคล้ายคลึงกับคุณปู่ คิม อิลซุง มากที่สุด เพราะการที่ตัวเองดูคล้ายคุณปู่มากเท่าไหร่ ภาพลักษณ์ของท่านคิมเองก็จะดูน่ายำเกรงและน่าเคารพมากขึ้นเท่านั้น
17. ไม่มีภาพของท่านคิมตอนเป็นผู้ใหญ่ก่อนได้รับตำแหน่งผู้นำ
ตัวตนของท่านคิมเองไม่เคยเป็นที่รู้จักจนกระทั่งการปรากฏตัวในฐานะทายาทของท่านพ่อ คิม จองอิล ในช่วงปลายปี 2010 แล้วภาพถ่ายของท่านคิมก่อนหน้านั้นล่ะ? และไม่มีใครเคยเห็นภาพของท่านคิมตอนเป็นผู้ใหญ่ในช่วงก่อนที่จะปรากฏตัวต่อสาธารณะชนเลย และนี่เป็นสิ่งที่หลายคนสงสัยว่าท่านคิมไปอยู่ที่ไหนก่อนจะมารับบทบาทผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ
สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ
ที่มา : whatculture | เรียบเรียงโดย เพชรมายา