3 เหตุการณ์การพบเห็น UFO ทรงซิการ์ที่โด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์

มีรายงานการพบเห็น UFO หรือวัตถุลึกลับที่ไม่สามารถระบุได้มากมายตั้งแต่ในอดีต โดยย้อนกลับไปเมื่อปี 2020 มีรายงานการพบเห็น UFO จำนวน 144 เคส ที่พวกเขาไม่สามารถระบุได้ว่า วัตถุที่พวกเขาพบบนท้องฟ้าคืออะไร

รูปลักษณ์ของวัตถุเหล่านี้มีความแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นทรงแผ่นดิสก์ สามเหลี่ยม ทรงโดม แต่ที่แปลกประหลาดที่สุดเท่าที่มีการพบเห็นกันมาก็คือวัตถุที่มีรูปทรงกระบอกหรือรูปทรงซิการ์ ซึ่งวันนี้เพชรมายาจะพาทุกท่านไปชมเรื่องราวการพบเจอ UFO รูปทรงซิการ์ที่โด่งดังที่สุด 3 เหตุการณ์

1. การพบเห็น UFO ของกองทัพเรือสหรัฐ ในปี 1971

มีรายงานที่ถูกบันทึกในแฟ้มของรัฐบาลสหรัฐ เกี่ยวกับวัตถุรูปทรงซิการ์ที่ถูกพบในเดือนมีนาคมปี 1971 โดยลูกเรือของเรือดำน้ำ USS Trepang SSN 674 ต้องตกตะลึงอย่างมาก เมื่อพวกเขาต้องพบกับวัตถุประหลาดเหนือมหาสมุทรแอตแลนติก นอกชายฝั่งของประเทศไอซ์แลนด์

เจ้าหน้าที่ จอห์น คลิกา เป็นคนแรกที่พบเจอวัตถุดังกล่าวโดยบังเอิญด้วยกล้องปริทรรศน์ของเขา ในระหว่างที่กำลังทำภารกิจทางการทหารและการสำรวจทางวิทยาศาสตร์ในพื้นที่ดังกล่าวอยู่เป็นประจำ

ภาพถ่ายเหล่านี้ถูกถ่ายได้โดยลูกเรือของกองทัพสหรัฐฯ โดยมีทั้งรูปทรงสามเหลี่ยมและรูปทรงซิการ์ และมันไม่เคยถูกนำมาเปิดเผยมาก่อน จนกระทั่งเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา

ส่วนนี่คืออีกภาพที่ถูกถ่ายได้ โดยเป็น UFO รูปทรงซิการ์ คนละชุดกับภาพแรก

และบางภาพเราจะเห็น UFO เหล่านี้ตกลงสู่ผิวน้ำ โดยไม่ทราบว่ามันตั้งใจลงไปเองหรือถูกยิงตกกันแน่

2. การพบเห็น UFO ของกองทัพอากาศอิตาลี ในปี 1979

อีกหนึ่งภาพถ่ายที่ดีที่สุดของ UFO รูปทรงซิการ์ เกิดขึ้นโดยเจ้าหน้าที่อาวุโสของกองทัพอากาศอิตาลี จิอันคาร์โล เชกโคนี เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 1979

หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจลาดตระเวณถ่ายภาพในช่วงเวลาประมาณ 11.30 น. เชกโคนีได้ขับเครื่องบินทิ้งระเบิด Fiat G.91 บินกลับไปยังฐานทัพอากาศ Treviso Istrana ในอิตาลี

ทันใดนั้นเอง เขาได้รับสัญญาณจากหอควบคุมการบินของสนามบินทหารเซนต์แองเจโล เกี่ยวกับวัตถุบินได้ที่ไม่สามารถระบุได้ ที่มีพฤติกรรมแปลก ๆ กำลังบินอยู่ในระดับเพดานบินที่ค่อนข้างต่ำ เหนือเมืองควินโตของอิตาลี

เครื่องบินของของเชกโคนีติดกล้องทั้งหมด 3 ตัว สองตัวอยู่ที่ด้านข้างห้องนักบินและอีกตัวติดตั้งอยู่ที่ด้านบน เชกโคนีบินเข้าไปใกล้วัตถุดังกล่าวในระยะ 80 เมตรและถ่ายภาพเอาไว้ และยิ่งเข้าใกล้วัตถุดังกล่าวมากเท่าไหร่ เขาก็มองเห็นรายละเอียดของมันได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

เชกโคนี ถ่ายภาพเอาไว้ทั้งหมดประมาณ 80 ภาพ เขาอธิบายว่าวัตถุดังกล่าวมีคามสูงประมาณ 8 เมตร และกว้าง 3 เมตร ด้านบนของมันดูแบนราบ ตรงกลางมีโดมโปร่งแสงสีขาวขนาดเล็ก

เจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินของสนามบินเฝ้าดูเหตุการณ์ทั้งหมดผ่านกล้องส่องทางไกล พวกเขาเตือนเชกโคนีเกี่ยวกับร่องรอยสีฟ้าอมน้ำเงินแปลกประลหาดที่วัตถุดังกล่าวปล่อยออกมา เชกโคนีพยายามเข้าใกล้วัตถุเป็นครั้งสุดท้าย แต่มันกลับหายวับไปกับตาราวกับไม่เคยอยู่ตรงนั้นมาก่อน

3. การพบเห็น UFO ในภารกิจ Genimi 4 ของนาซ่า ในปี 1965

ย้อนกลับไปในปี 1965 นักบินอวกาศ เจมส์ แมคดิวิตต์ และ เอ็ด ไวท์ ได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการออกไปเดินทางโคจรรอบโลก 66 รอบ ในระยะเวลา 4 วัน ภายใต้ภารกิจ Gemini 4 ซึ่งถือเป็นภารกิจที่สองของนาซ่า ที่ออกแบบมาเพื่อแสดงให้เห็นว่า มีความเป็นไปได้ที่มนุษย์จะอยู่ในอวกาศเป็นเวลานานได้

ในครั้งนั้น เอ็ด ไวท์ ได้ทำการเดินสำรวจในอวกาศ (Spacewalk) เป็นครั้งแรกนานถึง 20 นาที ทำให้เขากลายเป็นชาวอเมริกันคนแรกที่ทำได้ และถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้นาซ่าเตรียมพร้อมภารกิจสำหรับการลงจอดบนดวงจันทร์ครั้งแรกในปีอีก 4 ปีต่อมา

แต่ดูเหมือนนั่นจะไม่ใช่สิ่งที่ผู้คนจดจำเกี่ยวกับภารกิจ Gemini 4

เพราะในระหว่างภารกิจครั้งนี้ เจมส์ แมคดิวิตต์ ได้ถ่ายภาพของ UFO รูปทรงซิการ์ในวงโคจรระดับต่ำของโลก (Low Earth Orbit) และมันถูกเรียกว่าเป็น “หนึ่งในภาพถ่าย UFO ทีดีที่สุดที่เคยมีมา”

แน่นอนว่านาซ่าคลางแคลงใจเกี่ยวกับภาพถ่ายดังกล่าว มีข้อสันนิษฐานมากมายเกี่ยวกับวัตถุลึกลับชิ้นนี้ มันอาจเป็นบางอย่างที่อยู่บนพื้นโลก หรือแม้แต่ตัวบูสเตอร์ของจรวดที่ส่งเขาขึ้นอวกาศเอง

ในขณะที่แมคดิวิตต์กล่าวว่า “ผมกำลังบินขึ้นไปกับเอ็ด ไวท์ ตอนนั้นเขากำลังหลับอยู่ ดังนั้นผมจึงไม่มีพยานยืนยันเรื่องนี้ เรากำลังลอยอยู่ในอวกาศโดยที่เครื่องยนต์ควบคุมดับลง และเครื่องมืดวัดค่าทั้งหมดถูกปิด”

“จู่ ๆ ก็มีวัตถุหนึ่งปรากฎขึ้นที่หน้าต่าง มันมีรูปร่างที่ชัดเจนมาก เป็นวัตถุรูปทรงกระบอก มีสีขาว มีแขนยาวยื่นออกมาด้านข้าง ผมไม่รู้ว่ามันเป็นวัตถุขนาดเล็กมากที่อยู่ระยะใกล้ อยู่วัตถุขนาดใหญ่ที่อยู่ไกลออกไป”

ซึ่งแมคดิวิตต์ไม่เคยยอมรับว่าวัตถุดังกล่าวเป็นสิ่งที่มาจากนอกโลก

ทั้ง 3 เหตุการณ์นี้ เป็นการพบเจอ UFO ที่น่าสนใจอย่างมาก เนื่องจากวัตถุรูปทรงกระบอกไม่ใช่รูปทรงตามหลักอากาศพลศาสตร์หรือแอโรไดนามิก (Aerodynamic) ที่ดีที่สุด

แม้ว่าเราจะมีจรวดรูปทรงกระบอก แต่ตามหลักแล้วมันต้องมีหัวที่แหลม แต่ UFO ที่ถูกพบเหล่านี้มีรูปทรงกระบอกล้วน ๆ ไม่มีส่วนแหลมแต่อย่างใด

ที่มา: howandwhys | เรียบเรียงโดย เพชรมายา