อ้างอิงข้อมูลจาก whale.org ระบุว่า โดยเฉลี่ยแล้ว อายุขัยของโลมาจมูกขวดที่อาศัยอยู่ในมหาสมุทรตามธรรมชาติจะอยู่ระหว่าง 30 ถึง 50 ปี แต่คุณรู้หรือไม่ว่าโลมาที่อาศัยภายใต้การเลี้ยงดูของมนุษย์มากกว่า 1 ปีขึ้นไปจะมีอายุขัยที่ลดลงอย่างน้อย 2 เท่า หรือมีอายุเฉลี่ยราว 12 ปี 9 เดือนเท่านั้น ถ้าคุณจับโลมาจากธรรมชาติมาเลี้ยงเอาไว้ พวกมันก็จะมีอายุขัยมากกว่าโลมาที่เกิดในบ่อที่คุณเลี้ยง และมีโลมาจมูกขวดในบ่อเลี้ยงถึง 52.26% ที่เกิดมาแล้วไม่รอดเกิด 1 ปี นี่เป็นแค่เรื่องน่าเศร้าเบื้องต้นที่คุณยังไม่รู้เกี่ยวกับโลมา
วันนี้เพชรมายาจึงขอพาทุกท่านมาเรียนรู้ความจริงเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเชื่อผิดๆ ที่คุณคิดว่าโลมาที่ออกมาแสดงมันเป็นเรื่องสนุกสนาน แต่แท้จริงแล้วพวกมันมีเบื้องหลังที่น่าเศร้ากว่าที่คุณคิด
ความเชื่อที่ 1: โลมาดูยิ้มแย้มเพราะพวกมันมีความสุข
ความเข้าใจผิดส่วนใหญ่เกี่ยวกับโลมาจมูกขวดที่เราเห็นกันบ่อยๆ ในโชว์ก็คือ พวกมันดูเหมือนจะ “ยิ้ม” ได้ แต่จริงๆ แล้วไม่มีอะไรมากไปกว่าสรีระของขากรรไกรโลมาที่สร้างภาพลวงตาให้เราเห็นว่าพวกมันกำลังยิ้มอยู่ ในความเป็นจริงโลมาไม่ได้ชอบสร้างความบันเทิงให้กับผู้คน ใบหน้าของพวกมันดูยิ้มแย้มตลอดเวลาไม่ว่าจะมีความสุขหรือมีความทุกข์
ความเชื่อที่ 2: โลมาเป็นมิตรและพวกมันกระพริบตาเพราะกำลังมีความสุข
มีสารเคมีหลายชนิดที่แตกต่างกันถูกใช้ฆ่าเชื้อโรคในสระน้ำ และส่วนใหญ่ก็คือคลอรีน ซึ่งเป็นสารเคมีที่ทำปฏิกิริยากับอุจจาระของสัตว์ และเปลี่ยนมันให้กลายเป็นพิษ ซึ่งนำไปสู่โรคภัยต่างๆ จนทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของพวกมันอ่อนแอลง
หากความเข้มข้นของคลอรีนในน้ำสูงเกินไป ก็สามารถทำให้ดวงตาของโลมาแสบไหม้ และอาจรุนแรงไปจนทำให้พวกมันตาบอด นี่คือสาเหตุที่โลมามักจะปิดตาว่ายน้ำอยู่เสมอ มันดูเหมือนว่าพวกมันกระพริบตาปริบๆ และดูมีความสุข แต่ในทางกลับกันถ้าเกิดจำนวนสารเคมีที่กำจัดแบคทีเรียในน้ำมีน้อยเกินไป ก็อาจส่งผลให้โลมาเหล่านี้เป็นแผลที่ผิวหนังได้
ความเชื่อที่ 3: โลมารักสงบและไม่ก้าวร้าว
หลายคนอาจรู้มาว่า โลมาจะใช้คลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูงในการค้นหาเส้นทางและเหยื่อ แต่การที่โลมาอาศัยอยู่ในสระน้ำเล็กๆ การปล่อยคลื่นเสียงจะมีผลอย่างรุนแรงต่อสภาพจิตใจของโลมา โดยเฉพาะถ้ามีการเปิดดนตรีเสียงดัง มีเสียงผู้ชมตะโกน โห่ร้อง มีเสียงปรบมือ และอย่างที่ทราบกันดีว่าการถูกคุมขังก็เป็นส่วนที่ทำให้สัตว์เครียดอยู่แล้ว
โลมาเป็นสัตว์ป่าและพฤติกรรมของพวกมันก็ไม่สามารถคาดเดาได้ ไม่ใช่แค่ผู้ฝึกสอนเท่านั้นที่เสี่ยงอันตราย แต่รวมไปถึงผู้ชมอีกด้วย นี่จึงเป็นเหตุผลที่มีโชว์โลมาจำนวนมากใช้การวางยาเพื่อให้โลมาเหล่านี้สงบ
ความเชื่อที่ 4: โลมาชอบว่ายน้ำในสระใหญ่ๆ
โลที่อาศัยอยู่ในธรรมชาติจะว่ายน้ำมากถึง 160 กิโลเมตรต่อวันรวมถึงการดำน้ำลึก แต่ไม่ว่าสระน้ำที่มีจะใหญ่แค่ไหน โลมาเหล่านี้ก็ไม่สามารถว่ายน้ำได้เกินกว่า 1% ของการว่ายน้ำตามธรรมชาติ สัตว์ที่ฉลาดและมีความอยากรู้อยากเห็นเช่นนี้ จะไม่สามารถใช้สมองได้อย่างเต็มที่หากอยู่เพียงแค่พื้นที่แคบๆ
สุดท้าย ผลลัพธ์ของการบีบบังคับให้โลมาต้องว่ายน้ำอยู่ในสระเป็นวงกลม ก็ทำให้เกิดพฤติกรรมที่ผิดปกติ การเคลื่อนไหวแบบเดิมๆ ซ้ำๆ จะนำไปสู่ปัญหาทางด้านจิตใจของโลมาหลากหลายรูปแบบ อย่างเช่นการทำร้ายตัวเอง
ความเชื่อที่ 5: โลมาเป็นสัตว์ที่ฉลาด มันจึงถูกฝึกให้แสดงโชว์ได้ง่าย
การผลการศึกษาทางวิทยาศาสตร์มาอย่างยาวนานได้พิสูจน์แล้วว่า สมองของโลมามีความซับซ้อนมาก พวกมันรู้จักตัวเองและมีความสามารถทางปัญญาที่น่าทึ่ง ความเชื่อที่ว่าโลมาเป็นสัตว์ฉลาดจึงเป็นความเชื่อที่ไม่ผิดแต่อย่างใด
แต่ความฉลาดของโลมาไม่ได้เป็นส่วนที่ทำให้พวกมันสามารถแสดงโชว์ในแบบต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย จริงๆ แล้วพวกมันก็แค่ถูกจูงใจด้วย “อาหาร” แค่นั้น ตามปกติแล้วโลมาจะถูกแบ่งมื้ออาหารออกเป็นหลายมื้อหลายส่วน ขึ้นอยู่กับจำนวนช่วงเวลาซ้อมและเวลาโชว์ ซึ่งพวกมันจะรู้ว่าถ้าไม่ทำตามคำสั่งก็จะต้องหิว นอกจากนั้นอาหารที่โลมาได้กินก็มักจะมีคุณภาพแย่ อย่างเช่นปลาแช่แข็งที่ไม่ใช่สิ่งปกติที่พวกมันได้กินตามธรรมชาติ
ความเชื่อที่ 6: โลมารู้สึกเหมือนอยู่บ้าน เวลาอยู่ในบ่อเลี้ยง
พฤติกรรมตามธรรมชาติของโลมา พวกมันจะอาศัยอยู่เป็นกลุ่มใหญ่และใช้เวลาส่วนมากไปกับการอยู่ร่วมกันเป็นสังคม เมื่อคุณบังคับให้โลมาอาศัยอยู่ในที่แคบกับสัตว์อื่น มันก็ไม่แตกต่างจากการขังคุณให้อยู่ในห้องเล็กๆ กับคนที่คุณไม่รู้จัก ความเครียดที่เกิดจากความเหงาจะทำให้โลมาสติแตกได้
ริชาร์ด โอแบร์รี อดีตผู้ฝึกสอนโลมาที่เคยเป็นผู้เตรียมโลมาโชว์ในรายการทีวีอย่าง Flipper ได้คิดทบทวนเกี่ยวกับการขังโลมาไว้ในบ่อ หลังจากที่เกิดเหตุการณ์โลมาที่เขาดูแลตัวหนึ่งต้องเสียชีวิตจากความเครียด และนั่นทำให้เขาตัดสินใจเลิกที่เป็นผู้ฝึกสอนโลมา และหันกลับมาปกป้องสัตว์ที่ถูกฝึกเหล่านี้
ความเชื่อที่ 7: การไปเที่ยวชมโลมา คือการเรียนรู้ชีวิตโลมาในธรรมชาติ
อย่างที่บอกไปแล้วว่า แม้แต่สระน้ำที่ใหญ่ที่สุดก็ยังไม่สามารถทดแทนการใช้ชีวิตตามธรรมชาติได้ สัตว์ใดก็ตามที่ถูกจับมาขังในพื้นที่แคบๆ ก็ย่อมเกิดความเครียด ทุกครั้งที่มีการย้ายไปสู่สถานที่ใหม่ โลมาอาจจะต้องใช้เวลา 5-8 วันในถังแคบๆ ที่มืดมิดขนาดเล็กที่ใหญ่กว่าตัวมันไม่เท่าไหร่ ซึ่งภายในถังจะมีโลมาอยู่ในนั้น 2-3 ตัว
อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ ความเสี่ยงที่ผู้คนที่ใกล้ชิดโลมาจะติดเชื้อแบคทีเรียจาการสัมผัสโลมา การเข้าไปถ่ายภาพใกล้ๆ หรือแม้แต่โดนน้ำสาดกระเซ็น ซึ่งแน่นอนว่าความสะอาดในบ่อน้ำเหล่านี้มันเทียบไม่ได้เลยกับน้ำในสระว่ายน้ำทั่วไป
ความเชื่อที่ 8: โลมาคือนักบำบัดตัวจริง
มีศูนย์ฝึกโลมาจำนวนไม่น้อยที่เปิดคอร์ส “โลมาบำบัด” ซึ่งเป็นอีกทางเลือกของการบำบัดด้วยสัตว์ ที่จะช่วยเยียวยาเด็กๆ ที่อาจมีปัญหาเรื่องสมาธิสั้น หรือผู้ใหญ่ที่เป็นโรควิตกกังวล ซึมเศร้า หรือแม้แต่อัลไซเมอร์ มีการศึกษาที่อ้างว่าโลมาจะสามารถเป็นนักบำบัดที่ช่วยเหลือผู้คนที่ปวยได้ แต่ในความเป็นจริงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแค่ระยะสั้นเท่านั้น เหมือนกับการกิน “ยาหลอก” เนื่องจากผู้คนส่วนใหญ่มักตื่นเต้นเวลาที่ได้ไปเจออะไรที่แปลกไป พวกเขาได้รับความสนใจ มีแต่คนยิ้มให้ และนั่นทำให้พวกเขามีความสุข แต่มันไม่ได้ผลในระยะยาว
มีสารคดีหลายเรื่องที่เปิดเผยความลับของธุรกิจนี้ ตัวอย่างเช่น The Cove ที่ได้รับรางวัลออสการ์ รวมถึงการที่ทุกคนถูกเป่าหูว่า ถ้าเกิดเราปล่อยสัตว์พวกนี้กลับสู่ทะเล พวกมันก็จะไม่รอด และธุรกิจเหล่านี้ก็จะดำเนินได้ต่อไป
หลังจากคุณอ่านบทความนี้จบแล้ว คุณอาจต้องคิดใหม่อีกรอบหากจะไปชมโชว์โลมาที่ดูน่าสนุกสนาน เพราะอย่างที่กล่าวมาทั้งหมด โลมาเหล่านี้อาจไม่ได้มีความสุขแม้แต่น้อยเลยก็ได้ ที่ต้องออกมาแสดงให้คนดูยิ้มแย้มกันแบบนี้
ที่มา : brightside | เรียบเรียงโดย เพชรมายา
สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ