9 ความเชื่อที่ผู้คนเคยคิดว่าเป็นเรื่องจริง แต่มันคือการเข้าใจผิดโดยสิ้นเชิง

มีความเชื่อมากมายที่เกิดขึ้นมาอย่างยาวนาน และมันกลายเป็นเรื่องแพร่หลายหลังจากการเกิดขึ้นของโลกอินเทอร์เน็ต ในขณะที่บางเรื่องที่เราเคยเชื่อว่ามันเป็นจริง แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นเรื่องเข้าใจผิดโดยสิ้นเชิง และวันนี้เพชรมายาจะหยิบบางเรื่องราวมานำเสนอให้คุณได้ชมกัน

1. ชาลส์ ดาร์วิน กล่าวว่า มนุษย์มาจากลิง

ในความเป็นจริงแล้ว ดาร์วินไม่เคยกล่าวถึงข้อเท็จจริงที่ว่ามนุษย์มาจากลิงโดยตรง ในผลงานของเขาที่ชื่อว่า On the Origin of Species ดาร์วินพูดแค่เพียงว่า ลิง เอป (Ape – ลิงไม่มีหาง), และมนุษย์ ต้องมีบรรพบุรุษร่วมกัน เพราะมีความคล้ายคลึงกันอย่างมากเมื่อเทียบกับสายพันธุ์อื่น ๆ

2. ฉลามไม่เป็นมะเร็ง กินฉลามแล้วรักษามะเร็งได้

มีความเชื่อผิด ๆ ที่แพร่หลายกันมาอย่างยาวนานว่า ฉลามไม่เคยเป็นมะเร็ง ซึ่งจริง ๆ แล้วมันมาจากผู้ค้ากระดูกอ่อนของฉลามเป็นคนสร้างความเชื่อผิด ๆ นี้ให้เกิดขึ้น ถึงแม้ว่านักวิทยาศาสตร์จะทราบว่าฉลามเป็นมะเร็งได้มานานกว่า 150 ปีแล้วก็ตาม

นอกจากนั้นยังมีความเชื่อเรื่องการกินฉลามจะช่วยรักษามะเร็งได้ ซึ่งนักวิจัยคนหนึ่งได้เผยว่า “ฉลามเป็นมะเร็งได้ และถึงแม้ว่าฉลามจะไม่เป็นมะเร็ง แต่การกินอาหารที่เกี่ยวกับฉลามก็ไม่ช่วยรักษามะเร็งได้ ไม่ต่างจากการที่ผมกิน ไมเคิล จอร์แดน แล้วจะทำให้ผมเล่นบาสเก็ตบอลเก่งขึ้น”

3. วอลต์ ดิสนีย์ เป็นคนสร้างตัวละคร มิกกี้ เมาส์

จริง ๆ แล้ว วอลต์ ดิสนีย์ ไม่ใช่คนที่คิดค้นตัวละคร มิกกี้ เมาส์ แต่เป็นผลงานของ อับ ไอเวิกส์ เพื่อนสนิทของเขาที่ทำแอนิเมชันร่วมกันมาตั้งแต่ยุคบุกเบิก เพียงแต่ว่าเขาแทบจะไม่ได้เครดิตจากตัวละครที่เขาวาดขึ้นเลย

ไอเวิกส์ ได้สร้าง มิกกี เมาส์ ขึ้นมาในปี 1928 หลังจากที่ทางดิสนีย์สูญเสียลิขสิทธิ์ Oswald the Lucky Rabbit ไปให้กับทางยูนิเวอร์แซล จนกระทั่งมิกกีเมาส์เริ่มเปิดตัวและโด่งดังเป็นพลุแตก ในขณะที่สตูดิโอวอลต์ ดิสนีย์ ก็ยิ่งใหญ่มากขึ้นเรื่อย ๆ และขยับขยายเรื่องราวที่เกี่ยวกับมิกกี้ เมาส์ ออกไป รวมถึงการอ้างว่าตัวเขาเป็นคนคิดค้นตัวละครนี้ขึ้นมาเอง และนั่นทำให้ไอเวิกส์ตัดสินใจลาออกจากสตูดิโอเพื่อไปทำงานของตัวเอง

จนกระทั่งในปี 1940 ไอเวิกส์ได้กลับมาร่วมงานกับดิสนีย์และฟื้นคืนมิตรภาพของพวกเขากลับมาอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีใครต่างพูดถึงเจ้าของเครดิตตัวจริงของมิกกี้ เมาส์ อีกแล้ว

4. ภูเขาไฟยักษ์ในอุทยานเยลโลสโตน ถึงกำหนดเวลาปะทุแล้ว

จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ภูเขาไฟยักษ์ที่อยู่ใต้อุทยานเยลโลสโตนเคยปะทุใหญ่มาแล้ว 3 ครั้งคือเมื่อประมาณ 2,08,000 ล้านปีก่อน 1,300,000 ล้านปีก่อน และ 631,000 ล้านปีก่อน นั่นหมายถึงว่ามันจะมีเวลาปะทุที่ห่างทุก ๆ 725,000 ปี โดยประมาณ และเราจะยังมีเวลาเหลืออีก 100,000 ปี นับจากนี้

5. กำแพงเมืองจีนมองเห็นได้จากอวกาศ

มีความเชื่อกันในหมู่ชาวจีนว่า กำแพงเมืองจีนคือวัตถุที่มนุษย์สร้างขึ้นเพียงชิ้นเดียวที่สามารถมองเห็นได้จากอวกาศ ถึงขนาดถูกบรรจุเป็นคำสอนอยู่ในหนังสือเรียน แต่นาซ่าได้ออกมายืนยันว่ามันไม่เป็นความจริงเลย เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่คุณจะมองเห็นสิ่งที่มีความกว้างแค่ 5 เมตรจากอวกาศ ถึงแม้ว่ามันจะยาวแค่ไหนก็ตาม

ในปี 2003 นักบินอวกาศชาวจีนที่ชื่อว่า Yang Liwei ได้ออกไปปฏิบัติงานและกลับมาพร้อมกับคำตอบที่ว่า กำแพงจีนไม่สามารถมองเห็นได้จากอวกาศ นี่กลายเป็นข้อถกเถียงกันมากมายในจีน แต่บทเรียนของพวกเขาก็ไม่เคยเปลี่ยน และมักจะอ้างว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องจริง

6. สมองซีกซ้ายรับผิดชอบเรื่องตรรกะและการคิดวิเคราะห์ สมองซีกขวารับผิดชอบเรื่องความสร้างสรรค์

แท้จริงแล้วสมองไม่ได้ทำงานแยกกันโดยสิ้นเชิงอย่างที่คุณเข้าใจ งานวิจัยล่าสุดได้ทำลายความเชื่อนี้ไปหมดแล้วเรียบร้อย โดยนักวิทยาศาสตร์ได้วิเคราะห์การทำงานของสมองของคนจำนวน 1,011 คน โดยมีอายุระหว่าง 7-29 ปี และพวกเขาไม่พบสัญญาณของการใช้สมองซีกใดซีกหนึ่งเพื่อการสร้างสรรค์หรือคิดวิเคราะห์แต่อย่างใด

7. พื้นที่ส่วนต่าง ๆ ของลิ้น ทำหน้าที่รับรสชาติที่แตกต่างกัน

บนลิ้นของคุณจะมีปุ่มมรับรสเล็ก ๆ จำนวนมากที่คอยรับรสชาติ แต่มีความเชื่อที่ว่าพื้นที่ส่วนต่าง ๆ บนลิ้นของคุณจะมีปุ่มรับรสชาติที่แตกต่างกันไป เช่น รสหวานอยู่ปลายลิ้น รสขมอยู่โคนลิ้น รสเปรี้ยวอยู่ข้างลิ้นด้านใน และรสเค็มอยู่ข้างลิ้นด้านนอก ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว แต่ละพื้นที่บนลิ้นของคุณไม่มีความแตกต่างในการรับรสชาติใด ๆ เป็นพิเศษ

8. ฟ้าไม่ผ่าซ้ำที่เดิม 2 ครั้ง

ฟ้าผ่าสามารถลงมายังตำแหน่งเดิมได้มากกว่า 2 ครั้ง ตึกเอ็มไพร์สเตทโดยฟ้าผ่าเฉลี่ย 25 ครั้งต่อปี โดยที่มันตั้งอยู่ที่เดิมตลอดเวลาไม่ได้ไปไหน

9. การใช้สมองส่วนกลางมองเห็นแทนตา

powermind camp

ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อนในประเทศไทยบ้านเรา มีโรงเรียนพิเศษที่เปิดรับสอนเด็กอายุระหว่าง 6-12 ปี ที่ชื่อว่า Power Mind Camp โดยพวกเขาอ้างว่าสามารถสอนให้เด็ก ๆ พัฒนาทักษะในการใช้สมองส่วนกลาง ที่จะทำให้เด็ก ๆ มีสมาธิขึ้น รวมถึงมีความสามารถพิเศษโดยเฉพาะการปิดตาทำสิ่งต่าง ๆ ได้ โดยมีภาพโปรโมตคือการที่เด็ก ๆ ปิดตาขี่จักรยาน อ่านหนังสือ ระบายสี และกิจกรรมอีกหลาย ๆ อย่างที่น่าเหลือเชื่อ

แต่หลังจากที่โรงเรียนโด่งดังไปออกรายการมากมาย การพิสูจน์ก็ได้เริ่มต้นขึ้นและนำไปสู่การจับได้ว่าทั้งหมดเป็นเพียงแค่การหลอกลวงเท่านั้น แท้จริงแล้วเด็ก ๆ ก็แค่มองลอดผ้าที่ปิดตาเอาไว้นั่นเอง

ที่มา : boredpanda | เรียบเรียงโดย เพชรมายา

สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ