ชีวิตของ ออตโต วอร์มเบียร์ ควรจะดีกว่านี้มาก หากเขาไม่คิดทำอะไรแผลง ๆ ในประเทศที่ได้ชื่อว่าป่าเถื่อนที่สุดในโลก
ออตโต วอร์มเบียร์ คือนักศึกษาชาวอเมริกันที่มีกำหนดจะเข้าร่วมโครงการศึกษาต่อในฮ่องกงช่วงต้นปี 2016
แต่ในตอนนั้นเอง เขาตัดสินใจเดินทางไปทริปท่องเที่ยวเกาหลีเหนือเป็นเวลา 5 วัน ร่วมกับคณะทัวร์ชาวต่างชาติ และการตัดสินใจครั้งนั้นได้เปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล
หลังค่ำคืนของการเฉลิมฉลองปีใหม่ด้วยการเดินเล่นรอบ ๆ จัตุรัสคิม อิล-ซ็อง เขาและนักท่องเที่ยวคนอื่น ๆ ได้กลับมายังโรงแรมนานาชาติยังกักโด เวลาประมาณตีสอง
จะด้วยความคิดพิเรนหรือความบ้าบิ่นก็ไม่อาจรู้ได้ ออตโตตัดสินใจเข้าไปยังพื้นที่เฉพาะพนักงาน เขาปลดโปสเตอร์โฆษณาชวนเชื่อของเกาหลีเหนือที่ติดอยู่บนกำแพงลงมาที่พื้น
ออตโตสารภาพภายหลังว่า เขาคิดจะขโมยมัน แต่หลังจากพบว่ามันใหญ่เกินไป เขาก็ทิ้งมันไว้ตรงนั้นแล้วก็จากไปโดยไม่คิดอะไรอีก
แต่การกระทำทั้งหมดของเขาถูกจับได้ผ่านกล้องวงจรปิด หลังพนักงานพบโปสเตอร์ถูกนำลงมาวางบนพื้นอย่างจงใจ ถึงแม้ว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขาในช่วงไม่กี่วันหลังจากนั้น แต่สุดท้ายเมื่อออตโตเดินทางไปยังสนามบิน เขาก็ถูกจับกุมทันที
นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษรายหนึ่งเล่าว่า “เจ้าหน้าที่สองคนเข้าแตะไหล่ออตโตแล้วก็พาเขาออกไป ผมพูดทีเล่นทีจริงว่า ‘นี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะเห็นคุณ’ ออตโตก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร เขาดูไม่กลัวเลย เหมือนจะยิ้มด้วยซ้ำ”
เมื่อเครื่องบินกำลังจะออกเดินทาง เจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือรายหนึ่งก็ขึ้นมาบนเครื่องบินและประกาศว่า ออตโตป่วยและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว
ต่อมา สำนักข่าวกลางเกาหลี (KCNA) ของเกาหลีเหนือได้ประกาศว่า ออตโต วอร์มเบียร์ ถูกจับกุมในข้อหา “กระทำการอันเป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐ” แต่ไม่ได้มีการระบุว่าเขาทำอะไร
จนกระทั่ง 6 สัปดาห์ให้หลัง วิดีโอที่เผยแพร่คำสารภาพของออตโตก็ถูกปล่อยออกมา…
เขาสารภาพว่า “ก่ออาชญากรรมต่อเกาหลีเหนือ” และถูกตัดสินจำคุกโดยให้ไปใช้แรงงานหนัก 15 ปี พร้อมกับฟูมฟายขอให้ทางรัฐบาลเกาหลีเหนือยกโทษให้เขาด้วย
ใช่ครับ 15 ปี โทษนี้หนักหนาเกินกว่าที่จะจินตนาการได้
เนื่องจากโปสเตอร์ที่เขาพยายามนำกลับบ้านไม่ใช่โปสเตอร์ธรรมดา มันคือโปสเตอร์โฆษณาชวนเชื่อที่มีข้อความขียนเอาไว้ว่า “จงจับอาวุธให้มั่นพร้อมใจรักชาติของคิม จ็อง-อิล!”
และความซวยก็คือ การโจรกรรมหรือทำลายสิ่งของที่มีชื่อหรือรูปของผู้นำเกาหลีเหนือ ถือเป็นอาชญากรรมที่ร้ายแรงมาก
แต่ความเลวร้ายของเรื่องนี้มันเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น
ตลอดเวลาที่ออตโตถูกคุมขัง ทางพ่อแม่ของเขาได้พยายามต่อสู้ดิ้นรนด้วยการกดดันรัฐบาลสหรัฐฯ ให้ใช้การเจรจาทางการทูตเพื่อช่วยลูกชายของพวกเขากลับมา แต่ทุกอย่างก็ไร้ผล
ซึ่งไม่มีใครทราบชะตากรรมชีวิตในค่ายแรงงานของเขาอีกเลย…
เมื่อถึงจุดหนึ่ง ได้มีข่าวหลุดออกมาว่า ออตโตป่วยหนักจากอาการอาหารเป็นพิษและอยู่ในภาวะโคม่า
หลังจาก 17 เดือนผ่านไป ทางเกาหลีเหนือก็ส่ง ออตโต วอร์มเบียร์ กลับมายังอเมริกาในสภาพผัก ร่างกายของเขายังหายใจได้แต่ไม่สามารถรับรู้สภาพแวดล้อมรอบกายได้อีกต่อไป
หลังจากนั้นก็เป็นไปอย่างที่ทุกคนคาดครับ ออตโต วอร์มเบียร์ ไม่อาจกลับมาใช้ชีวิตยังบ้านเกิดของเขาได้อีกครั้ง และจากโลกนี้ไปด้วยวัยเพียง 22 ปีเท่านั้น
กรณีของ ออตโต วอร์มเบียร์ ได้สร้างความสะเทือนใจให้กับชาวอเมริกันอย่างมาก โดยกล่าวหาทางเกาหลีเหนือว่านี่เป็นอาชญากรรมร้ายแรงระหว่างประเทศ
ในขณะที่ทางเกาหลีเหนือก็สวนกลับว่า พวกเขาไม่มีความจำเป็นต้องดูแลอาชญากรที่เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐด้วยซ้ำ แต่ก็ยังให้การดูแลรักษาอย่างมีมนุษยธรรม จนกระทั่งส่งตัวเขากลับอเมริกา
จริง ๆ แล้ว เรื่องราวของ ออตโต วอร์มเบียร์ ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกมากมาย ถ้านำมาเล่าหมดก็เกรงว่าจะยาวเกินไป แต่ผมหวังว่าเรื่องนี้จะสามารถให้ข้อคิดกับเราได้ในหลาย ๆ แง่มุมไม่มากก็น้อย