ความเชื่อผิดๆ เหล่านี้ ที่คุณยังเข้าใจมันผิดมาตลอดชีวิตจนกระทั่งวันนี้

ความเชื่อ เป็นสิ่งที่ถูกสั่งสอนกันมาแบบผิดๆ เนื่องจากในสมัยก่อนตอนที่วิทยาศาสตร์ยังไม่เจริญ มนุษย์เราก็อาศัยการเรียนรู้ บอกต่อ รวมถึงประสบการณ์ที่ตนเองได้สัมผัส บางครั้งก็เป็นเรื่องจริง แต่บางครั้งก็เป็นการคิดไปเอง แต่หลังจากที่โลกของวิทยาศาสตร์ได้เจริญมากขึ้น ก็ทำให้เราได้เห็นว่า มีความเชื่อหลลายอย่างบนโลกใบนีัที่เราเข้าใจกันมาผิดๆ ตลอดชีวิต ส่วนจะมีเรื่องอะไรบ้าง วันนี้เพชรมายาขอรวบรวมให้ทุกท่านมาได้อ่านกัน

1. กล้วยโตบนต้นไม้

ต้นกล้วยที่เราเห็นๆ กัน อาจดูเหมือนต้นไม้ แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ต้นไม้ ทุกส่วนเหนือพื้นดินของกล้วยเติบโตขึ้นมาจากส่วนที่เรียกว่า “หัว” หรือ “เหง้า” จนขึ้นมาสูงใหญ่จนทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นต้นไม้ (Tree) ซึ่งแท้จริงแล้วส่วนที่คล้ายกับลำต้นคือ “ลำต้นเทียม” และมันถูกจัดอยู่ในประเภท “เฮิร์บ” (Herb) นั่นเอง

2. การโกนทำให้ขนหนาขึ้น

นี่คือความเชื่อผิดๆ เพราะไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุนว่า การโกนขนส่งผลต่อหนาของเส้นขนที่เกิดใหม่ รวมถึงส่งผลต่อความเร็วในการขึ้นใหม่อีกด้วย ส่วนความหนาที่เราคิดเอาเอง เกิดจากขนที่ขึ้นมาใหม่จากส่วนราก มีลักษณะหนากว่าส่วนปลายผมแต่เดิมอยู่แล้ว และเมื่อการใช้มีดโกนขน จะทำให้เกิดเหลี่ยมมุมของปลายผมที่เกิดใหม่ จนเรารู้สึกว่ามันคม มันหนาขึ้นกว่าเดิม

3. ฉี่ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดจากพิษแมงกระพรุน

เป็นความเชื่อของใครหลายคนที่ที่บอกต่อกันมาว่า ถ้าหากโดนพิษแมงกระพรุนให้ฉี่รดไปบนบาดแผล แต่ในความเป็นจริงการทำลักษณะนี้จะทำให้เกิดผลที่แย่ลงไปอีก วิธีที่ง่ายที่สุดคือการล้างพิษด้วยน้ำทะเล หรือถ้ามีน้ำส้มสายชูอย่างอ่อน หรือแอลกอฮอล์ล้างแผลก็จะดีกว่า ส่วนอีกหนึ่งสิ่งที่ห้ามเด็ดขาดก็คือการใช้น้ำจืดล้างแผล

4. การหักนิ้วส่งผลเสีย

มีความเชื่อต่อๆ กันมาว่า การหักข้อจะส่งผลเสียต่อข้อของเรา เช่นทำให้ข้อแตกข้อใหญ่ จนลุกลามไปถึงข้อเสื่อม แต่ในความเป็นจริงการหักข้อไม่ได้สัมพันธ์กับสิ่งที่กล่าวมาแม้แต่น้อย โดยเสียงกร๊อบแกร๊บที่เราได้ยินเกิดจากของเหลวที่หล่อลื่นระหว่างกระดูกกลายเป็นฟองอากาศที่แตกออกนั่นเอง

5. ผมและเล็บยังยาวขึ้นหลังเราตาย

คุณอาจเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับเกจิอาจารย์ดังหรือใครบางคนที่เสียชีวิตแล้ว ผมและเล็บยังงอกยาวขึ้นได้ ซึ่งแท้จริงแล้วปรากฏการณ์นี้เกิดจากการที่ผิวหนังหดตัวเนื่องจากการคายน้ำ แต่การที่ผมหรือเล็บจะยาวขึ้นได้จะต้องมีการสร้างเซลล์ใหม่ขึ้น แต่ถ้าเสียชีวิตไปแล้วร่างกายจะไม่มีการสร้างเซลล์ใหม่ใดๆ ทั้งสิ้น

6. น้ำตาลทำให้เด็กไฮเปอร์

พ่อแม่หลายคนอาจมีความเชื่อที่ว่า การให้ลูกกินของหวานๆ ที่มีส่วนประกอบของน้ำตาล จะทำให้เด็กไฮเปอร์ คึกคักเกินเหตุ แต่ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ได้ว่า น้ำตาลมีผลต่อพฤติกรรมของเด็กแต่อย่างใด ความเชื่อนี้น่าจะเกิดจากความคาดหวังของพ่อแม่ที่มีความเชื่อนี้ตั้งธงเอาไว้ในใจอยู่แล้ว

7. สุนัขและแมวมองเห็นเป็นขาวดำ

นี่เป็นเรื่องที่ถูกถกเถียงกันมานานกว่า 50 ปีแล้ว แต่มันก็ไม่ใช่ความจริงแต่อย่างใด ถึงแม้ว่าการมองเห็นของสุนัขและแมวจะแตกต่างจากคนอยู่พอสมควร แต่สุนัขและแมวก็ยังมองเห็นโลกเป็นสีสันเหมือนมนุษย์อยู่ดี เพียงแต่การรับรู้สีของพวกมันจะดีไม่เท่ากับมนุษย์นั่นเอง

8. ปลาทองมีความจำแค่ 3 วินาที

ดูเหมือนนี่จะเป็นความเชื่อที่ทำให้ปลาทองดูมีสมองน้อยกว่าสัตว์ชนิดอื่นๆ ไปเลยทีเดียว แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผลจากการวิจัยพบว่า ปลาทองสามารถจดจำข้อมูลต่างๆได้นานถึง 1 ปี และยังมีคนเลี้ยงปลาทองที่สามารถฝึกให้มันทำตามคำสั่งได้อีกด้วย

9. สีแดงทำให้กระทิงโกรธ

คุณอาจเคยได้ยินผู้ใหญ่บอกว่า อย่าใส่เสื้อสีแดงเดินผ่านหน้าวัวหรือควาย เพราะเดี๋ยวจะโดนไล่ขวิดเอา แต่จริงๆ แล้วสัตว์จำพวกวัวกระทิง ถือเป็นหนึ่งในสัตว์ที่มีสายตาแย่ที่สุด ทาง Mythbusters ได้เคยทดสอบทฤษฎีนี้แล้วว่า พวกกระทิงไม่ได้ตอบสนองกับธงสีสันต่างๆ เมื่อมันหยุดนิ่ง แต่เมื่อไหร่ที่มันโบกสบัด กระทิงเหล่านั้นจะมีปฏิกิริยาทันที

10. การดูทีวีใกล้ๆ จะทำอันตรายต่อสายตา

เด็กๆ ทุกคนในสมัยก่อนคงเคยถูกพ่อแม่เตือนมาแบบนี้ ในขณะที่ความเป็นจริง ไม่มีการพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนว่า การดูทีวีในระยะใกล้ๆ ส่งผลเสียต่อสายตาในแบบถาวร เพียงแต่ส่วนใหญ่แล้วมันจะส่งผลให้คุณปวดตา ปวดศีรษะ แต่ไม่ได้ส่งผลให้คุณสายตาเสียสายตาสั้นแต่อย่างใด

11. แบล็คโฮลหรือหลุมดำกลืนกินทุกสิ่งอย่าง

ถ้าพูดถึงหลุมดำ ทุกคนก็มีความเชื่อว่ามันจะดึงดูดทุกอย่างเข้าไปในตัวมัน มันสามารถดูดได้แม้กระทั่งดวงดาวหรือกาแล็กซี่เข้าไปสู่ความว่างเปล่า หรือแม้กระทั่งแสงยังไม่สามารถออกมาจากหลุมดำได้ แต่ในความเป็นจริง ยังมี “วัตถุที่โคจรรอบหลุมดำ” อยู่ด้วย โดยที่ไม่ถูกทำลาย

12. การว่ายน้ำหลังจากกินอิ่มจะทำให้เป็นตะคริว

พ่อแม่หลายคนมักบอกลูกว่า กินอิ่มๆ อย่าเพิ่งลงไปเล่นน้ำ เพราะเดี๋ยวจะเป็นตะคริว ความเชื่อนี้ก็ไม่เป็นความจริง ตะคริวไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกินอาหารแม้แต่น้อย การกินอิ่มแล้วเล่นน้ำไม่ทำให้คุณเป็นตะคริว แต่ถ้าคุณกินอิ่มมากๆ แล้วมาเล่นน้ำหนักๆ มันก็คล้ายกับคุณกินอิ่มแล้วมาออกกำลังกาย จะทำให้เกิดอาการแน่น จุก ได้

13. เรามีประสาทสัมผัสแค่ 5 ส่วน

เราถูกสอนมาเสมอว่า ประสาทสัมผัสของเรามีแค่ 5 ส่วนได้แก่ การมองเห็น ได้ยิน ดมกลิ่น ลิ้มรส และสัมผัส แต่อ้างอิงจากนักวิทยาศาสตร์แล้ว ในทางเทคนิค มนุษย์เรามีประสาทสัมผัสมากถึง 20 ส่วน รวมถึง ความดัน ความสมดุล ความหิว ความเจ็บปวด และอื่นๆ อีกมากมาย

14. เราจะเป็นหวัดเมื่ออาการเย็น

เรามักถูกบอกให้แต่งกายให้อุ่บอุ่นเวลาที่เจออากาศหนาว เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นหวัด แต่จริงๆ แล้วไข้หวัดเกิดจากเชื้อไวรัส ดังนั้นอากาศเย็นไม่ใช่สาเหตุของการเป็นหวัด เพียงแต่ไวรัสมักเติบโตและแพร่กระจายได้ดีในอากาศเย็นเท่านั้น

15. เราใช้สมองเพียงแค่ 10% เท่านั้น

นี่เป็นความเข้าใจผิดๆ จนถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์อย่าง Lucy, Limitless และ Inception ซึ่งในความเป็นจริง สมองของมนุษย์ถูกใช้งานครบถ้วน 100% ในทุกๆ วัน เพียงแต่สมองไม่ได้ใช้งานทุกพื้นที่พร้อมๆ กัน แต่สมองจะใช้งานคนละเวลา เพราะแต่ละส่วนทำหน้าที่ต่างกันเท่านั้นเอง

สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ

ที่มา : whatculture | เรียบเรียงโดย เพชรมายา