มีวัฒนธรรมท้องถิ่นของชาวเอเชียที่ทำให้ฝรั่งทึ่งได้อยู่เสมอ หนึ่งในนั้นก็คือการครอบแก้วเพื่อสุขภาพที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานมาจากประเทศจีน จนปัจจุบันได้มีการนำไปปรับปรุงเพื่อใช้วงการกีฬาอาชีพ แต่สำหรับการครอบแก้วในอินโดนีเซียอาจทำให้คุณดูแตกต่างออกไปเล็กน้อย
ย้อนกลับไปตั้งแต่เมื่อ 3,500 ปีก่อน การครอบแก้วได้ถือกำเนิดขึ้นมาตั้งแต่บนโลกของเรายังไม่มีแก้วด้วยซ้ำไป ในยุคนั้นนักบำบัดโรคชาวจีนจะใช้เขาสัตว์เพื่อสร้างโพรงสูญญากาศในการดูดติดกับผิวหนัง แต่ในยุคหลัง ๆ ได้มีการปรับปรุงนำไม้ไผ่มาใช้ และในปัจจุบันก็เป็นการใช้แก้วอย่างที่เราคุ้นเคยกันดี
แต่สำหรับนักบำบัดโรคในอินโดนีเซียยังคงยึดถือวิถีการแพทย์แผนโบราณเช่นเดิมด้วยการนำเขาควายมาใช้ตามภาพที่เห็น
คุณเห็นภาพนี้แล้วนึกถึงอะไร
สำหรับชาวอินโดนีเซียที่ทนทุกข์กับอาการเจ็บป่วยจะหันไปหานักบำบัดเหล่านี้ตามท้องถนนเพื่อใช้เขาควายในการบำบัดรักษา แต่ก็มีผลข้างเคียงที่ตามมาเช่น อาการวิงเวียนศีรษะ เป็นไข้ และอาการปวดข้อ
ในขณะที่ผู้ที่มีชื่อเสียงและนักกีฬาอาชีพบางคนต่างยืนยันว่า วิธีการครอบแก้วสามารถบรรเทาอาการเจ็บป่วยของพวกเขาได้ ถึงแม้ว่ายังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ที่น่าเชื่อถือเพื่อพิสูจน์เรื่องนี้ก็ตาม
ว่ากันตามศาสตร์การแพทย์ของจีนได้อธิบายไว้ว่า การครอบแก้วจะช่วยให้การไหลเวียนของเลือดในบริเวณนั้นดีขึ้น สามารถรักษาอาการปวด โดยเฉพาะบริเวณ บ่า หลัง และเอวได้ ส่วนรอยช้ำที่เกิดจากการครอบแก้วจะหายไปภายในระยะเวลา 5-7 วัน
แต่ความจริงที่เห็นการครอบแก้วในอินโดนีเซีย ชาวตะวันตกเองต่างก็ทึ่งกับการภาพที่เห็นนี้ และพวกเขาต่างคิดว่ามันดูราวกับการคอสเพลย์ให้เป็นราชา “คุปปะ” จากเกม Super Mario
“นักบำบัดโรคที่อื่นมักจะใช้แก้วหรือไม่ไผ่ แต่ที่นี่ในจาการ์ตาพวกเราใช้เขาควาย” อาวิน ศักดิ์เสนา นักบำบัดโรคชาวอินโดนีเซียกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
“การใช้เขาสัตว์เป็นวิธีที่ใช้กันมานานหลายพันปีแล้ว เนื่องจากไม่มีความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น และความร้อนจะช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตในร่างกายอีกด้วย”
ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการครอบแก้วจำนวนมากต่างไม่เห็นด้วยกับวิธีการดังกล่าว เนื่องจากการใช้เขาสัตว์อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ และยังไม่รวมถึงการเจอกับมลพิษที่เกิดขึ้นตามข้างถนน
ถึงแม้จะมีคำเตือนออกมาแบบนี้ แต่ชาวอินโดนีเซียจำนวนไม่น้อยก็ยังเลือกที่จะใช้การครอบเขาควายแบบดั้งเดิมมากกว่า เนื่องจากมีราคาถูกกว่าค่ายามาก และใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น เรียกได้ว่าประหยัดทั้งเงินและเวลา แต่จะรักษาหายหรือเปล่านั่นเป็นอีกเรื่อง
ที่มา : odditycentral | เรียบเรียงโดย เพชรมายา
