7 ข้อควรรู้ในการเลือกเตียงไฟฟ้าผู้สูงอายุ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี

ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ทำให้การดูแลผู้สูงอายุได้ถูกพัฒนาไปมาก โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับการใช้ชีวิตประจำวัน ที่ไม่เพียงแต่ช่วยลดภาระของผู้ดูแล แต่ยังช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ สะดวกสบาย และปลอดภัยมากขึ้น “เตียงไฟฟ้าผู้สูงอายุ” จึงถือเป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่เข้ามาตอบโจทย์ความต้องการนี้ได้อย่างดีเยี่ยม เพราะนอกจากจะครบครันด้วยฟังก์ชันการทำงาน ยังสามารถช่วยอำนวยความสะดวกในการลุก นั่ง นอน และปรับเปลี่ยนท่าทางต่างๆ ได้อย่างสะดวก แต่การเลือกเตียงไฟฟ้าผู้สูงอายุที่เหมาะสมนั้นควรเลือกอย่างไร เรามีปัจจัยที่ต้องนำมาพิจารณามาฝากกันในบทความนี้  

1. ความสามารถในการปรับระดับและฟังก์ชันการใช้งาน 

หัวใจสำคัญของการเลือกเตียงไฟฟ้าผู้สูงอายุ คือความสามารถในการปรับระดับได้หลากหลาย ผู้สูงอายุแต่ละท่านมีความต้องการและข้อจำกัดทางร่างกายที่แตกต่างกัน เตียงไฟฟ้าที่ดีควรมีฟังก์ชันการปรับระดับที่สามารถยกศีรษะ ปลายเท้า หรือทั้งตัวให้ขึ้นลงได้อย่างอิสระ เพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถปรับท่าทางได้อย่างเหมาะสมกับกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือ ดูโทรทัศน์ รับประทานอาหาร หรือแม้กระทั่งการดูแลแผลกดทับ นอกจากนี้ การปรับระดับเตียงให้ต่ำลงได้มากเป็นพิเศษ จะช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถขึ้นลงเตียงได้อย่างปลอดภัย ลดความเสี่ยงในการพลัดตกหกล้มได้

2. ความสะดวกในการควบคุมและใช้งาน 

รีโมทควบคุมเตียงไฟฟ้าควรได้รับการออกแบบให้ใช้งานง่าย ปุ่มกดมีขนาดใหญ่ ชัดเจน มีสัญลักษณ์ที่เข้าใจง่าย หรือบางรุ่นอาจมีฟังก์ชันบันทึกท่านอนที่เหมาะสม เพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถปรับเตียงได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องพึ่งพาผู้ดูแลมากเกินไป อีกทั้งระบบควบคุมควรมีความเสถียร ไม่ซับซ้อน เพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถเรียนรู้และใช้งานได้อย่างรวดเร็ว

3. วัสดุและความทนทาน 

โครงสร้างของเตียงไฟฟ้าผู้สูงอายุควรทำจากวัสดุที่แข็งแรง ทนทาน เช่น เหล็กกล้า เพื่อรองรับน้ำหนักและแรงกดได้ดี รวมถึงมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ที่นอนควรทำจากวัสดุที่ระบายอากาศได้ดี ไม่ก่อให้เกิดความอับชื้น ป้องกันการเกิดแผลกดทับ และทำความสะอาดง่าย วัสดุหุ้มเตียงควรมีความนุ่มสบาย ไม่ระคายเคืองต่อผิวหนังของผู้สูงอายุ

4. ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก 

เตียงไฟฟ้าผู้สูงอายุต้องมีคุณสมบัติด้านความปลอดภัยที่ครบครัน โดยจะต้องให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้เป็นพิเศษ 

ราวกั้นเตียง: ควรมีราวกั้นที่แข็งแรง ปรับระดับได้ หรือสามารถพับเก็บได้เมื่อไม่ใช้งาน เพื่อป้องกันการพลัดตกจากเตียง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะหลงลืมหรือเคลื่อนไหวลำบาก

ระบบล็อกล้อ: ล้อของเตียงควรมีระบบล็อกที่มั่นคง เพื่อป้องกันการเคลื่อนที่โดยไม่ตั้งใจเมื่อผู้สูงอายุขึ้นลงหรือปรับเตียง

ระบบหยุดฉุกเฉิน: ควรมีปุ่มหยุดฉุกเฉินที่เข้าถึงง่าย เพื่อหยุดการทำงานของเตียงได้ทันทีในกรณีเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน

การป้องกันการหนีบ: กลไกการปรับระดับควรมีการออกแบบที่ป้องกันการหนีบนิ้วมือหรืออวัยวะต่างๆ

5. ขนาดและพื้นที่ใช้งาน 

ก่อนตัดสินใจซื้อ ควรวัดขนาดพื้นที่ในห้องที่จะวางเตียงให้เหมาะสม ไม่ควรเลือกเตียงที่มีขนาดใหญ่เกินไปจนทำให้ห้องดูอึดอัด และควรมีพื้นที่เพียงพอให้ผู้ดูแลสามารถเข้าถึงผู้สูงอายุได้สะดวกจากทุกด้าน

6. การบำรุงรักษาและบริการหลังการขาย 

ควรเลือกซื้อเตียงไฟฟ้าผู้สูงอายุจากแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและมีการรับประกันสินค้า พร้อมบริการหลังการขายที่รวดเร็ว รวมถึงมีอะไหล่พร้อมเปลี่ยน ซึ่งหากเกิดปัญหา การมีทีมช่างผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษาและบริการซ่อมบำรุงจะช่วยคลายความกังวลและมั่นใจในการใช้งาน

7. งบประมาณ 

เตียงไฟฟ้ามีราคาที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับฟังก์ชันการใช้งาน วัสดุ และแบรนด์ ควรพิจารณางบประมาณที่ตั้งไว้และเลือกเตียงที่ตอบโจทย์ความต้องการมากที่สุด โดยไม่จำเป็นต้องเลือกฟังก์ชันที่ซับซ้อนเกินความจำเป็นหากผู้สูงอายุไม่ได้ใช้

การเลือกเตียงไฟฟ้าสำหรับผู้สูงอายุที่เหมาะสมนั้นเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะนอกจากจะช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นอย่างแท้จริงแล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เช่น แผลกดทับ หรือการพลัดตกหกล้ม ซึ่งจะส่งผลให้สุขภาพของผู้สูงอายุแข็งแรงขึ้นและมีคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว