การวาดภาพเป็นพื้นฐานของงานศิลปะทั่วไป ผลงานภาพวาดที่สวยงามอาจเป็นแรงบันดาลใจให้คุณเริ่มจับดินสอ บางทีคุณอาจจะค้นพบความสามารถที่ซ่อนในตัวก็เป็นได้ วันนี้เพชรมายาจะขอนำเสนอเกร็ดความรู้และการฝึกฝนสำหรับศิลปินมือใหม่มาฝากทุกคนกัน
1. เริ่มต้นด้วยการวาดภาพโดยใช้สายตาของคุณมากกว่าสมอง มันเป็นสิ่งที่ครูสอนศิลปะพยายามบอกเราแต่มักล้มเหลว
2. มีหลายสิ่งที่คอยหลอกคุณเมื่อคุณพยายามวาดภาพ ยกตัวอย่างเช่นภาพใบหน้าคน สมองเรามีความสามารถในการจดจำสัญลักษณ์ สิ่งที่ศิลปินมือใหม่มักทำผิดพลาดก็คือการไม่วาดในสิ่งที่พวกเขาเห็น โดยส่วนมากจะวาดสัญลักษณ์ที่สมองของพวกเขาจดจำแทนที่ความเป็นจริง
3. นี่คือตัวอย่างที่เห็นได้ชัด ศิลปินเห็นดวงตาโดยใช้สิ่งที่สมองบอกเขาว่าดวงตาเป็นเช่นไร เพราะเราจดจำมาเช่นนั้น
เราจะเห็นว่าศิลปินมักวาดขนตาจากที่สมองของเขาบอกว่ามันเป็นลักษณะเช่นไร ซึ่งมันไม่ใกล้เคียงความจริงเลย
4. จากภาพที่วาดมันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับความเป็นจริงที่ตาเราเห็น ลองเทียบภาพที่ตาเห็นกับที่สมองสั่งให้คุณวาดสิ
5. เอาล่ะ มาดูกันใกล้ ๆ ถึงรูปทรงของดวงตากัน มันไม่ใช่ทรงกลมซะทีเดียว มันมีเหลี่ยมในบางมุมด้วย เป็นความจริงที่ตาดำของเรานั้นไม่ได้เป็นวงกลมอย่างสมบูรณ์แบบ และเปลือกตายังปกคลุมตาดำส่วนหนึ่งอีก คุณจะเห็นขนตามีขนาดประมาณครึ่งหนึ่งของดวงตาเท่านั้น มันเป็นความจริงในสิ่งที่ตาของคุณบอก รูปทรงของพื้นที่สีขาวตรงกับรูปทรงของภาพวาดในตอนนี้
6. หลายคนอาจจะเถียงว่า พวกเขาวาดภาพแบบนี้มาตลอด มันยากที่จะเปลี่ยนแปลง ฉะนั้นเรามาเริ่มกันใหม่ เมื่อคุณวาดภาพ คุณไม่เพียงวาดใบหน้าหรือแค่ดวงตาหรือแค่ส่วนใบหน้าเท่านั้น แต่มันคือรูปทรงซึ่งมีอยู่ในทุกภาพวาดบนโลก มันเป็นการผสมผสานระหว่างแสงและเงา นี่คือตัวอย่าง
เรามาเน้นที่ส่วนแสงและเงากันก่อน โดยตัดสีออกไปในตอนนี้เพื่อไม่ให้สับสน
7. เพื่อให้ง่ายที่สมองของคุณจะลืมสัญลักษณ์ เราจะบังคับให้สมองหยุดจดจำสัญลักษณ์บนใบหน้าที่คุ้นเคยด้วยการกลับหัวภาพนี้
ตอนนี้มาเริ่มกันที่วัตถุเช่นปกเสื้อกันก่อน โดยใส่ใจเรื่องรูปทรงและมุมให้ถูกต้อง ที่เริ่มตรงส่วนนี้เพื่อให้สมองของคุณใส่ใจให้ถูกที่ คุณอาจจะไม่ค่อยคุ้นเคยในช่วงแรก แต่มันจะช่วยมอบทักษะให้คุณได้ในภายหลัง
ต่อมาคือเริ่มต้นวาดที่ใบหน้า สิ่งสำคัญคืออย่าไปใส่ใจถึงรายละเอียดเจาะลึก เน้นไปที่พื้นที่ส่วนใหญ่ก่อน จากนั้นก็เริ่มต้นใส่รายละเอียดลงไป ซึ่งคำแนะนำของครูบอกว่าให้เราหรี่ตาลง ฉะนั้นเรามาทำให้ภาพเบลอกันก่อน
เอาล่ะมาวาดภาพกัน โดยเริ่มกับส่วนที่มืดที่สุดก่อน ถ้าคุณใช้สายตาของคุณมองดู คุณจะสามารถอ้างอิงรายละเอียดส่วนใหญ่ในการวาดภาพของคุณได้โดยไม่ต้องมองไปที่ภาพวาดของคุณ มันเป็นเหมือนเกมจับผิดภาพที่คุณสามารถสังเกตได้เองว่ามันมีความแตกต่างหรือไม่
ระหว่างที่วาดภาพ คุณหมั่นเทียบรูปทรงที่วาดกับภาพต้นแบบ โดยดูที่ค่าแสงและเงา ตำแหน่งของรูปทรงในภาพ ตัวรูปทรงแต่ละชิ้น ทั้งหมดจำเป็นในการตรวจทานทีละขั้น จนรูปทรงดูไม่แตกต่างกับภาพอ้างอิง
จินตนาการถึงขอบของพื้นที่ภาพวาดให้เป็นดั่งไม้บรรทัด และวาดรูปทรงขึ้นมาใหม่ให้ตรงกับที่ตาเห็นเท่านั้น เมื่อทำแบบนี้แล้ว เราจะเทียบความแตกต่างของขนาดรูปทรงในภาพเช่นตรงส่วนขากรรไกรว่ามันยาวไปหน่อยหรือไม่
ต่อมาคือการปรับปรุงภาพโดยรวม ปรับแต่งรูปร่างให้ลงตัว อย่ากลัวที่จะลบส่วนที่ผิดพลาดออกไปแม้มันจะเป็นส่วนที่ใหญ่ก็ตาม ถ้ามันทำให้ภาพดียิ่งขึ้นจงอย่าลังเลที่จะวาดใหม่
ดูดีแล้วใช่ไหมล่ะ เริ่มมีรายละเอียดมากขึ้น รูปทรงที่ตรงกันกับภาพที่เห็น มากลับภาพตามปกติกันเถอะ
เริ่มต้นได้ไม่เลวใช่ไหมล่ะ คราวนี้ยิ่งคุณฝึกฝนสิ่งนี้มากขึ้น คุณจะยิ่งทำได้ดียิ่งขึ้นไปอีก
มีคำสอนของ บ็อบ รอส จิตรกรที่มีชื่อเสียงกล่าวไว้ว่า พรสวรรค์เป็นเรื่องหลอกลวง ไม่มีใครที่เก่งมาตั้งแต่เกิด พรสวรรค์ของพวกเขาล้วนมาจากการฝึกฝนและทำซ้ำทุกวัน จนทุกชิ้นงานคือความภาคภูมิใจของคุณ แม้ว่าคุณจะล้มเหลวไปบ้าง แต่มันทำให้คุณเข้าใกล้คำว่าผู้เชี่ยวชาญมากขึ้นไปอีกขั้น
ที่มา : boredpanda | เรียบเรียงโดย เพชรมายา
สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ