ชาวสวีเดนกำลังฝังชิปในมือ เพื่ออัปเกรดตัวเองให้เป็นมนุษย์ดิจิตอล

ตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2018 เป็นต้นมา มีชาวสวีเดนบางกลุ่มกำลังเข้ารับการผ่าตัดฝังชิปในร่างกายตนเอง โดยจุดที่ผ่าตัดก็คือบริเวณหลังมือระหว่างนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ ซึ่งประโยชน์ของชิปดังกล่าว จะสามารถใช้แทนของใช้ประจำวันรอบตัวไม่ว่าจะเป็น กุญแจ บัตรต่างๆ และสิ่งอื่นๆ ที่ต้องพกติดตัว โดยภายในปี 2018 มีชาวสวีเดนที่ฝังชิปเข้าร่างกายไปแล้วกว่า 100 คน แต่จนถึงปัจจุบันได้มีผู้คนที่ทำการฝังชิปไปแล้วกว่า 4,000 คน และกำลังมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ข้อมูลของชิปที่ถูกฝังบนมือ มีอะไรบ้าง ?

1. มันจะถูกใช้แทนบัตรอิเล็กทรอนิกส์ เช่น บัตรเครดิต, บัตรการเดินทางขนส่งสาธารณะ และพวกคีการ์ดต่างๆ

2. มันมีขนาดเล็กพอๆ กับเม็ดข้าว

3. ราคาการฝังชิปจะอยู่ที่ 180 เหรียญ หรือประมาณ 5,760 บาท บางบริษัทถึงกับเสนอสวัสดิการนี้ให้กับพนักงาน

4. ไม่มี GPS ติดตามตัว ดังนั้นคนที่ถูกฝังชิปจะไม่สามารถถูกตามตัวได้

5. ชิปนี้จะทำงานกับเครื่องอ่านที่มีระยะห่างกันเพียงไม่กี่นิ้วเท่านั้น ซึ่งมันไม่ง่ายเลยที่ใครจะมาขโมยข้อมูลของคุณ เว้นแต่พวกหัวขโมยจะต้องได้มือของคุณไป

6. มันมีข้อมูลในตัวของมันเอง และไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลในชิปได้จากอุปกรณ์อื่นๆ

ภาพการใช้เข็มช่วยฝังชิปลงไป ซึ่งใช้เวลาเพียงไม่ถึงนาทีก็เรียบร้อย

ภาพของชิปเมื่อมองจากภาพ X-ray

ถ้าคุณกดลงไปก็จะเห็นชิปบนมือคุณแบบนี้

ด้วยความอัจฉริยะทั้งหมดทั้งมวลนี้ นักวิทยาศาสตร์บางคนเชื่อว่านี่คืออปุกรณ์ที่จะเปิดโลกดิจิตอลใบใหม่ใหักับชาวสวีเดน เจ้าชิปอัจฉริยะนี้ก็ยังได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากชาวเน็ตในแง่ลบอยู่มาก ชาวเน็ตหลายคนเชื่อว่า ไม่มีใครสามารถการันตีได้จริงๆ ว่าข้อมูลส่วนตัวของเราที่ถูกบรรจุในชิปนี้จะเป็นความลับจริงๆ

ข้อต่อมา มีบางคนเชื่อว่าชิปนี้จะเป็น GPS ที่สามารถติดตามตำแหน่งของตัวเราได้ และมีความเป็นไปได้ที่บริษัทใหญ่ๆ จะใช้ความสามารถอันนี้คอยติดตามพนักงานของพวกเขา นั่นจึงเป็นเหตุผลที่บริษัทเสนอสวัสดิการส่วนนี้ให้ฟรีๆ

ชิปที่ติดไฟ LED ทำให้คุณรู้ตำแหน่งว่าจะต้องสแกนกับเครื่องอ่านตรงไหน

แน่นอนว่ายังคงมีคำถามมากมายเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่อาจเปลี่ยนโลกในอนาคตของเราอันใกล้ มันอาจช่วยคุณให้สะดวกสบายขึ้นในบางเรื่อง แต่ในอีกมุมหนึ่งมันก็อาจมีข้อเสียที่เรายังไม่เคยรู้มาก่อน ถ้าสมมุติว่าเทคโนโลยีชิปนี้ได้แพร่หลายในประเทศไทยจริงๆ คุณจะยอมฝังชิปนี้ในร่างกายเพื่อใช้มันหรือไม่ ? หรือจะยอมใช้กระเป๋าสตางค์กับสมาร์ทโฟนของคุณอยู่เหมือนเดิมเพื่อความสบายใจดีกว่า ?

ที่มา : brightside | เรียบเรียงโดย เพชรมายา

สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ