ไม่กี่ปีหลังบอมฮิโรชิม่า อเมริกาเปิดการท่องเที่ยวเชิงนิวเคลียร์

ถ้าหากพูดว่าโศกนาฎกรรมที่เลวร้ายที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ นั่นก็คือการทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ที่ฮิโรชิม่าและนางาซากิในเดือนสิงหาคมปี 1945 ถึงแม้มันจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้สงครามยุติก็ตาม แต่ก็มีการสูญเสียชีวิตของผู้บริสุทธิ์จำนวนมากอย่างคาดไม่ถึง

และคงไม่มีใครคิดว่าระเบิดนิวเคลียร์จะมาเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวได้ แต่ก็ไม่เสมอไป เพราะหลังจากเกิดเหตุการณ์ทิ้งระเบิดที่ฮิโรชิม่าและนางาซากิไม่กี่ปี ในช่วงทศวรรษที่ 1950 รัฐบาลสหรัฐได้พยายามโน้มน้าวประชาชนเกี่ยวกับระเบิดปรมาณูว่า มันไม่ได้เป็นอันตรายทั้งหมด

การทดสอบนิวเคลียร์เริ่มจริงจังมากขึ้นในช่วงปี 1950 จากการเริ่มต้นของสงครามเย็นที่เป็นภัยคุกคามอย่างมีนัยสำคัญต่อสหรัฐอเมริกา ประธานาธิบดีทรูแมน จึงสร้างพื้นที่ทดสอบนิวเคลียร์ในเนวาดา ที่เรียกว่า Nevada Proving Grounds และเริ่มใช้พื้นที่ดังกล่าวในการทดสอบนิวเคลียร์อย่างเป็นทางการ

แรงระเบิดสามารถมองเห็นได้จากรอบนอกของลาสเวกัส ผู้ประกอบการหัวใสในลาสเวกัส ใช้ความอยากรู้อยากเห็นของประชาชนสร้างเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เรียกว่า “อะตอมมิค ค็อกเทล” ซึ่งกลายเป็นสถานบันเทิงในยามค่ำคืนที่มีชาวลาสเวกัสมาแฮงค์เอาท์ กินเหล้าเคล้าระเบิดนิวเคลียร์กันแบบห่างๆ

ความบันเทิงเริ่มขยายขอบเขตออกไป นอกจากจะมีบาร์สำหรับท่องเที่ยวแล้ว ยังมีการจัดการประกวด “Miss Atomic Bomb” ในปี 1952 รวมถึงมีแสดงกายกรรม คอนเสิร์ต และการเปิดคาสิโนสำหรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย

เป็นเวลากว่า 12 ปี ที่แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิวเคลียร์แห่งนี้ สร้างรายได้ไปมากมายถึง 176 ล้านเหรียญ ซึ่งหากตีมูลค่าเป็นเงินปัจจุบัน จะมากถึง 1.75 พันล้านเหรียญ หรือราวๆ 6 หมื่นล้านบาทเลยทีเดียว

ที่มา : viralnova | เรียบเรียงโดย เพชรมายา