สาวรัสเซียตัดสินใจใช้ชีวิตในไอซ์แลนด์ เผยเรื่องราวที่หลายคนไม่เคยรู้มาก่อน

ไอซ์แลนด์เป็นประเทศที่สวยงามและนับได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับนักเดินทางทั่วโลกที่แสวงหาวิวทิวทัศน์ที่ตระการตา แต่ในขณะเดียวกันหลายคนก็ไม่รู้ว่าประเทศนี้มีกฎหมายและเรื่องราวแปลกประหลาดอยู่อีกด้วย วันนี้สาวรัสเซียนามว่า อนาสตาเซีย อันดรีวา ตัดสินใจที่จะแบ่งปันประสบการณ์ที่เธอพบให้เราได้รับรู้กัน

ในปี 1908 ประชาชนในประเทศลงคะแนนเสียงในการแบนเครื่องดื่มแอลกอฮอลทุกชนิดและ 7 ปีให้หลังกฎหมายก็มีผลบังคับใช้ จนถึงปี 1935 เครื่องดื่มแอลกอฮอลทุกชนิดยกเว้นเบียร์ที่มีแอลกอฮอลมากกว่า 2.25% สามารถดื่มได้อย่างถูกกฎหมาย และในวันที่ 1 มีนาคม 1989 จะนับว่าเป็นวันเบียร์แห่งชาติโดยที่บาร์จะเปิดให้บริการจนถึงเช้าวันถัดไปได้และผู้คนจะสามารถดื่มเบียร์เท่าไหร่ก็ได้ด้วย

Hákarl คืออาหารประจำชาติของไอซ์แลนด์ มันทำมาจากเนื้อปลาฉลามกรีนแลนด์ซึ่งมีพิษ พวกเขาจะนำเนื้อของมันไปบ่มไว้จนเน่าเพื่อขจัดพิษออก จากนั้นจะนำไปตากลมอีกสองเดือนก่อนจะนำมารับประทาน ซึ่งรสชาติของมันช่างแย่มากสำหรับคนที่ไม่คุ้นเคย

ชื่อของลูกในไอซ์แลนด์จะตั้งชื่อนามสกุลตามบิดาของตัวเอง โดยใส่คำว่า ’son’ (ลูกชาย) หรือ ’dottir’ (ลูกสาว) ตามหลังชื่อ ถ้ามีลูกสองคนที่ต่างเพศกันในครอบครัวทั้งสองคนจะได้นามสกุลที่แตกต่างกันไป

รถบัสในเรคยาวิก เมืองหลวงของไอซ์แลนด์ จะวิ่งตามตารางตั้งแต่ตี 1 ของวันธรรมดาและตี 3 ของวันหยุด อัตราค่าบริการอยู่ที่ 120 บาทและไม่มีการทอนเงินให้ถ้าจ่ายเงินสด ฉะนั้นคุณควรเตรียมเงินให้พอดีหรือไม่ก็ใช้แอปพลิเคชั่นจ่ายเงินจะดีกว่า

ประเทศไม่มีร้านแมคโดนัลด์เลย พวกเขาย้ายออกจากไอซ์แลนด์ในปี 2008 เนื่องจากปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ หลังจากนั้นธุรกิจในท้องถิ่นก็เข้ามายึดกิจการในด้านนี้แทน

พิพิธภัณฑ์ลึงค์แห่งไอซ์แลนด์นับได้ว่าเป็นสถานที่แห่งเดียวในโลกที่แสดง “ของลับ” ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมโดยตั้งแต่ของมนุษย์ยันของวาฬอันใหญ่ยักษ์เลยทีเดียว

คนไอซ์แลนด์ไม่นิยมล็อกรถยนต์และบ้าน แถมยังทิ้งกุญแไว้ในรถยนต์อีกด้วย นั่นเพราะอัตราการเกิดอาชญากรรมที่ต่ำมากกว่าหลายประเทศรอบข้าง แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีอาชญากรรมซะทีเดียว

คุณไม่สามารถตั้งเต็นท์ตามอำเภอใจได้ คุณสามารถตั้งเต็นท์ตามจุดที่กำหนดไว้เท่านั้น ข้อยกเว้นเดียวก็คือการที่คุณกำลังเดินทางด้วยเท้าหรือจักรยานที่ไม่อาจไปยังจุดที่กำหนดต่อไปได้ทัน พื้นที่ทุกส่วนของประเทศมีเจ้าของแล้วและคุณต้องถามทางเจ้าของฟาร์มก่อนถึงจะสามารถเข้าไปใช้พื้นที่เพื่อพักผ่อนข้ามคืนได้

คนที่นี่บางส่วนเชื่อเรื่องเอลฟ์และโทรลและมักจะขอคำแนะนำจากพ่อมดหมอผีเมื่อต้องการสร้างถนนหรือบ้าน เนื่องจากหลายพื้นที่อยู่ห่างไกลจากตัวเมืองมากนัก

การขับรถออฟโรดเป็นสิ่งผิดกฎหมาย การขับรถเข้าไปในพื้นที่รกร้างที่ไม่ใช่ท้องถนนที่กำหนดมีโทษปรับถึง 36,000 บาทเลยทีเดียว

คุณไม่สามารถเดินย่ำไปบนต้นมอสได้ เพราะมันใช้เวลานานมากที่มอสจะเติบโตและมันอาจจะเสียหายได้ ฉะนั้น ถ้าคุณมีโอกาสไปประเทศนี้โปรดระวังเท้าของคุณให้ดีละ

หลายคนบอกว่าไอซ์แลนด์มีแค่สองฤดูเท่านั้นคือหน้าหนาวและหน้าร้อนซึ่งมันก็ไม่ผิดนัก โดยส่วนมากอากาศที่นี่จะหนาวมาก พร้อมด้วยฝนและหมอกเป็นส่วนใหญ่

กลางเดือนพฤษภาคม คุณสามารถเล่นในสระน้ำในสภาพอากาศที่แสงแดดออกมา เพื่อเพิ่มสีแทนให้ผิวของคุณได้อย่างมีความสุข แม้นักท่องเที่ยวจะชื่นชอบฝนตกและหมอกในไอซ์แลนด์ แต่หน้าร้อนที่นี่ก็ไม่สวยไม่แพ้กันเลย

ที่ไอซ์แลนด์มี “ฟยอร์ด” (Fjord) มากมาย ฟยอร์ดคืออ่าวที่แคบ และก็ยาวกินพื้นที่เข้าไปในแผ่นดิน แตกแขนงเป็นเส้นเล็ก ๆ เหมือนกับรากต้นไม้ ซึ่งเกิดจากธารน้ำแข็งกัดกร่อนจนแผ่นดินเว้าแหว่งลึกเข้าไป พอน้ำแข็งละลายก็จะกลายเป็นผืนน้ำแคบ ๆ โดยมีหน้าผ้าสูงชันอยู่รอบข้าง โดยฟยอร์ดทางตะวันตกไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมากนัก แม้แต่ในหน้าร้อนเพราะส่วนมากจะไปทางฝั่งตะวันออกซึ่งอบอุ่นมากกว่า

ทุกปีในวันที่ 24 ตุลาคม ผู้หญิงในเรคยาวิก จะออกจากที่ทำงานในเวลา 14:55 เพื่อเข้าร่วมการชุมนุมเพื่อต่อสู้ต่อค่าจ้างที่ไม่เป็นธรรมของผู้หญิงที่ได้รับค่าจ้างต่ำกว่าผู้ชาย 15–20%

แล้วเพื่อน ๆ เคยไปไอซ์แลนด์กันมาแล้วหรือยัง แล้วได้พบเจออะไรน่าสนใจบ้าง บอกให้เรารู้ได้ในคอมเมนต์

ที่มา : brightside | เรียบเรียงโดย เพชรมายา

สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ