ในขณะที่หน่วยงานสำคัญๆ ของโลกต่างออกมาเตือนเกี่ยวกับสภาวะโลกร้อนว่ามันส่งผลต่อธรรมชาติมากแค่ไหน แต่หลายๆ คนก็ยังไม่เห็นถึงความสำคัญเพราะมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว แต่เรื่องราวที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้อาจทำให้คุณต้องคิดใหม่ เพราะมันอาจถึงเวลาแล้วที่เราต้องตระหนักถึงปัญหานี้จริงๆ
ภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในแอนตาร์กติกา เพิ่งเกิดรอยแตกยาวเป็นทาง และนั่นเริ่มทำให้นักวิทยาศาสตร์เริ่มกังวลอย่างจริงจังเกี่ยวกับสถานการณ์นี้
น้ำหนักของมันประมาณ 1 ล้านล้านตัน กินพื้นที่ขนาด 5,800 ตารางกิโลเมตร หรือใหญ่กว่ากรุงเทพเกือบ 4 เท่า
ภูเขาน้ำแข็งลูกนี้อยู่ติดกับแผ่นน้ำแข็งแอนตาร์กติกตะวันตกที่มีชื่อว่า Larsen C และนั่นอาจทำให้พื้นที่บริเวณนี้เกิดความไม่มั่นคงอย่างมาก
กลุ่มนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยสวอนลี ได้เฝ้าติดตามการแบ่งตัวของธารน้ำแข็งแถบนี้มาหลายเดือนผ่านภาพดาวเทียม และพบว่าภูเขาน้ำแข็งนี้เริ่มแตกออกจากแอนตาร์กติการะหว่าง 10-12 กรกฎาคมที่ผ่านมา
หลายคนเชื่อว่ามันอาจเร็วไปที่จะสรุปว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดจากสภาวะโลกร้อน แต่ถ้าไม่ใช่ จะมีเหตุผลอะไรล่ะ ที่ทำให้ก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่เกิดการแตกเป็นแนวยาวได้ขนาดนี้
ข้อสันนิษฐานที่เป็นไปได้มากที่สุดคือการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิในแถบแอนตาร์กติกาตะวันตก แผ่นน้ำแข็งหลายแห่งกำลังแตกออกมากขึ้น และไหลลงไปสู่มหาสมุทรแอตแลนติก
แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าน้ำแข็งเหล่านี้ละลายลงไปสู่มหาสมุทรเรื่อยๆ คำตอบคือ ระดับน้ำทะเลจะค่อยๆ สูงขึ้นนั่นเอง
สิ่งมีชีวิตที่ซวยอันดับต้นๆ ก็คือสัตว์ที่อาศัยอยู่ในแถบขั้วโลก อย่างเช่นเพนกวินจักรพรรดิ ที่บ้านของพวกมันกำลังถูกทำลายอย่างช้าๆ
หลังจากนี้ ภูเขาน้ำแข็งยักษ์เจ้าปัญหาจะถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด เช่นเดียวกับแผ่นน้ำแข็ง Larsen C ที่กำลังสั่นคลอนเช่นกัน
นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ เป็นแค่บทความหนึ่งที่คุณอ่านแล้วก็ผ่านไป แต่ใครจะไปรู้ว่า มันอาจเป็นจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์น้ำท่วมโลกครั้งใหญ่ ที่กำลังค่อยๆ คืบคลานเข้ามาในอนาคตก็เป็นได้
กดถูกใจและสามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ
ที่มา : boredpanda | เรียบเรียงโดย เพชรมายา