ความจริงที่น่าเหลือเชื่อบนแผ่นดินขั้วโลกใต้ ที่เกิดขึ้นจริงแท้แน่นอน

หลายคนอาจรู้จักขั้วโลกใต้ว่าเป็นดินแดนที่หนาวเหน็บที่สุดบนโลกใบนี้ แต่สิ่งแรกที่หลายคนไม่รู้ก็คือแผ่นดินที่ยู่บริเวณขั้วโลกใต้มีชื่อว่า แอนตาร์กติกา (Antarctica) ซึ่งมีสถานะเป็นทวีปไม่ต่างจากเอเชียหรือยุโรป โดยมีขนาดใหญ่ถึง 14 ล้านตางรางกิโลเมตร

หรือใหญ่กว่าประเทศไทยประมาณ 27 เท่าหรือใหญ่กว่าสหรัฐอเมริกาถึง 1.5 เท่า แถมยังเป็นทวีปที่ หนาวที่สุด แห้งแล้งที่สุด และลมแรงที่สุดอีกด้วย แต่นอกจากนี้ล่ะ แอนตาร์กติกายังมีอะไรน่าสนใจอีกบ้าง วันนี้เพชรมายาขอนำมาเล่าให้ทุกท่านได้ฟังกันครับ

1. นักวิทยาศาสตร์อเมริกันเป็นคนแรกและคนเดียวที่จับคู่เดทผ่านแอพ Tinder ได้ในแอนตาร์กติกา

ในคืนที่เงียบเหงาและหนาวเหน็บคืนหนึ่ง นักวิทยาศาสตร์หนุ่มชาวอเมริกันที่ทำงานอยู่ในศูนย์วิจัยแห่งหนึ่งในแอนตาร์กติกา ได้ทดลองใช้แอพ Tinder จับคู่เดทดูเล่นๆ เพื่อดูว่าจะมีผู้หญิงสักคนอยู่บนดินแดนน้ำแข็งแห่งนี้หรือเปล่า ตอนแรกไม่มีใครปรากฏอยู่เลย แต่พอเขาขยายพื้นที่ให้กว้างขึ้นก็พบว่ามีใครบางคนอยู่ที่สถานีวิจัยอีกแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างไปราว 45 นาที หากเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ เขาตกลงจับคู่ทันที และนี่ก็คือการจับคู่กันครั้งแรกในแอนตาร์กติกาแห่งนี้

2. มีสถานที่ในแอนตาร์กติกา ที่ไม่มีฝนตกหรือหิมะตกมานานกว่า 2 ล้านปีแล้ว

ในทวีปแอนตาร์กติกา มีพื้นที่ราว 1% (ประมาณ 4,000 กิโลเมตร) ที่ปราศจากน้ำแข็งอย่างถาวร โดยมันถูกเรียกว่า หุบเขาแห่งความแห้งแล้ง หรือ โอเอซิสแห่งแอนตาร์กติกา นี่คือพื้นที่ๆ แห้งแล้งที่สุดในโลก โดยคาดว่ามันไม่เคยมีฝนหรือหิมะตกมานานกว่า 2 ล้านปีมาแล้ว

3. มีน้ำตกแห่งหนึ่งในแอนตาร์กติกาที่ถูกเรียกว่า น้ำตกสีเลือด

แน่นอนว่ามันไม่ใช่เลือดจริงๆ เมื่อ 5 ล้านปีก่อนตอนที่ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น บริเวณแอนตาร์กติกาตะวันออกก็ถูกน้ำท่วมและส่งผลให้มีทะเลสาบน้ำเค็มเกิดขึ้น หลังจากหลายล้านปีต่อมา ธารน้ำแข็งได้ก่อตัวอยู่บนยอดของทะเลสาบ น้ำที่อยู่ด้านล่างจึงมีความเค็มกว่าน้ำทะเลปกติถึง 3 เท่า ส่งผลให้มันไม่กลายเป็นน้ำแข็ง ซึ่งน้ำที่อยู่ใต้ธารน้ำแข็งเทย์เลอร์ที่ไหลมายังน้ำตกสีเลือด อุดมไปด้วยธาตุเหล็ก และเมื่อน้ำที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็กมาเจอเข้ากับอากาศ ก็จะเกิดการรวมตัวกับออกซิเจน จนเกิดเป็นสีแดง เหมือนกับการเกิดสนิมนั่นเอง

4. อุกกาบาตถูกพบมากที่สุดในแอนตาร์กติกา

อ้างอิงจากนักวิทยาศาสตร์ อุกกาบาตมีโอกาสที่จะตกลงบนพื้นที่ทั่วโลกได้พอๆ กัน แต่ถ้ามันเกิดไปตกในป่า ความชื้นและออกซิเจนก็จะกัดกร่อนมัน แต่ในแอนตาร์กติกาที่มีสภาพภูมิอากาศแห้งแล้ง จึงทำให้มันแทบจะไม่ถูกกัดกร่อนเลย และที่สำคัญ ด้วยพื้นที่ๆ เต็มไปด้วยสีขาว จึงทำให้คุณเห็นก้อนอุกกาบาตเหล่านี้ได้ชัดเจนกว่าที่ไหนๆ ตั้งแต่ปี 1976 เป็นต้นมา นักวิทยาศาสตร์พบอุกกาบาตมากกว่า 20,000 ชิ้น บนทวีปแห่งนี้

5. มนุษย์คนแรกที่เกิดบนแอนตาร์กติกา

ในปี 1978 เอมิลิโอ มาร์กอส พัลมา ได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นมนุษย์คนแรกที่เกิดบนทวีปแอนตาร์กติกา พ่อของเขาเป็นหัวหน้าหน่วยทหารชาวอาร์เจนตินาที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในศูนย์วิจัยเอสเพรันซา และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็มีผู้คนอีกนับสิบที่เกิดบนทวีปแห่งนี้ แต่สถานที่เกิดของเอมิลิโอก็ยังเป็นส่วนที่อยู่ลึกที่สุดและได้ถูกบันทึกเอาไว้ในกินเนสบุ๊คอีกด้วย

6. นี่คือสถานที่ๆ มีน้ำจืดมากที่สุดในโลก

ทวีปแอนตาร์กติกามีน้ำแข็งคิดเป็นสัดส่วนถึง 90% ของโลกใบนี้ และในทวีปแห่งนี้ยังมีน้ำจืดคิดเป็นสัดส่วน 70% ของน้ำจืดทั้งหมดบนโลกอีกด้วย ถ้าน้ำแข็งในแอนตาร์กติกาละลายจนหมด ระดับน้ำทะเลของโลกเราจะสูงขึ้นราว 61 เมตร หรือเรียกได้ว่าเป็นหายนะของโลกก็ว่าได้ เพราะหลายๆ พื้นที่บนโลกใบนี้จะจมอยู่ใต้ทะเลตลอดกาล

7. ความหนาเฉลี่ยของพืดน้ำแข็ง (Ice Sheet) ในแอนตาร์กติกาคือ 1.6 กิโลเมตร

พื้นที่ในแอนตาร์กติกา 99% จะถูกปกคลุมด้วยพืดน้ำแข็งหนา (ยกเว้นพื้นที่หุบเขาแห่งความแห้งแล้ง) ซึ่งความหนาเฉลี่ยของพืดน้ำแข็งเหล่านี้คือ 1,600 เมตร ส่วนความหนาก็จะแตกต่างกันไปตามพื้นที่ ซึ่งพืดน้ำแข็งฝั่งตะวันออกก็จะหนากว่าฝั่งตะวันตก โดยพืดน้ำแข็งที่หนาที่สุด มีหนาเกือบ 4,800 เมตร

8. ภูเขาน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุด มีขนาดใหญ่กว่าประเทศ

จากสถิติที่ถูกบันทึกเอาไว้ ภูเขาน้ำแข็งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกคือ ภูเขาน้ำแข็ง B-15 ซึ่งมีความยาวกว่า 295 กิโลเมตร กว้างกว่า 37 กิโลเมตร และมีพื้นที่พื้นผิวถึง 11,000 ตารางกิโลเมตร ใหญ่กว่าเกาะภูเก็ตของเราถึง 19 เท่า ใหญ่กว่าสิงคโปร์ 15 เท่า ใหญ่กว่าฮ่องกง 4 เท่า ปัจจุบันภูเขาน้ำแข็งก้อนนี้ได้แตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และกระจัดกระจายหายไปในทะเลแล้ว

9. สเปิร์มที่เก่าแก่ที่สุดในโลกถูกพบในแอนตาร์กติกา

ย้อนกลับไปในปี 2015 นักวิทยาศาสตร์จากสวีเดน พบฟอสซิลสเปิร์มโบราณจากหนอน Clitellate ในแอนตาร์กติกา ซึ่งมีอายุกว่า 50 ล้านปี นับเป็นสเปิร์มที่เก่าแก่ที่สุดในโลก โดยสเปิร์มของหนอนดังกล่าวมีอายุขัยที่สั้นมากและมันยากมากที่จะหาพบได้ แต่เนื่องจากมันติดอยู่ในรังไหมดิบในสภาพคล้ายวุ้นก่อนที่มันจะแข็งตัว จึงทำให้สภาพของมันยังคงอยู่มายาวนานหลายล้านปี

10. แอนตาร์กติกาเคยร้อน และมันอาจเป็นได้อีกเนื่องจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

ฟังดูยากที่จะเชื่อ แต่ในอดีตที่ผ่านมา แอนตาร์กติกาเคยเป็นสีเขียว ถือเป็นสรวงสวรรค์ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอย่างเช่นพวก พอสซัมและบีเวอร์ นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า เมื่อประมาณ 52 ล้านปีก่อน ความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หรือก๊าซเรือนกระจก สูงกว่าในปัจจุบันถึง 2 เท่า และก็มีสภาพอากาศที่ร้อนกว่าด้วย และหากยังมีการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลต่อไป ปริมาณก๊าซเรือนกระจกของเราจะกลับไปเท่ากับเมื่อหลายล้านปีก่อนได้ภายในไม่กี่ร้อยปีต่อจากนี้

11. อุณหภูมิพื้นผิวที่ต่ำที่สุดบนโลกคือ -98 องศาเซลเซียส

ย้อนกลับไปในปี 2013 ได้มีการบันทึกสถิติอุณหภูมิบนพื้นผิวโลกที่หนาวเหน็บที่สุดเอาไว้ โดยมันเกิดขึ้นในแอนตาร์กติกาที่อุณหภูมิ -93 องศาเซลเซียส แต่อย่างไรก็ตามภายในปีที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ได้ประกาศสถิติใหม่ที่ทำได้นั่นคือ -98 องศาเซลเซียส ซึ่งเกิดขึ้นบริเวณขั้วโลกใต้ในเวลากลางคืนในช่วงฤดูหนาว ซึ่งนักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า อุณหภูมิ -98 นี้ คืออุณหภูมิที่หนาวที่สุดเท่าที่จะเกิดขึ้นได้บนพื้นโลกแล้ว มีเงื่อนไขหลายอย่างที่จะทำให้อุณหภูมิต่ำขนาดนี้ได้ เช่น อากาศต้องแห้ง ท้องฟ้าแจ่มใสนานหลายวัน อุณหภูมิอาจลงต่ำไปกว่านี้ได้หากเงื่อนไขเหล่านี้เกิดขึ้นได้นานกว่านี้ แต่นักวิทยาศาสตร์คิดว่ามันไม่น่าจะเกิดขึ้นได้

12. แรงโน้มถ่วงของโลกเปลี่ยนไปจากสภาวะโลกร้อน

ในปัจจุบันนี้ ผลกระทบจากสภาวะโลกร้อนนั้นรุนแรงกว่าที่เราจะคาดถึง อย่างเช่น แรงโน้มถ่วงของโลกเองก็ได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์นี้ด้วย ตามที่องค์การอวกาศยุโรป (ESA) ได้ประกาศเอาไว้ว่า อีกภายใน 3 ปี น้ำแข็งในแอนตาร์กติกาจะละลายหายไปมาก ส่งผลให้แรงโน้มถ่วงของโลกเปลี่ยนไป จากการศึกษาหนึ่งพบว่า การสูญเสียน้ำแข็งในแอนตาร์กติกาตะวันตกระหว่างปี 2009-2012 ส่งผลให้สนามแรงโน้มถ่วงทั่วทั้งภูมิภาคต่ำลง

13. อุณหภูมิที่สูงที่สุดในแอนตาร์กติกาคือ 17.5 องศาเซลเซียส

การค้นพบนี้เกิดขึ้นในปี 2015 ซึ่งเป็นจุดที่ตั้งของศูนย์วิจัยเอสเพรันซาของอาร์เจนตินาที่อยู่ใกล้กับปลายด้านเหนือคาบสมุทรแอนตาร์กติก ส่วนอุณหภูมิที่สูงกว่านี้คือ 19.8 องศาเซลเซียส แต่นั่นคือการวัดบนเกาะซิกนี ที่ตั้งอยู่ทางใต้ของหมู่เกาะออร์กนีย์ใต้ ของแอนตาร์กติกา ในปี 1982

14. สุนัขลากเลื่อนถูกแบนจากแอนตาร์กติกาตั้งแต่ปี 1994

ย้อนกลับไปในปี 1911 สุนัขลากเลื่อนได้ถูกนำมาใช้ในกลุ่มนักสำรวจชาวนอร์เวย์ นำโดย โรอัลด์ อมุนด์เซนด์ นักสำรวจคนแรกที่เดินทางมาถึงขั้วโลกใต้ หลังจากนั้นสุนัขลากเลื่อนก็ถูกนำมาใช้ในแอนตาร์กติกามาตลอด จนกระทั่งมีการถูกแบนในปี 1993 เนื่องจากเกรงว่าสุนัขเหล่านี้จะแพร่เชื้อโรคหัดสุนัขไปยังแมวน้ำ หรือไปรบกวนสัตว์ท้องถิ่นในบริเวณนั้น

15. มี 2 ชุมชนที่อาศัยในแอนตาร์กติกา

ชุมชนที่มีขนาดใหญ่กว่าถูกเรียกว่า เมืองแห่งดาว (Villa Las Estrellas) ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 1984 เพื่อที่จะยืนยันการมีสิทธิ์ในดินแดนแห่งนี้ของประเทศชิลี ในปัจจุบันเมืองแห่งนี้มีทั้งสถานีวิจัย โรงเรียน โรงพยาบาล โรงแรม ไปรษณีย์ อินเทอร์เน็ต ทีวี รวมถือโทรศัพท์มือถือ ส่วนชุมชนที่เล็กกว่ามีชื่อว่า ฐานเอสเพรันซา ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับสถานีวิจัยของอาร์เจนตินา มีผู้คนอาศัยอยู่เพียง 10 ครอบครัวหรือ 55 คนในช่วงฤดูหนาว รวมถึงมีคุณครูอีก 2 คน ชุมชนนี้ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 1953 และกลายเป็นที่รู้จักมากขึ้นในปี 1978 เนื่องจากการเกิดขึ้นของ เอมิลิโอ มนุษย์คนแรกที่เกิดในแอนตาร์กติกานั่นเอง

16. มีทะเลสาบมากกว่า 300 แห่งอยู่ใต้พืดน้ำแข็ง

ในปัจจุบันนี้ มีทะเลสาบมากกว่า 300 แห่งที่อยู่ใต้พืดน้ำแข็ง และมันก็ยังไม่กลายเป็นน้ำแข็งเนื่องจากความร้อนภายใต้พื้นพิภาพที่มาจากแกนโลก ทะเลสาบบางแห่งก็เชื่อมต่อกันกลายเป็นทะเลสาบที่กว้างใหญ่ และมันอาจเป็นที่อยู่ของสิ่งมีชีวิตบางประเภทที่นักวิทยาศาสตร์ไม่เคยพบมาก่อน

17. เป็นหนึ่งในสถานที่ๆ ไม่ถูกอาณาจักรมดรุกราน

แอนตาร์กติกา อาร์กติก และ เกาะบางเกาะที่อยู่ห่างไกล ถือเป็นสถานที่ไม่กี่แห่งบนโลกใบนี้ที่ไม่มีมดอาศัยอยู่ เนื่องจากสภาพภูมิอากาศและสภาพภูมิประเทศไม่เอื้ออำนวยต่อการดำรงอยู่ของพวกมดทั้งหลาย

18. มีภูเขาไฟบนแอนตาร์กติกา

ไม่ใช่แค่หนึ่ง แต่มีภูเขาไฟจำนวนมากบนทวีปน้ำแข็งแห่งนี้ หนึ่งในภูเขาไฟที่น่าสนใจที่สุดก็คือ ภูเขาไฟเอเรบัส ที่อยู่ใต้สุดของโลก เป็นหนึ่งในภูเขาไฟที่เกิดการปะทุมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีทะเลลาวาอยู่ข้างใต้ที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 927 องศาเซลเซียส

19. นอกจากไม่มีมด ยังไม่มีงูและสัตว์เลื้อยคลาน

ถึงที่นี่จะมีสิ่งมีชีวิตหลากหลายสายพันธุ์ เช่น แมวน้ำ เพนกวิน วาฬ และนกหลากหลายชนิด แต่สิ่งมีชีวิตที่ไม่สามารถอาศัยอยู่ที่นี่ได้ก็คือสัตว์เลื้อยคลานทั้งหลาย รวมไปถึงงูอีกด้วย ส่วนสัตว์ที่ถูกพบมากที่สุดก็คือ เพนกวิน โดยมีเพนกวินมากกว่า 17 สายพันธุ์ที่นี่ มี 2 สายพันธุ์ที่อาศัยอยู่อย่างถาวรคือ เพนกวินจักรพรรดิและเพนกวินอาเดลี

20. ไม่มีเขตแบ่งเวลา (Time Zone) ในแอนตาร์กติกา

เนื่องจากมีคนอาศัยอยู่น้อยมากในแอนตาร์กติกา จึงทำให้ยังไม่เขตแบ่งเวลาอย่างเป็นทางการ ส่วนสถานีวิจัยที่อยู่บนนี้ก็จะยึดตามเวลาของประเทศนั้นๆ ไป หรือใช้เวลาท้องถิ่นของประเทศที่อยู่ใกล้เคียงที่สุด

21. สภาวะโลกร้อน ทำน้ำแข็งละลายไปแล้วกว่า 3 ล้านล้านตัน

เพียงแค่ระยะเวลา 25 ปีที่ผ่านมา ผลจากสภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นทำให้น้ำแข็งในแอนตาร์กติกาละลายไปแล้วกว่า 3 ล้านล้านตัน โดยเฉพาะในช่วง 5 ปีหลังที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ผลสำรวจจากดาวเทียมหลายแห่งตั้งแต่ปี 1992-2017 โดยกลุ่มนักวิจัยนานาชาติจำนวน 84 คน พบว่า แอนตาร์กติกากำลังประสบภาวะน้ำแข็งละลายเร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 3 เท่าจากปี 2012 จนในปัจจุบันนี้ ได้มีการทำนายเอาไว้ว่า ในแต่ละปีเราจะสูญเสียน้ำแข็งมากกว่า 2.4 แสนตัน

22. สถานที่ๆ ลมแรงที่สุดในโลก

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า แอนตาร์กติกาคือสถานที่ๆ ลมแรงที่สุดในโลกเนื่องจากได้รับอิทธิพลจากลักษณะภูมิประเทศ โดยสถิติที่เคยถูกบันทึกเอาไว้ในปี 1972 ก็คือ 320 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และถึงแม้ว่าหิมะจะไม่ได้ตกที่นี่บ่อยๆ แต่เนื่องจากกระแสลมที่แรงมากพัดให้หิมะจากพื้นปลิวขึ้นมา จนดูเหมือนกับว่ามันมีหิมะตกตลอดเวลา

23. มีตู้ ATM ในแอนตาร์กติกา

กลุ่มธนาคาร Wells Fargo ได้ทำการติดตั้งตู้ ATM ในแอนตาร์กติกาตั้งแต่ปี 1998 ทีสถานทีวิจัยแม็กเมอร์โด ซึ่งเป็นศูนย์วิทยาศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดในทวีปแห่งนี้ แต่ถึงแม้ว่ามันจะอยู่ใกล้กับนิวซีแลนด์มากที่สุด แต่ตู้ ATM นี้จะจ่ายเงินออกมาเป็นดอลลาห์สหรัฐเท่านั้น

24. มีโบสถ์อยู่ทั้งหมด 7 แห่งในแอนตาร์กติกา

ศาสนายังคงเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจให้กับผู้คนได้ทุกพื้นที่ ถึงแม้จะเป็นพื้นที่ๆ มีสภาพอากาศเลวร้ายที่สุดก็ตาม ซึ่งในแอนตาร์กติกาเองก็มีโบสถ์ของชาวคริสเตียนอย่างน้อย 7 แห่งอยู่ที่นี่

25. ไม่มีหมีขาวในแอนตาร์กติกา

หมีสีน้ำตาลในทวีปอเมริกาเหนือ ยุโรปและเอเชีย เป็นบรรพบุรุษของหมีขาวขั้วโลก แต่หมีขั้วโลกจะอยู่ในประเทศหรือดินแดนรอบๆ เขตอาร์กติกเท่านั้น (ฝั่งขั้วโลกเหนือ) เช่น อลาสก้า, นอร์เวย์, รัสเซีย, แคนาดา และ กรีนแลนด์ และไม่มีทางที่มันจะไปอยู่ในแอนตาร์กติกาได้

สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ

ที่มา : boredpanda | เรียบเรียงโดย เพชรมายา