ในขณะที่ผึ้งส่วนใหญ่อาศัยละอองเกสรและน้ำหวานของดอกไม้เป็นสารอาหาร แต่ผึ้งบางชนิดกลับไม่ได้มีพฤติกรรมที่เหมือนผึ้งทั่วไป ตัวอย่างเช่น ผึ้งแร้ง (Vulture Bee) ที่วิวัฒนาการตัวเองมาเพื่อกินซากสัตว์เหมือนกับชื่อของมันเช่นเดียวกับแร้งหรือไฮยีนา
เมื่อไม่สิบปีที่ผ่านมา นักกีฏวิทยาได้ค้นพบว่าไม่ใช่ผึ้งทุกตัวที่จะกินเกสรและน้ำหวาน ลึกเข้าไปในป่าดงดิบของคอสตาริกา พวกเขาได้พบกับผึ้ง 3 สายพันธุ์ที่ดูเหมือนจะชอบซากสัตว์ที่ตายแล้วมากกว่าดอกไม้
นักกีฏวิทยาใช้ดึงดูดผึ้งหลายชนิดโดยการแขวนชิ้นไก่ดิบบนต้นไม้ในป่าดงดิบของคอสตาริกา พวกเขาพบว่าบางชนิดกินทั้งน้ำหวานและเนื้อ แต่มีเพียงแค่ 3 ตัวเท่านั้นที่กินแต่เนื้อเท่านั้น และพวกมันก็คือผึ้งแร้ง
ในการศึกษาที่ตีพิมพ์เมื่อเร็ว ๆ นี้ นักวิทยาศาสตร์ได้เปิดเผยว่า “ผึ้งแร้ง” มีแบคทีเรียในลำไส้ที่เจริญเติบโตในสภาพแวดล้อมที่เป็นกรด เช่นเดียวกับแบคทีเรียที่พบในลำไส้ของสิ่งมีชีวิตที่กินซากอื่น ๆ เช่น แร้งและไฮยีนา
“วิธีคิดที่ง่ายที่สุดเกี่ยวกับผึ้งชนิดนี้ก็คือ พวกมันเป็นแตนมังสวิรัติ พวกมันวิวัฒนาการมาจากตัวต่อ สิ่งที่ทำให้พวกมันแตกต่างจากตัวต่อก็คือพวกมันเป็นมังสวิรัติ” เจสสิกา แม็กคาโร นักศึกษาปริญญาเอกด้านกีฏวิทยาจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ริเวอร์ไซด์ (UCR) กล่าวกับ Insider “นี่เป็นเรื่องที่น่าแปลกจริง ๆ”
ตามปกติแล้ว ตัวต่อจะกินแต่เนื้อสดเนื่องจากซากสัตว์มักเต็มไปด้วยแบคทีเรียที่อาจทำให้ถึงตายได้ เช่น ซัลโมเนลลา และสารพิษอื่น ๆ นั่นเป็นสาเหตุที่สัตว์เพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นที่จะมีกระเพาะเพื่อจัดการกับอาหารเน่าเสีย
ควินน์ แม็กเฟรเดอริก นักกีฏวิทยาจาก UCR ระบุว่า จุลินทรีย์ในลำไส้ของผึ้งแร้งแตกต่างจากผึ้งทั่วไปและคล้ายกับที่พบในแร้ง ไฮยีนา และสัตว์กินซากอื่น ๆ ที่อาจช่วยปกป้องพวกมันจากเชื้อโรคที่เป็นอันตราย
ความลึกลับอย่างหนึ่งที่นักกกีฏวิทยาหวังว่าจะค้นพบก็คือ ผึ้งแร้งมักเก็บซากเอาไว้ในฝักพิเศษนานถึง 2 สัปดาห์ก่อนที่มันจะกินและให้เป็นอาหารแก่ลูก ๆ ของมัน เห็นได้ชัดว่าผึ้งไม่ได้สัมผัสเนื้อเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ดังนั้นนักกีฏวิทยาจึงสงสัยว่า มีกระบวนการอะไรเกิดขึ้นกับเนื้อที่มันเก็บเอาไว้ในฝักช่วงเวลานั้น
และสิ่งที่น่าสนใจที่สุดเกี่ยวกับผึ้งชนิดนี้ก็คือ ถึงแม้ว่าพวกมันจะกินซากสัตว์เป็นอาหาร แต่ผึ้งแร้งก็ยังคงผลิตน้ำผึ้งที่หวานฉ่ำออกมาได้อย่างน่าเหลือเชื่อ แต่ถ้าคุณรู้แล้วว่าอาหารของพวกมันคืออะไร จะกล้ากินน้ำผึ้งของมันอยู่หรือเปล่า
ที่มา : odditycentral | เรียบเรียงโดย เพชรมายา