เชื้อสายของมนุษย์ถูกแยกออกจากบรรพบุรุษร่วมสุดท้ายอย่างชิมแพนซี สิ่งมีชีวิตที่ใกล้ชิดมนุษย์ที่สุดเมื่อราว 5 ล้านปีที่แล้วในแอฟริกา ก่อนจะวิวัฒนาการมาเป็นออสตราโลพิเธซีน และสุดท้ายเป็นสกุลโฮโม ที่ถือกำเนิดมาประมาณ 2 แสนปีที่แล้ว จนกระทั่งพัฒนาการเป็นโฮโมเซเปียน บรรพบุรุษสายตรงของมนุษย์สมัยใหม่ จนกระทั่งในปัจจุบัน จำนวนมนุษย์บนโลกมีสูงกว่า 7 พันล้านคน และคงไม่มีใครคิดว่ามนุษย์จะสูญหายไปจากโลกทั้งหมด
วันนี้เพชรมายาจะขอพาทุกท่านมาลองคิดกันเล่น ๆ ว่า ถ้าเกิดจู่ ๆ มนุษย์ทุกคนหายไปจากโลก หายไปหมดไม่เหลือใครก็ตามแม้แต่คนเดียว โลกของเราใบนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ลองไปชมกัน
1. หลังจากไม่กี่ชั่วโมง
ถ้ามนุษย์หายไปหมดโลกในทันที ผลกระทบแรกที่จะเกิดก็คือ ไฟฟ้าทั้งหมดจะดับลงภายในไม่กี่ชั่วโมง เนื่องจากสถานีไฟฟ้าทั่วโลกจะทำงานโดยเชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ (เชื้อเพลิงที่เกิดจากกระบวนการธรรมชาติ เช่น ถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ น้ำมัน) ที่ใช้แรงงานคนควบคุม จะไม่สามารถทำงานต่อไปได้อีก โลกจะมืดมิดเกือบทั้งหมด แต่พลังงานจากแสงอาทิตย์และกังหันลมจะทำงานต่อไปได้
2. หลังจากไม่กี่วัน
แต่ในเมื่อไม่มีใครดูแล พลังงานจากแสงอาทิตย์และกังหันลมจะหมดลงภายใน 48 ชั่วโมง พลังงานบนโลกทั้งหมดจะหยุดทำงาน สัตว์เลี้ยงตามบ้านจะหิวโหยและเกิดภาวะขาดน้ำ เนื่องจากถูกขังไว้ในบ้าน อุโมงค์รถไฟใต้ดินทั้งหลายจะถูกน้ำท่วม เนื่องจากไม่มีมนุษย์มาคอยควบคุมปั๊มที่ทำให้อุโมงค์แห้ง
3. หลังจากไม่กี่สัปดาห์
สัตว์เลี้ยงตามบ้านจะตายจากการขาดอาหารและไม่สามารถเอาชีวิตรอดจากการใช้ชีวิตข้างนอกได้เนื่องจากสภาพร่างกายไม่เอื้ออำนาย สัตว์เลี้ยงหลายพันธุ์เช่น บูลด็อกและเทอร์เรียจะตายหมด หมาใหญ่จะอยู่รวมกันเป็นกลุ่มเพื่อความอยู่รอดและออกล่าสัตว์ที่เล็กกว่า สัตว์เลี้ยงของมนุษย์ทั้งหลายจะกลายเป็นเหยื่อของสัตว์ใหญ่ที่มีชีวิตรอดในช่วงนี้ สัตว์ในสวนสัตว์จะตาย บางส่วนที่หนีมาได้จะกลับมากลายเป็นนักล่าอีกครั้ง
4. หลังจากไม่กี่เดือน
น้ำที่ช่วยทำความเย็นให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์จะเหือดแห้งไป และนั่นจะเป็นสาเหตุให้เกิดการระเบิดขึ้น สัตว์และพืชนับล้าน ๆ จะตายจากมะเร็งเนื่องจากรังสีจากการระเบิด ระบบบำบัดน้ำเสียที่เชื่อมต่อกับโรงไฟฟ้าจะหยุดการทำงาน ทำให้แม่น้ำและทะเลสาบเต็มไปด้วยของเสีย ระบบนิเวศทั้งหมดถูกทำลาย สารเคมีจากโรงงานจะถูกปล่อยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ ก๊าซธรรมชาติจะทำให้เกิดไฟป่าลุกลามไปนานหลายวัน
5. หลังจาก 1 ปี
เมื่อเวลาผ่านไป 1 ปี ธรรมชาติจะเริ่มสร้างตัวมันเองขึ้นมาใหม่จากการไม่ถูกลุกล้ำโดยมนุษย์ ถ้าโชคดี โลกจะฟื้นตัวขึ้นกลับมาอีกครั้งหลังเกิดระเบิดนิวเคลียร์ สารเคมี และก๊าซธรรมชาติ แต่บรรดาขยะต่าง ๆ เช่นพลาสติกหรือขยะอิเล็กทรอนิกส์ จะถูกพบกระจัดกระจายตามทางน้ำผ่าน สถาปัตยกรรมขนาดใหญ่อย่างสะพานหรือตึกจะเริ่มพุพังเมื่อไร้การดูแล ดาวเทียมหลายพันดวงจะตกลงสู่โลก จนเกิดปรากฏการณ์คล้ายฝนดาวตก
6. หลังจาก 25 ปี
เมื่อไม่มีมนุษย์มาคอยตัดต่อพันธุกรรมพืชที่ทำให้พวกมันโตง่ายและใหญ่โต พืชบนโลกนี้ก็จะเริ่มเปลี่ยนไป มันอาจใช้เวลากว่า 2 ทศวรรษ แต่บรรดาพืชพันธุ์จะเริ่มย้อนกลับไปสู่จุดเริ่มต้นของมัน ตึกและถนนจะถูกปกคลุมไปด้วยหญ้าและต้นไม้ ในเมื่อพืชเพิ่มจำนวนมากขึ้น ก็กลายเป็นแหล่งอาหารของสัตว์หลายชนิด พวกมันก็จะเข้ามายึดบ้านและตึกที่ทรุดโทรม เมืองอย่างเวกัสและดูไบ จะกลับไปสู่ธรรมชาติที่เต็มไปด้วยทรายจากทะเลทรายอีกครั้ง และเมื่อไม่มีมลพิษที่เกิดจากมนุษย์ ทัศนวิสัยในเมืองต่าง ๆ จะมองเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น
7. หลังจาก 300 ปี
สัตว์จะครองโลก สัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์อย่างช้างจะมีจำนวนมากขึ้นเพราะไม่ถูกล่างาอีกต่อไป สัตว์ที่ติดอยู่ในสวนสัตว์บางชนิดอาจเพิ่มจำนวนในดินแดนที่ไม่ใช่บ้าน การแพร่กระจายของสัตว์จะเกิดขึ้นทั่วโลก ช้างและสิงโตที่เคยมีแอฟริกาเป็นบ้าน อาจไปเร่ร่อนอยู่แถวแมนฮัตตัน โลกใต้ทะเลจะอุดมสมบูรณ์เนื่องจากไม่มีมนุษย์มารุกราน
8. หลังจาก 10,000 ปี
ซากเมืองรวมถึงสิ่งที่ระบุการมีอยู่ของมนุษย์จะหายไปจากโลก เหลือเพียงแค่ซากหินจากสิ่งก่อสร้างไม่กี่ก้อน ส่วนพีระมิด กำแพงเมืองจีน ภูเขารัชมอร์จะยังอยู่รอดให้เห็นต่อไป หรืออาจเป็นเพียงสัญลักษณ์ว่า เคยมีมนุษย์อยู่บนโลกใบนี้
9. หลังจาก 50 ล้านปี
สิ่งเดียวที่จะอยู่รอดหลังจากมนุษย์หายไป 50 ล้านปีคือ พลาสติก มนุษย์ต่างดาวจากที่ไหนสักแห่งที่มาเยือนโลกเราจะงุนงงกับพลาสติกที่พวกเขาพบในฟอสซิล มันอาจจะต้องใช้เวลาอีกสัก 50 ล้านปี ที่พลาสติกเหล่านี้จะย่อยสลายไป และอาจเหลือเพียงแค่ร่องรอยว่าครั้งหนึ่ง เคยมีมนุษย์ครอบครองโลกใบนี้อยู่
ที่มา : TheRichest | เรียบเรียงโดย เพชรมายา