โลกเราในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา ทำให้เราได้เห็นว่า การใช้ชีวิตของเรามันเปลี่ยนไปมากแค่ไหน ความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช่วยให้ชีวิตเราสะดวกสบายมากขึ้น ของใช้รอบตัวเราทันสมัยมากขึ้นกว่าเดิมจนเทียบกันไม่ได้ บางสิ่งที่ล้าหลังก็ค่อยๆ สูญหายไป เหลือแต่เพียงเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาแทนที่ ในปัจจุบันนี้คงยากที่เราจะได้เห็นใครที่ใช้ วีดีโอเทป เทปคลาสเซตต์ มือถือพับได้ คอมพิวเตอร์จอตู้ และอื่นๆ อีกมากมาย และแน่นอนว่าสิ่งรอบตัวเราในปัจจุบันนี้อีกหลายๆ อย่างก็จะหายไปในอนาคตอันใกล้อีกด้วย
วันนี้เพชรมายาขอพาทุกท่านไปชมสิ่งต่างๆ ที่เชื่อว่าจะหายไปในอนาคตอีก 20 ปีข้างหน้า หรือภายในปี ค.ศ. 2038 มาลองดูกันว่าจะมีอะไรหายไป ด้วยเหตุผลอะไรกันบ้าง
1. กระจกมองข้าง
ออดี้ ได้เตรียมเปิดตัวรถยนต์ Audi E-Tron ที่ไม่มีกระจกมองข้างในปี 2019 และคาดว่าบริษัทรถยนต์อื่นๆ ก็จะตามรอยออดี้เช่นกัน รถยนต์เหล่านี้จะถูกติดตั้งกล้องพร้อมระบบอัจฉริยะ ที่คุณสามารถมองผ่านหน้าจอทัชสกรีนด้านข้างของประตูได้เลย และกล้องนี้จะคอยช่วยเตือนเกี่ยวกับอันตรายที่จะเกิดขึ้นอีกด้วย
นอกจากนั้น ระบบเกียร์ธรรมดาและเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันก็จะค่อยๆ หมดไปเช่นกัน เนื่องจากบริษัทรถยนต์ต่างเริ่มหันมาผลิตรถยนต์ระบบไฟฟ้ากันมากขึ้น ซึ่งทางประเทศอังกฤษเองได้เริ่มติดตั้งเครื่องชาร์จไฟในทุกอาคารใหม่แล้ว ซึ่งทางรัฐบาลอังกฤษเองวางแผนไว้ว่าจะใช้ประชาชนทุกคนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าให้หมดภายในปี 2035
2. รีโมท
รีโมทกลายอุปกรณ์ที่ทุกบ้านขาดไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นรีโมททีวี วิทยุ แอร์ พัดลม และอื่นๆ ซึ่งต่อไปในอนาคต อุปกรณ์ต่างๆ จะถูกเชื่อมต่อเข้ากับสมาร์ทโฟนและแท็ปแล็ตผ่านแอพลิเคชั่น และเราจะไม่ต้องใช้รีโมทอีกต่อไป
3. เงินสดและบัตรเครดิต
ในปี 2017 บริษัท TSYS ได้ทำการสำรวจวิธีการใช้จ่ายเงินของผู้คนจำนวน 1,000 คน และมีเพียง 120 คนเท่านั้นที่ยังชอบใช้เงินสดอยู่ ในขณะที่คนส่วนใหญ่เลือกที่จะใช้บัตรเครดิต แต่ยุคของบัตรเครดิตกำลังจะหมดลง ตั้งแต่คุณเริ่มทำการชำระเงินผ่านสมาร์ทโฟนได้
ในส่วนของ MasterCard เองก็เตรียมเทคโนโลยีใหม่ที่เรียกว่า Selfie Pay ที่เราสามารถใช้จ่ายชำระเงินเพียงแค่ “กระพริบตา” ผ่านกล้องหน้าสมาร์ทโฟนของคุณของคุณเท่านั้น ซึ่งภายในเดือนพฤศจิกายน 2018 จะมีการเริ่มทดสอบเทคโนโลยีใหม่นี้ในยุโรปบางประเทศ
4. กุญแจ
ในอีก 20 ปีข้างหน้า เราจะลืมเรื่องกุญแจไปได้เลย ไม่ว่าจะเป็นกุญแจบ้าน กุญแจรถ และกุญแจอื่นๆ อย่างเช่นในรถยนต์เองก็มีระบบ Keyless ที่ไม่ต้องใช้กุญแจแบบเดิมอีกต่อไป ส่วนในอนาคต ระบบกุญแจทุกอย่างจะถูกควบคุมผ่านแอพลิเคชั่นบนมือถือของคุณเอง คุณอาจใช้แค่เพียงคำสั่งเสียง การสแกนใบหน้าหรือม่านตาเท่านั้น
5. สายไฟ
เมื่อทุกอย่างเริ่มเข้าสู่เทคโนโลยีไร้สาย พวกสายไฟในอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ก็จะเริ่มหมดไป คุณไม่จำเป็นต้องกังวลกับสายหูฟังที่พันกันยุ่งเหยิง การเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ จะใช้เพียงแค่ระบบเชื่อมต่อสัญญาณที่ดีกว่า บลูทูธ ที่เราใช้อยู่ในปัจจุบัน
6. เข็มฉีดยา
เป็นทั้งข่าวร้ายและข่าวดี ในอนาคตเราจะไม่มีเข็มฉีดยาอีกต่อไป ข่าวดีก็คือจะมีเทคโนโลยีใหม่มาแทนที่ นักวิทยาศาสตร์มีทางเลือกให้คุณ 2 ทาง คือการฉีดไร้เข็มด้วยความเร็วสูง (Needle-Free Jet Injection) ซึ่งเป็นวิธีที่มีหลักการคล้ายกับการฉีดด้วยเข็ม แต่แตกต่างกันเพียงการเอา “ลำพุ่ง” ของเหลวของยาที่มีความเร็วสูงเจาะแทนเข็ม ซึ่งวิธีนี้มีการนำมาใช้้บ้างแล้ว แต่ยังมีค่าใช้จ่ายที่สูงมากอยู่
อีกวิธีคือการให้รับประทานแคปซูลชนิดพิเศษ โดยทางสถาบัน MIT ได้คิดค้นแคปซูลที่เคลือบด้วยเข็มขนาดเล็กจำนวนมาก ที่สามารถฉีดยาโดยตรงลงในเยื่อบุกระเพาะอาหาร ซึ่งจะดีกว่ายาแคปซูลแบบเดิมแบบเทียบกันไม่ติดเลยทีเดียว
7. พนักงานส่งพัสดุ
อาจฟังดูน่าเหลือเชื่อ แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ได้มีการทดสอบการส่งพัสดุด้วยโดรนแทนการใช้คนส่งมาแล้วหลายครั้ง และมันกำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนา ซึ่งต่อไปในอนาคต เราอาจเห็นการส่งพัสดุด้วยเทคโนโลยีที่ดีกว่าโดรน และนั่นจะเป็นจุดจบของบริการส่งพัสดุแบบเดิมๆ ก็เป็นได้
8. ลายเซ็น
เอกสารที่เป็นกระดาษกำลังมีบทบาทน้อยลงเรื่อยๆ และระบบไบโอเมตริกกำลังเข้ามาแทนที่ อย่างที่เราทราบกันดีว่า สมาร์ทโฟนก็มีระบบสแกนใบหน้าเป็นที่เรียบร้อย ตู้ ATM เองก็เช่นกัน และต่อไป ลายเซ็นก็จะค่อยๆ ถูกยกเลิก เพราะการใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าหรือสแกนม่านตา ย่อมยืนยันตนได้ดีกว่าลายเซ็นแน่นอน 100%
9. ถุงพลาสติก
ถือเป็นข้อดีที่มนุษย์ในยุคใหม่ เริ่มหันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น การณรงค์เกี่ยวกับการใช้ถุงพลาสติก็มีให้เราเห็นอยู่เสมอ จนบางประเทศเองก็มีกฏหมายเกี่ยวกับข้อจำกัดของการใช้ถุงพลาสติก และกระตุ้นให้ประชาชนเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้แทน ซึ่งในอีก 20 ปีข้างหน้า ถุงพลาสติกอาจค่อยๆ หมดไป และมีเทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์แบบใหม่ ที่ย่อยสลายได้มาแทนที่
10. เมาส์คอมพิวเตอร์
เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น จะสามารถใช้งานได้ผ่านการใช้มือสัมผัส หรือการเคลื่อนไหวของสายตา เมาส์คอมพิวเตอร์จะกลายเป็นสิ่งล้าหลัง มันอาจหายไปหรืออาจกลายเป็นอุปกรณ์ชิ้นอื่นที่เข้ากับเทคโนโลยีใหม่ๆ กว่านี้
11. ลูกจ้างตาดำๆ
มีคำกล่าวที่ว่า “ไม่มีอะไรแทนที่มนุษย์ได้” แต่มีหลายบริษัทยักษ์ใหญ่ได้เริ่มนำเทคโนโลยีเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์หรือ AI มาใช้ ตัวอย่างเช่นธนาคาร UBS ของสวิตเซอร์แลนด์ ได้ทำการโคลนหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคาร ดาเนียล คัลต์ ขึ้นมาเพื่อเป็นที่ปรึกษาทางด้านการเงินให้กับลูกค้าของธนาคาร พวกเขาใช้กล้อง HD กว่า 120 ตัว ในการบันทึกทุกอิริยาบถของคัลต์ และให้ AI ทำการวิเคราะห์ลักษณะท่าทางการพูดจา ซึ่งในเร็วๆ นี้เราจะได้เห็น ที่ปรึกษาดิจิตอลตัวเป็นๆ เกิดขึ้นในโลกแห่งความจริง
แน่นอนว่า ณ ตอนนี้ คงยังไม่มีคอมพิวเตอร์ที่ทำงานแทนมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ 100% แต่ต่อไปในอนาคต AI เหล่านี้จะสามารถคิดเองได้ ตัดสินใจเองได้ และชะตากรรมอันโหดร้ายก็ตกมาอยู่ที่มนุษย์ตาดำๆ อย่างเราที่ต้องตกงาน เพราะคงไม่มีใครที่จะทำงานได้ 24 ชั่วโมง ไม่แอบหลับในเวลางาน ไม่แอบอู้ไปเล่นเกมในห้องน้ำ ไม่แอบนินทาเจ้าบนหน้าเฟส หรือไม่บ่นขอขึ้นเงินเดือน เหมือนกับพวก AI อย่างแน่นอน
สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ
ที่มา : | เรียบเรียงโดย เพชรมายา