หลายๆ คนคงจะเคยได้ยินคำว่า “แมว 9 ชีวิต” จนอาจคิดไปว่า ถ้าหากแมวตายไปแล้ว มันจะฟื้นขึ้นมาได้ขนาดนั้นรึเปล่า หรือว่ามันตายยาก จริงๆ ทั้งหมดนี้เป็นความเชื่อที่ผิด เพราะจริงๆ แล้ว แมวก็ตายได้ตั้งแต่ชีวิตแรกนี่แหละ แต่ทำไมถึงมีคำว่าแมว 9 ชีวิตล่ะ
ความเชื่อแรก ว่ากันว่าเรื่องราวมันมีมาตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณ ที่เห็นว่าแมวมีความสามารถเอาตัวรอดจากการตกจากที่สูง ผู้คนจึงตระหนักถึงความตายยากของมัน ส่วนทำไมต้อง 9 ชีวิต เลข 9 นี้มาจากการที่ชาวเมือง Heliopolis ในอียิปต์ นับถือเทพ Ra สุริยเทพผู้ให้กำเนิดของเทพองค์ต่างๆ ทั้ง 9 ที่เรียกว่า Ennead โดยในขณะที่ Ra เดินทางไปนรกหรือยมโลก จะรวมร่างทั้ง 9 เอาไว้ที่ตน และเปลี่ยนร่างเป็นแมว กลายเป็นว่า แมวจึงสัมพันธ์กับ 9 ชีวิตนั่นเอง
อีกความเชื่อว่าจากตำนานเรื่องเล่าคือ มีแมวที่หิวโซตัวหนึ่งแอบเข้าไปยังบ้านหลังหนึ่ง และพบกับจานปลา 9 ตัวที่วางอยู่สำหรับอาหารเย็นของเด็กที่อดอยาก 9 คนที่อาศัยอยู่ที่นั่น ด้วยความเห็นแก่ตัวเจ้าแมวเลยกินปลาจนหมด จนไม่เหลืออาหารอยู่บนโต๊ะ
อีกไม่กี่วันต่อมา เด็กอดอยากทั้ง 9 เสียชีวิตลง ส่วนเจ้าแมวก็เสียชีวิตจากการกินมากเกินไปเช่นกัน เมื่อแมวขึ้นไปบนสวรรค์ได้พบกับพระเจ้า พระเจ้าทรงโกรธมากและจับโยนเจ้าแมวตัวนั้นออกมาจากสวรรค์ เจ้าแมวตกลงมา 9 วันกว่าจะมาถึงโลก จนปัจจุบัน แมวยังคงแบกรับ 9 ชีวิตที่หิวโหยของเด็กๆ เอาไว้ในท้อง และมันจะต้องตายถึง 9 ครั้งก่อนที่มันจะตายจริงๆ
ส่วนคำว่า “แมว 9 ชีวิต” ที่พอจะเป็นหลักฐานได้เป็นตำนานเกี่ยวกับแม่มด หนังสือเล่มหนึ่งที่ชื่อว่า “Beware the Cat” (ระวังแมว) ของนักเขียนที่ชื่อว่า วิลเลียม บัลด์วิน ในช่วงยุคมืดปี 1584 มีวลีที่บอกว่า “มันได้รับอนุญาตให้แม่มดตนหนึ่งพรากวิญญาณแมวของเธอไปได้ 9 ครั้ง”
นอกจากนั้นในช่วงยุคมืดนี้เอง มีการผูกโยงเรื่องของแม่มดว่าสามารถแปลงร่างเป็นแมวดำ เป็นเหตุให้แมวดำจำนวนมากถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยม แต่ด้วยความที่แมวดำมีเยอะ ไปที่ไหนก็เจอหน้าตาเหมือนๆ กัน จนบางทีเข้าใจผิดคิดว่ามันยังไม่ตาย เพราะอิทธิฤทธิ์ของแม่มด ซึ่งทำให้แมวมีถึง 9 ชีวิตนั่นเอง
ที่มา : yahoo | เรียบเรียงโดย เพชรมายา