มนุษย์เราใช้เวลา 1 ใน 3 ของชีวิตไปกับการนอนหลับ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานพอสมควร และเรื่องราวความฝันก็เป็นหัวข้อที่คนเราพูดถึงมาเป็นเวลาช้านาน ในตอนแรกวิทยาศาสตร์ไม่อาจบอกเล่าถึงที่มาของความฝันได้ แต่ปัจจุบัน ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าไปไกล ทำให้เราสามารถทราบถึงสาเหตุที่แท้จริงของการทำงานของสมองในขณะที่เราหลับได้
เราเชื่อว่าทุกคนต้องเคยฝันกันมาบ้างอย่างน้อยก็สักครั้งหนึ่งและไม่อาจหยุดคิดถึงเรื่องในความฝันได้ วันนี้เราจะมาบอกเล่าการศึกษาในเรื่องของฝันร้ายและฝันที่แปลกประหลาดที่เราได้พบเจอกัน
ทำไมเราถึงมีฝันที่แปลกประหลาด?
เรื่องราวในความฝันของแต่ละคนแตกต่างกันไปและมันมีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นอย่างไร้เหตุผล และเมื่อเราตื่นขึ้นเราก็มักสงสัยว่าทำไมมันเป็นเช่นนั้น แน่นอนว่าเรื่องนี้มีคำอธิบาย
ทุกคนมีความฝันเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองเพราะการเผชิญกับอารมณ์และเหตุการณ์ที่แตกต่างกันในทุก ๆ วัน เมื่อคุณนอนหลับ สมองของคุณจะเริ่มทำงานอย่างหนัก ความทรงจำระยะสั้นและความทรงจำระยะยาวจะเริ่มปะปนกัน มันจะเปรียบเทียบเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นกับเหตุการณ์ที่ผ่านมานแล้ว นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมคุณสามารถเห็นเรื่องราวจากวัยเด็กของคุณในสถานที่ใหม่ที่คุณใช้ชีวิตอยู่ในปัจจุบัน
ความฝันทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในระหว่างระยะการนอนหลับที่เรียกว่า REM Sleep ที่เกิดขึ้นประมาณ 10-20 นาที และเกิดซ้ำไปซ้ำมาระหว่างเวลาหลับ โดยในระยะนี้ สมองจะทำงานราวกับตื่นอยู่ ยกเว้นส่วนความรับผิดชอบในเรื่องตรรกะ สารเคมีที่ส่งผลด้านตรรกะและความตั้งใจจะลดลงในระหว่างการนอนหลับ จึงไม่น่าแปลกใจที่ฝันของเรามักมีแต่เรื่องราวที่ไม่เป็นปกติ และจะรู้ตัวอีกทีว่ามันเป็นเพียงแค่ฝันหลังจากเราตื่นขึ้นมาแล้ว
แล้วฝันร้ายล่ะ ? ทำไมเราเห็นเรื่องราวสยองขวัญวันสิ้นโลกหรือภูติผีปีศาจ โดนไล่ตามหรือพบฉากที่ไม่น่าพึงประสงค์สักเท่าไหร่ในฝันของเรา นักวิทยาศาสตร์ชาวสวิสและอเมริกาได้ทำการทดลองเพื่อหาคำตอบในเรื่องดังกล่าว และพบว่ามันเป็นรูปแบบการฝึกฝนของระบบประสาท ที่ช่วยให้คนเรารับมือกับอารมณ์ด้านลบในชีวิตจริง โดยอารมณ์ที่เรารู้สึกในความฝันจะช่วยบรรเทาความกดดันในอารมณ์ และช่วยให้เราเตรียมพร้อมรับมือกับเรื่องตึงเครียดในอนาคต ซึ่งจากการศึกษาเพิ่มเติมพบว่า คนที่ฝันร้ายบ่อย ๆ มักตอบสนองต่อเรื่องไม่ดีในชีวิตจริงด้วยความรุนแรงที่น้อยกว่า
เห็นได้ชัดว่า จิตใต้สำนึกของเราพยายามสื่อสารกับเราและช่วยแก้ไขปัญหาที่ทำให้เรารู้สึกกังวล ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณฝันว่าถูกไล่ตาม บ่อยครั้งที่มันสะท้อนถึงปัญหาที่ไม่ได้รับการแก้ไขในชีวิตจริง
แต่ทั้งนี้การศึกษาเรื่องความฝันยังจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมในอนาคตต่อไป
5 ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความฝันที่คุณอาจไม่รู้มาก่อน
1. ทักษะใหม่และความรู้ที่เราได้ประสบมา เช่นการเล่นดนตรีจะถูกวางบนชั้น ในส่วนของสมองที่จำเป็นระหว่างที่คุณหลับ มันทำให้ถูกจดจำได้ง่ายดาย ไม่ว่าคุณจะเตรียมการสอบหรือแค่อยากจดจำสิ่งที่ต้องทำในอนาคต การนอนหลับฝันดีจะช่วยคุณได้
2. คนเราจะมีชีวิตไม่ได้ถ้าขาดการนอนมากกว่าการขาดอาหาร สถิติของคนที่อยู่ได้โดยไม่นอนหลับคือ 11 วัน ซึ่งเราขอแนะนำว่าอย่าทำตามจะดีกว่า
3. มากกว่า 15% ของคนบนโลกเป็นพวกนอนละเมอ ไม่เพียงแค่พวกเขาจะลุกมานั่งหรือเดินไปรอบห้องเท่านั้น แต่บางคนถึงขนาดเดินออกไปนอกบ้านและไปยังที่ห่างไกลได้ขณะกำลังหลับ มีความเชื่อว่าคนที่นอนละเมอไม่ควรถูกปลุก ซึ่งความจริงกลับเป็นตรงกันข้าม
4. คนที่นอนหลับไม่พอจะทำให้อยากอาหารมากขึ้นและฮอร์โมนเลปตินจะลดลง
5. ภายใน 5 นาทีแรกเมื่อเราตื่นขึ้นมา เราจะลืม 50% ของเรื่องราวในฝันของเรา หลังจากผ่านไป 5 นาที เราจะลืมฝันของเราเกือบทั้งหมด
ซิกมันด์ ฟรอยด์ เชื่อว่ามันเป็นเพราะสมองของเราพยายามลบทุกสิ่งจากความทรงจำในฝันของเราซึ่งเป็นความคิดที่ปิดซ่อนไว้ อย่างไรก็ตามมีทฤษฎีที่แตกต่างกันออกไปที่บอกว่าเราเปิดการทำงานของสมองถึงระดับสูงสุดหลังจากตื่นขึ้นมาและการลืมความฝันมีผลจากการทำงานของมัน
แล้วคุณล่ะเคยฝันร้ายที่สุดที่คุณไม่เคยลืมแบบไหนกัน และเคยจำเรื่องราวในฝันทั้งหมดได้ไหม ? ลองมาเล่าสู่กันฟังได้ในคอมเมนต์ครับ
ที่มา : brightside | เรียบเรียงโดย เพชรมายา
สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ