ก่อนยุคเรืองปัญญา (Age of Enlightenment) ในศตวรรษที่ 18 ผู้คนในยุโรปส่วนมากล้วนเชื่อในเรื่องของภูติผีปีศาจ แม่มด แวมไพร์ และศาสตร์มืดต่างๆ ซึ่งในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาก็ได้มีเรื่องราวเหนือธรรมชาติ ที่ถูกบันทึกเอาไว้ได้หลายครั้ง ซึ่งวันนี้เพชรมายาจะขอหยิบยกบางส่วนมาเล่าสู่กันฟัง ใครที่ชื่นชอบเรื่องราวแนวนี้ ห้ามพลาดเด็ดขาด
1. แอปเปิ้ลปีศาจพูดได้แห่งอานน์ซี
ในปี ค.ศ. 1585 เมืองอานน์ซี ประเทศฝรั่งเศส ได้เกิดเหตุการณ์ลึกลับบริเวณสะพานข้ามคลองแห่งหนึ่ง เมื่อจู่ๆ ก็มีเสียงโหวกเหวกโวยวายขึ้นมา ซึ่งปรากฏว่าที่มาของเสียงดังกล่าวคือแอปเปิ้ลลูกหนึ่ง ที่แขวนอยู่บนต้นไม้ใกล้กับสะพาน
แอปเปิ้ลลูกดังกล่าวตะโกนสาปแช่งผู้คน และพูดจาเหลวใหลไร้สาระอยู่นานกว่า 2 ชั่วโมง ชาวบ้านหลายคนเชื่อว่ามันถูกปีศาจเข้าสิง จนกระทั่งมีชายใจกล้าตัดสินใจเอาไม้เขี่ยมันให้ตกลงมา และซัดมันลงคลองไป เหตุการณ์ดังกล่าวจึงสงบลง
2. ช่างทำรองเท้าแห่งเบรสเลา
ในเดือนกันยายน ปี 1591 ณ เมืองเบรสเลา (ปัจจุบันกลายเป็นเมืองวรอตสวัฟ, โปแลนด์) ช่างทำรองเท้าคนหนึ่งตัดสินใจฆ่าตัวตายด้วยการเชือดคอตัวเองอย่างเลือดเย็น หลังจากไม่กี่สัปดาห์ที่ฝังศพของเขา ชาวเมืองรายงานว่า ได้พบเห็นช่างทำรองเท้าปรากฏตัวขึ้นที่บ้านของพวกเขาในตอนกลางคืน ทั้งมานอนทับและทำร้ายพวกเขา
เดือนเมษายน ปี 1592 ชาวเมืองตัดสินใจขุดศพช่างทำรองเท้าขึ้นมา น่าแปลกที่ร่างกายของเขาไม่ได้เน่าเปื่อยไปเสียทั้งหมด สัปเหร่อได้เก็บศพของช่างทำรองเท้าไว้เหนือหลุมเป็นเวลา 6 วัน และฝังเขาลงไปยังจุดอื่นแทน ซึ่งก็มีรายงานการพบเห็นช่างทำรองเท้าอยู่อีกเรื่อยๆ
อีก 1 เดือนต่อมา ศพของช่างทำรองเท้าถูกขุดขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อให้แน่ใจว่าเขาได้ตายจริงๆ ครั้งนี้ ร่างกายของเขาถูกแยกส่วน แขน ขา ศีรษะ ของเขาถูกตัดออกจากกัน รวมถึงหัวใจที่ถูกนำไปทำลาย ซากที่เหลือของเขาถูกนำไปเผา และขี้เถ้าก็ถูกโยนลงไปในแม่น้ำ
3. ครอบครัวมนุษย์หมาป่าแกนดิลเลียน
ในปี 1598 พี่น้องชายหญิงคู่หนึ่งจากฝรั่งเศสตะวันออก ถูกทำร้ายโดยหมาป่าตัวหนึ่ง โดยเด็กชายกล่าวว่า หมาป่าตัวนั้นมีใบหน้าเป็นมนุษย์ และเมื่อกลุ่มชาวนาออกไปตามล่าหมาป่า พวกเขากลับเด็กหญิงที่ชื่อ เปอร์เรเนต์ แกนดิลเลียน โดยที่มีเลือดเปรอะเปื้อนอยู่เต็มเสื้อผ้าของเธอ กลุ่มชาวนารุมฆ่าเด็กหญิงทันที เพราะมีข่าวมานานแล้วว่าครอบครัวของเธอมีความเกี่ยวข้องกับปีศาจ
หลังจากการตายของเธอ ปิแอร์, อองตัวเน็ตต์ และ จอร์จ พี่น้องครอบครัวแกนดิลเลียน ก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นมนุษย์หมาป่าด้วยเช่นกัน ปิแอร์อ้างว่า เขาสามารถเปลี่ยนร่างเป็นหมาป่าได้ เมื่อเขาสวมผิวหนังของหมาป่า ในขณะที่จอร์จก็ทำได้เช่นกัน โดยการทาขี้ผึ้ง สุดท้ายทั้งหมดถูกจับ และถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยการเผาทั้งเป็น
4. การเผชิญหน้ากับ ‘แบนชี’ ของเลดี้ แฟนชอว์
ในปี 1642 เลดี้ แฟนชอว์ และสามีของเธอ เซอร์ ริชาร์ด จากอังกฤษ ได้ไปเยี่ยมชมปราสาทเก่าแก่ของสหายคนหนึ่งในไอร์แลนด์ คืนหนึ่งขณะที่เธอกำลังนอนหลับ เลดี้ต้องสะดุ้งตื่นเนื่องจากได้ยินเสียงกรีดร้อง เธอหันไปที่หน้าต่างและก็พบกับผู้หญิงคนหนึ่งกำลังมองเธอและกรีดร้องอยู่ หญิงคนดังกล่าวกรีดร้องอยู่หลายครั้ง ก่อนที่จะหายไปในอากาศ
เช้าวันต่อมา เลดี้ แฟนชอว์ ได้รับการอธิบายจากผู้ดูแลปราสาทว่า มีสมาชิกครอบครัวคนหนึ่งของที่นี่ได้เสียชีวิตไปเมื่อคืนก่อน และเลดี้เองก็น่าจะได้พบกับปีศาจแบนชี ที่จะมาปรากฏตัวทุกครั้งเวลาที่มีคนเสียชีวิต
5. เด็กชายที่ถูกชุบชีวิตแห่งดัลเฮม
ในปี 1581 ในเมืองดัลเฮม ประเทศลักเซมเบิร์ก มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับชายคนหนึ่งที่ถูกซัคคูบัส (ปีศาจสาวที่ชอบมีเซ็กส์กับผู้ชาย) โน้มน้าวให้ฆ่าลูกชายเขาเอง แต่เพิ่งมาคิดได้เมื่อเขาเริ่มรู้สึกตัว และสุดท้ายกลายเป็นคนที่จมอยู่กับความโศกเศร้าเสียใจ แต่เพียงไม่นานปีศาจสาว เสนอที่จะชุบชีวิตลูกชายของเขาให้ โดยแลกกับการที่เขาต้องสัญญาว่าจะรักเธอเป็นการตอบแทน
เด็กชายตื่นขึ้นมาอีกครั้ง และอาศัยอยู่กับพ่อของเขาเหมือนเดิม แต่เพียงปีเดียว ร่างกายของเด็กน้อยก็ทรุดลงและกลับกลายเป็นศพอีกครั้ง เวทมนตร์ของซัคคูบัสจริงๆ แล้วมันก็คือภาพลวงตาที่หลอกลวงชายคนนั้นนั่นเอง
6. ผู้มาจากท้องฟ้า เมืองลียง
ในช่วงต้นของศตวรรษที่ 9 ชาย 3 คนและผู้หญิงอีก 1 คน ถูกรายงานว่า พวกเขาลงมาจาก ‘เรือเหาะลอยได้’ บนน่านฟ้าของเมืองลียง ประเทศฝรั่งเศส ผู้คนกล่าวหาผู้มาเยือนว่า พวกเขาเป็นพ่อมดที่ชั่วร้ายที่ต้องการมาทำลายพืชผลของพวกเขา แต่ผู้มาเยือนยืนยันว่า พวกเขาเป็นมนุษย์ธรรมดาๆ แต่ถูกลักพาตัวไปโดยกลุ่มชายลึกลับ ขึ้นไปบนสถานที่บนท้องฟ้าที่ถูกเรียกว่า แม็กโกเนีย
ก่อนที่ฝูงชนจะทำรุนแรงกับพวกเขา บาทหลวงนามว่าอโกบาร์ด ได้เข้ามาระงับเหตุดังกล่าว โดยเขาไม่สนใจเรื่องราวแปลกๆ ที่ทั้ง 4 คนเล่าให้ฟัง เพราะคิดว่ามันเป็นแค่จินตนาการของผู้มาเยือน และเนื่องจากบาทหลวงเป็นที่เคารพแก่ชาวบ้านมาก พวกเขาจึงปล่อยทั้ง 4 คนไป โดยไม่ได้ทำร้ายพวกเขา
7. คางคกแห่งฟลานเดอร์ส
ราวๆ ช่วงปี ค.ศ. 1595 คุณพ่อและลูกชายคู่หนึ่งกำลังดื่มอยู่ที่ร้านเหล้าใกล้กับเมืองแฟลนเดอร์ส ประเทศเบลเยียม และมีการถกเถียงกับพนักงานเสิร์ฟสาวถึงเรื่องราคาเหล้าที่พวกเขาดื่ม โดยหลังจากที่พวกเขาออกไปไม่นาน หญิงสาวตะโกนไล่หลังพวกเขาไปว่า “พวกแกจะกลับไม่ถึงบ้านแน่ๆ”
สิ่งที่แปลกก็คือ ในระหว่างที่พ่อลูกกำลังจะพายเรือข้ามแม่น้ำเพื่อกลับบ้าน จู่ๆ เรือก็ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ จนทหารกลุ่มหนึ่งผ่านมาช่วยเหลือพวกเขา แต่ไม่ว่าจะช่วยดึงเรืออย่างไร เรือก็ไม่ขยับแม้แต่น้อย จะพวกทหารสังเกตุเห็นคางคกตัวหนึ่งในเรือ พวกเขาจึงใช้ดาบเสียบคางคกและโยนมันทิ้งลงแม่น้ำไป ซึ่งน่าอัศจรรย์ เรือของพวกเขาขยับได้ทันที
และเพื่อเป็นการขอบคุณทหารกลุ่มนั้น พวกเขาจึงได้พาทหารไปเลี้ยงเหล้าที่ร้านเดิม แต่ปรากฏว่าพนักงานเสิร์ฟสาวไม่อยู่เสียแล้ว เนื่องจากเธอป่วยหนัก และไม่กี่วันต่อมา ก็มีข่าวการเสียชีวิตของเธอเนื่องจากมีบาดแผลที่ลำคอและท้อง ในจุดเดียวกับที่คางคกถูกแทงพอดิบพอดี
8. ผีที่ถูกล่ามแห่งโบโลญญา
ในช่วงกลางศตวรรษที่ 16 วาสเควซ เดอ อโยลา นักศึกษากฏหมายชาวสเปน และเพื่อนอีก 2 คน กำลังมองหาที่พักในเมืองโบโลญญา ประเทศอิตาลี จนกระทั่งพวกเขาพบบ้านร้างขนาดใหญ่ที่ถูกร่ำลือว่าเป็นบ้านผีสิง แต่ทั้งหมดไม่เชื่อเรื่องผี จึงตัดสินใจย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่
คืนหนึ่ง ในขณะที่ทั้งหมดกำลังหลับอยู่ อโยลา ได้ยินเสียงโซ่ที่ถูกลากไปกับพื้นข้างนอกห้อง เขาเดินออกไปและพบผีที่มีแต่โครงกระดูกถูกล่ามโซ่ กำลังเดินออกไปที่สนามข้างนอกบ้านและหายไป เช้าวันรุ่งขึ้น อโยลาเล่าให้เรื่องนี้ให้กับเจ้าหน้าที่ฟัง และช่วยกันขุดพื้นดินบริเวณนั้น จนได้พบกับโครงกระดูกที่มีโซ่ล่ามอยู่ฝังอยู่ หลังจากนั้นเขาก็ไม่เคยพบผีที่ล่ามโซ่อีกเลย
9. การลักพาตัวแม่มดแห่งเบอร์เคลีย์
ในช่วงต้นศตวรรษที่ 12 วิลเลียมแห่งมัลเมสบูรี นักบวชและนักประวัติศาสตร์ ได้บันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังจะตายในเมืองเบอร์เคลีย์ ประเทศอังกฤษ เธอสารภาพกับลูกๆ ของเธอว่า เธอตกเป็นทาสของปีศาจและแม่มดตนหนึ่ง และขอร้องให้พวกเขาฝังเธอในโลงหินที่มัดด้วยโซ่เหล็ก เพื่อไม่ให้ปีศาจขโมยศพของเธอไป
เธอได้ตามที่ปรารถนา ทางโบสถ์คอยเฝ้าดูโลงศพของเธอเป็นเวลา 3 วัน 3 คืน ก่อนที่เธอจะถูกฝัง คนกระทั่งคืนที่ 3 ปีศาจตัวหนึ่งก็โผล่ออกมา ฉีกกระชากประตูโบสถ์ออก เดินตรงมาที่โลงหินและผ่ามันออก มันโยนร่างของเธอขึ้นบนหลังม้าสีดำตัวใหญ่ ที่ปกคลุมไปด้วยหนามเหล็กแหลม และวิ่งหายไปในความมืดยามค่ำคืน
10. ผีดิบแห่งเกาะมิโคนอส
ในขณะที่ไปเยี่ยมชมที่เกาะมิโคนอส ในปี 1700 โจเซป พิตตัน เดอ ทัวร์เนฟอร์ท นักพฤกศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ได้เรียนรู้วิธีทำให้ชาวนาที่ตายแล้วคนหนึ่ง กลับขึ้นมามีชีวิตอีกครั้ง ชายคนดังกล่าวถูกฆ่าตายโดยบุคคลลึกลับในทุ่งนา แต่ภายหลัง เขาฟื้นกลับมากลายเป็น วริคโคลัคคาส ปีศาจผีดิบที่เหมือนกับแวมไพร์ในยุโรปตะวันออก
ในช่วงแรก ผีดิบดูเป็นอันตราย เพียงแต่สร้างความรำคาญอย่างเช่น กลับหัวเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ และมักจะเข้ามากอดผู้คนจากด้านหลัง แต่หลังจากนั้น พวกมันเริ่มก่อความรำคาญให้ชาวเกาะมากขึ้น วริคโคลัคคาส ถูกควักหัวใจออก แต่นั่นไม่ได้หยุดพวกมัน เพราะมันเริ่มทำร้ายผู้คน ขึ้นไปบนหลังคา และขโมยเหล้าของพวกเขา
ในที่สุด เจ้าหน้าที่จึงได้สั่งย้าย วริคโคลัคคาส ทั้งหมดไปบนเกาะเซนต์จอร์จบริเวณใกล้เคียง และเผาทำลายพวกมันทั้งหมดจนไม่เหลือ
สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ
ที่มา : listverse | เรียบเรียงโดย เพชรมายา